03 กรกฎาคม 2557

เก็บบอลหลังตาข่าย World cup 2014

สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายจัดที่ประเทศบราซิลได้ผ่านการแข่งขันรอบ16 ทีมไปแล้ว ตอนที่ผมเขียน blog อยู่นี้ได้ทีมที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแล้ว ได้แก่ ทีมเจ้าภาพ บราซิล,โคลอมเบีย,คอสตาริก้า,เนเธอร์แลนด์,ฝรั่งเศส,เยอรมัน,อาร์เจนติน่าและเบลเยี่ยม  ซึ่ง 1 ใน 8 ทีมแหละครับที่จะได้เป็นแชมป์โลกในครั้งนี้ เราคงจะได้มาติดตามชมกันต่อไป สำหรับวันนี้ ผมขอนำเสนอบทความ "เก็บบอลหลังตาข่าย"  ซึ่งเป็นการเก็บตกสิ่งที่น่าสนใจในการแข่งขันฟุตบอลโลกในรอบแบ่งกลุ่มและรอบ 16 ทีมที่ผ่านมา  (ผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่านบทความครั้งที่ผ่านมาที่ผมเขียนคือ เกร็ดน่ารู้ World cup 2014 ได้นะครับ) 


ทีมที่ได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย


ผมขอเริ่มจากสิ่งที่น่าประทับใจในฟุตบอลโลกครั้งนี้นะครับ

เทคโนโลยีโกล์ไลน์(Goal Line) คลายปัญหาคาใจ

โกลไลน์ถูกใช้ตัดสินประตูครั้งแรกในบอลโลกสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นความก้าวหน้าของฟุตบอลโลกครั้งนี้คือการใช้เทคโนโลยีโกล์ไลน์(Goal Line) มาใช้เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาว่าลูกบอลนั้นเข้าหรือไม่เข้า โดยการฝังชิพในลูกฟุตบอลและมีระบบสัญญาณเซ็นเซอร์ติดไว้ที่เสาประตู เมื่อลูกบอลผ่านเส้นประตูไปทั้งใบ ระบบก็จะส่งสัญญาณไปที่นาฬิกาผู้ตัดสินจะบอกว่าเป็นประตู
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เทคโนโลยีโกล-ไลน์ ก็ถูกใช้ตัดสินเพื่อหาความชัดเจนในการทำประตูเป็นครั้งแรกในการแข่งฟุตบอลโลกแล้ว โดยเกิดขึ้นในนัดที่ ฝรั่งเศส ชนะ ฮอนดูรัส 3-0 จากจังหวะที่ลูกยิงของ คาริม เบนเซม่า (Karim Benzema)หัวหอกของทีม "ตราไก่" ลูกบอลไปชนเสา แล้วเด้งมาโดนตัวของ โนเอล วัลลาดาเรส(Noel Valladares) ผู้รักษาประตูทีมฮอนดูรัส ข้ามเส้นไปแบบทั้งใบอย่างฉิวเฉียด  ผู้ตัดสินมองที่นาฬิกาและเป่าให้เป็นลูกได้ประตูไป  อีกสิ่งหนึ่งที่มักจะเกิดปัญหาในการตัดสินคือจังหวะได้ลูกฟรีคิกและการตั้งกำแพง ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ มีการใช้ "สเปรย์กำหนดเขตกำแพง"

สเปรย์กำหนดเขตกำแพงลดข้อขัดแย้ง

ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่า(FIFA)ได้กำหนดกติกานี้ขึ้นมาใหม่คือ การใช้สเปรย์กำหนดเขตกำแพง   โดยที่สเปรย์ชนิดดังกล่าวนี้ หลังจากฉีดลงไปในพื้นหญ้าไปแล้ว ไม่เกิน 1 นาที รอยสเปรย์ก็จะจางหายไปเอง



ยูอิจิ นิชิมูระ(Yuichi Nishimura) ผู้ตัดสินชาวญี่ปุ่นเป็นคนแรกที่ได้ใช้สเปรย์ชนิดพิเศษ ฉีดพ่นบนสนามระหว่างเกมฟุตบอลโลก นัดเปิดสนาม ระหว่าง บราซิล พบ โครเอเชีย เพื่อกำหนดระยะการยิงฟรีคิก  ซึ่งทำให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรมสำหรับทั้งสองฝ่าย
ผมว่าวงการฟุตบอลไทยก็น่าจะนำสเปรย์ชนิดพิเศษนี้ไปใช้
ในการตัดสิน อาจจะมีสเปรย์พริกไทยด้วย เพื่อใช้ป้องกันตัวสำหรับผู้ตัดสินคนไทยจากแฟนบอลอันธพาลที่ไม่ยอมรับผลการตัดสิน

ตั้งแต่ผมชมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ผมคิดว่ามาตรฐานการตัดสินของผู้ตัดสินครั้งนี้ดีมากกว่าทุกครั้ง ความผิดพลาดน้อยมากโดยเฉพาะในจังหวะสำคัญ การใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยเป็นสิ่งที่ดีและไม่ขัดจังหวะทำลายความต่อเนื่องของการแข่งขันฟุตบอลให้เสียอารมณ์  วงการฟุตบอลไทยควรจะนำสิ่งเหล่านี้มาพัฒนาเพราะฟุตบอลไทยในลีกต่างๆกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เมื่อเทียบกับสมัยก่อน แทบจะไม่ค่อยมีผู้ชมในแต่ละสนาม เวลาโฆษกสนามประกาศแทนที่จะอ่านรายนามผู้เล่นกับประกาศว่า ต่อไปนี้เป็นรายนามผู้ชมจะจบเร็วว่ากล่าวรายนามผู้เล่น แซวกันเล่นนะครับ ทั้งนี้เพราะต้องการเห็นฟุตบอลไทยได้รับการพัฒนาจะได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายกับเขาสักครั้ง

กองเชียร์ชาวญี่ปุ่นช่วยกนทำความสะอาด
จิตสาธารณะของกองเชียร์ชาวญี่ปุ่น
อีกสิ่งหนึ่งที่น่ายกย่องนำมากล่าวชมเชยคือกองเชียร์ชาวญี่ปุ่น แม้ผลงานทีมจะตกต่ำไม่ผ่านรอบแรก แต่ผลงานกองเชียร์ของคนญี่ปุ่นน่าประทับใจ นอกจากจะเป็นกองเชียร์ที่สร้างสีสันแล้ว ยังมีน้ำใจและจิตสาธารณะ หลังเกมการแข่งขันก็ช่วยกันดูแลความสะอาดโดยการช่วยกันเก็บขยะที่อัฒจันทร์ของตนเอง  น่าประทับใจมากๆสำหรับการปลูกฝังวัฒนธรรมที่ดีแบบนี้ คนญี่ปุ่นมีความรักชาติและภาคภูมิใจในความเป็นประเทศของเขา แม้ทีมฟุตบอลของเขาจะตกรอบแรกแบบหมดลุ้นแต่เมื่อนักฟุตบอลของเขากลับบ้านไป พวกเขาได้รับการต้อนรับแบบวีรบุรุษที่กลับมาจากศึกสงครามเลยทีเดียว
(ผู้อ่านสามารถเข้าไปอ่าน บทความ "แรงบันดาลใจ" นักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่นได้นะครับ)

ผิดกลับประเทศเกาหลีใต้ที่ทีมตกรอบแรกเหมือนกัน เมื่อนักฟุตบอลเดินทางมาถึงสนามบินที่กรุงโซลกลับถูกโห่ไล่และขว้างลูกอมใส่ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมของชาวเกาหลีใต้ในการแสดงความไม่พอใจ

เรามาเก็บตกหลังตาข่ายในเรื่องสถิติต่างๆและเรื่องราวที่น่าสนใจในฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยกัน

Miroslav Klose 
โคลเซ่...ดาวยิงสูงสุดฟุตบอลโลก
 มิโรสลาฟ โคลเซ่ (Miroslav Klose) กองหน้าตัวเป้าของ เยอรมัน วัย 36 ปี ฟุตบอลโลกครั้งนี้เขาทำสถิติตะบันในบอลโลกสูงสุดเท่า "โล้นทองคำ" โรนัลโด้ ตำนานดาวยิงชาวบราซิล ด้วยจำนวน 15 ประตู เมื่อโคลเซ่ถูกส่งลงสนามในเกมกับกาน่า ก่อนยิงประตูตีเสมอทัพ "ดาวดำ" 2-2 
ทีมเยอรมันได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแล้ว เขาอาจจะทำประตูได้และเป็นดาวยิงสูงสุดฟุตบอลโลกก็เป็นได้ 
     

Faryd Mondragon
ฟารีด มอนดรากอน (Faryd Mondragon) แม้แก่แต่ยังเก๋า
ช่วงท้ายเกมนัดระหว่าง โคลอมเบีย กับ ญี่ปุ่น ขณะสกอร์ห่าง 3-1 และเหลือเวลาอีกแค่ 6 นาที โฮเซ่ เปเกร์มัน กุนซืออาร์เจนไตน์ตัดสินใจเปลี่ยน ฟารีด มอนดรากอน นายทวารจอมเก๋า ลงมาแทน ดาวิด ออสปิน่า มือหนึ่งของทีมทำให้ ฟารีด มอนดรากอน ลายเป็นผู้เล่นอายุมากที่สุดที่ลงเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ด้วยวัย 43 ปี 4 วัน ทำลายสถิติเดิมของ โรเจอร์ มิลล่า ที่ทำไว้ในปี 1994 จากแมตช์กับรัสเซีย (42 ปี 39 วัน)
Divock Origi
โอริชี่  ดาวรุ่ง ดาวยิงตัว"กลั่น"

ดิว็อค โอริชี่ (Divock Origi) ดาวยิงทีมชาติเบลเยียม กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงประตูได้ในเกมฟุตบอลโลกครั้งนี้ ด้วยวัยเพียง 19 ปี ในนัดที่ชนะรัสเซีย 1-0  นอกจากนี้ทีมเบลเยี่ยมยังเป็นทีมพลังหนุ่มที่มาค่าอายุเฉลี่ยของทีมเพียง 25 ปี ดิว็อค โอริชี่ยังเป็นดาวยิงที่น่าจับตามองที่สโมสรในยุโรปหลายทีมต้องการจะคว้าตัวไปร่วมทีม รวมถึงหงส์แดง ลิเวอร์พูล เราต้องจำชื่อดาวยิงคนนี้ไว้ให้ดีอาจจะเป็นดาวรุ่งในอนาคตก็ได้

ซัวเรซ ดาวดับ ดาวยิงตัว"กัด"
หลุยส์ ซัวเรซ(Luis  Suárez) ดาวยิงชาวอุรุกวัยสร้างเรื่องอื้อฉาวด้วยการไป "งับ" ไหล่ของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ปราการหลังอิตาเลียน  ผลลัพธ์คือถูกฟีฟ่าตัดสินแบน 9 นัดของฟีฟ่าในเกมระดับชาติ นับเป็นบทลงโทษมากที่สุด ทำลายสถิติเดิมที่ฟีฟ่าเคยสั่งลงโทษ เมาโร ทัสซ็อตติ กองหลังอิตาลี กรณีชักศอกใส่ หลุยส์ เอ็นริเก้ ของสเปนในเกมฟุตบอลโลก 1994 ซึ่งคราวนั้น ทัสซ็อตติรับโทษไปเต็มๆ 8 นัดถ้วน 
หลังฟุตบอลโลกครั้งนี้ หลุยส์ ซัวเรซอาจจะย้ายจากลิเวอร์พูลไปและดิว็อค โอริชี่อาจจะมาแทนที่ก็เป็นได้ใครจะไปรู้

นอกจากดาวดับแล้วทีมที่เล่นได้น่าผิดหวังมากๆในฟุตบอลโลกครั้งนี้มีหลายทีม แต่ขอยกมา 2 ทีมขวัญใจมหาชนคือ สเปนและอังกฤษที่ตกรอบแรกแบบหมดลุ้น

แชมป์เก่า เศร้าสนิท มิตรส่ายหน้า
 
 "ทีมกระทิงดุ" สเปน แชมป์โลกและแชมป์ยุโรป มาป้องกันแชมป์ครั้งนี้ด้วยความหวัง แต่เหตุการณ์กลับ
ตาลปัตร ลูกทีมของสุดยอดโค็ช บิเซนเต้ เดล บอสเก้  เปิดสนามพ่ายแพ้ต่อ "ทีมกังหันสีส้ม" แบบหมดสภาพ 1-5  ต่อด้วยการพ่ายแพ้ต่อทีมชิลีอย่างหมดสภาพอีก 0-2 ทำให้
ตกรอบแรก นับเป็นการร่วงรอบแรกของทีม "แชมป์เก่า" ฟุตบอลโลกถึง 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์หลัง นับตั้งแต่ปี 2002 (ฝรั่งเศส) และ 2010 (อิตาลี)  รวมถึงแท็คติกการเล่นฟุตบอลแบบติกิ๊-ตะก๊ะ (
Tiki-taka ) 
เป็นต่อบอลแบบเท้าต่อเท้าสลับไปมาอย่างแม่นยำ แต่ฟุตบอลโลกครั้งนี้ การเล่นบอลของสเปนแบบ "ติกิ๊-ตะก๊ะ" (Tiki-taka)  กลายเป็น "ตะกุกตะกัก" เครื่องเดินสะดุด ต่อบอลไม่ไหลลื่น   เนื่องจากนักฟุตบอลของสเปนหลายคนเลยช่วงสุดยอดของการเป็นนักเตะแล้ว หลังฟุตบอลโลกครั้งนี้คงจะมีการยกเครื่องเปลี่ยนยกชุดสำหรับพลพรรคทีมกระทิงดุ 

"สิงโตคำรามโดนกำราบ" 

ทีมสิงโตคำราม อังกฤษ ทีมขวัญใจมหาชน เดินทางไปบราซิลครั้งนี้ด้วยผู้เล่นดาวรุ่งหลายราย รวมทั้งตัวเก๋าอย่างบักเจิด( Gerrard) และพี่แหลม(Lampard) ทีมอังกฤษมีเพียบพร้อมทุกอย่างที่เพียบพร้อม ยกเว้น"อนาคต"
เพราะเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ต่ออิตาลี 1-2  และนัดต่อมาโดนพิษแข้งจอมโหดอุรุกวัย กำราบซะอยู่หมัดโดยหลุยส์ ซัวเรซจัดการคนเดียว 2 ประตู นัดสุดท้ายทำได้แค่เสมอกับทีมม้ามืดตัวจริงอย่างคอสตาริก้า ทีมพลังกล้วยหอม สายนี้ทีมเต็งอย่างอิตาลีและอังกฤษ กลับกอดคอกันตกรอบปล่อยให้คอสตาริก้าและอุรุกวัยเข้ารอบแบบพลิกความคาดหมาย

นอกจากทีมอังกฤษ อิตาลีและสเปนจะต้องกลับบ้านไปก่อนตั้งแต่รอบแรก ยังมีสุดยอดทีมหลายทีมต้องตกรอบไป เช่นทีมฝอยทองของซุป'ตาร์อย่างโรนัลโด้ โปรตุเกส รวมถึงทีมจากทวีปเอเชียทั้งญี่ปุ่น,เกาหลีใต้,ออสเตรเลีย และอิหร่าน ตกรอบเรียบหมดตั้งแต่รอบแรก แสดงให้เห็นถึงมาตรฐานของทีมจากทวีปเอเชียที่เป็นรองทีมจากทวีปอื่นๆ อย่างมาก

ก่อนจบบทความครั้งนี้ ขอพูดถึงทีมบราซิลที่เจ้าภาพที่ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมไปได้แบบทุลักทุเล แต่ก็ยังทะลุทลวงเข้ารอบไปได้ โดยผ่านทีมแกร่งอย่างชีลีที่ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
ลุยซ์อธิษฐานเผื่อตอร์เรซ
บราซิลทีมนี้มีนักเตะที่เป็นคริสเตียนและมีความเข้มแข็งในความเชื่อหลายคน ทั้งเนย์มาร์(Neymar) และดาวิด ลุยซ์(David Luiz) โดยเฉพาะลุยซ์อดีตดาวเตะเชลซีที่หลังบอลโลกจะย้ายไปร่วมทีมจากฝรั่งเศส อย่างเปเอสเช (PSG)
เนย์มาร์อธิษฐานขอบคุณพระเจ้า
ลุยซ์มักจะอธิษฐานพึีงพาพระเจ้า และให้กำลังใจเพื่อนเสมอ บ่อยครั้งที่สมัยอยู่เชลซีจะอธิษฐานเผื่อเพื่อนร่วมทีมเสมอ  แม้ว่าหลายครั้งพฤติกรรมของพวกเขาในสนามอาจจะไม่เหมาะสมแต่เมื่อออกนอกสนามพวกเขาก็จะไปคริสตจักรและร่วมบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเสมอ
พรแสวงสำคัญกว่าพรสวรรค์
นักเตะซุปเปอร์สตาร์หมายเลข 1 ของโลกชาวอาร์เจนติน่าอย่างเลโอเนล เมสซี่(Leonel Messi) ก็เป็นผู้ที่เข้มแข็งในความเชื่อต่อพระเจ้า เขามักจะอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งเมื่อทำประตูได้ เขาเองฝึกฝนอย่างหนักและพึ่งพาพระเจ้าอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน เพราะเขาคิดว่าการประสบความสำเร็จในวันนี้ ส่วนหนึ่งไม่ใช่มาจาก"พรสวรรค์"ที่พระเจ้าประทานให้เท่านั้น แต่มาจาก"พรแสวง"ที่เขาฝึกฝนและพึ่งพาพระเจ้า 
Leonel Messi

สิ่งนี้เป็นข้อคิดที่เราสามารถมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของเราเพื่อประสบความสำเร็จได้ คือ "มีระเบียบวินัยและฝึกฝนพัฒนาตนเองเสมอ" ตามพระวจนะของพระเจ้าที่อัครทูตเปาโลได้กล่าวไว้ในจดหมายฝากต่างๆ ดังนี้


1ทิโมธี 4:8 เพราะถ้าการฝึกทางกายนั้นมีประโยชน์อยู่บ้าง ทางของพระเจ้าก็มีประโยชน์ในทุกทาง เพราะทรงไว้ซึ่งประโยชน์สำหรับชีวิตปัจจุบันและชีวิตอนาคตด้วย

1โครินธ์ 9:25 ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ เขากระทำอย่างนั้นเพื่อจะได้มงกุฎใบไม้ซึ่งร่วงโรยได้ แต่เรากระทำเพื่อจะได้มงกุฎที่ไม่มีวันร่วงโรยเลย



ครั้งนี้ขอเก็บตกสถิติต่างๆ และเรื่องราวเท่านี้ก่อน ครั้งหน้าเราจะมาคุยกันต่อสำหรับยอดดาวซัลโว ผู้เล่นยอดเยี่ยม รวมถึงแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนี้
พบกันใหม่นะครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น