08 สิงหาคม 2555

แม่ผู้รักคุณเท่าฟ้า


สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน ในวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันสำคัญของปวงชนชาวไทย เพราะเป็น วันเฉลิมพระชนม์พรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และเป็นวันแม่แห่งชาติที่เราจะเทิดทูนพระคุณของคุณแม่ด้วยกัน

ในปีนี้ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติปี 2555 เพื่ออัญเชิญลงหนังสือวันแม่แห่งชาติปี 2555 ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ความว่า


มือของแม่นั้นคือมือช่างปั้น 
ขึ้นรูปอันอ่อนลออจนหล่อเหลา 
อยากให้เป็นงานดีที่งามเงา 
อยู่ที่คอยขัดเกลาแต่เบามือ

เมื่อกล่าวถึงคุณแม่ คุณแม่จึงเป็นผู้ให้ชีวิต เป็นผู้ปั้นแต่งชีวิตเราแต่ละคนดั่งช่างปั้นดินให้เป็นภาชนะที่สวยงาม และสามารถนำไปใช้สอยได้
หากเปรียบเทียบคุณครูเป็น "แม่พิมพ์ของชาติ"
คุณแม่คงเป็น “แม่แบบ”ในการสร้างตามรูปแบบที่ถ่ายทอดจากชีวิตของท่าน

สำหรับผมแล้ว คุณแม่เป็นบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการสนับสนุนและให้การดูแลมาตั้งแต่เด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ คุณแม่ก็ยังคอยห่วงใยและให้การช่วยเหลือเสมอ

ผมภูมิใจที่ใครๆก็ว่า ผมเหมือนแม่ แม้อาจจะไม่ใช่ที่หน้าตา แต่เป็นความคิด ความอ่าน หรือ การดำเนินชีวิต เพราะผมเป็นลูกของแม่ ที่แม่สอนไว้

หากกล่าวถึงเรื่องแม่ในช่วงนี้ คงจะเป็นประเด็นที่พูดกันโจษจันสนั่นเมือง(Talk of the town) นั่นคืออิทธิพลจากละครหลังข่าว (Soap Opera) ที่บางคนอาจจะล้อว่าเป็นละครน้ำเน่า แต่แฟนละครก็จะบอกว่า “แม้น้ำเน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์” อย่างไรก็ตามละครก็สะท้อนสังคม ทำให้เราได้ข้อคิดหากเราเลือกที่จะนำมาใช้ให้ถูกต้อง ไม่ใช่เอาแต่เพ้อฝันไปตามเหล่าดาราซุป’ตาร์ (Superstar) หรือ เหล่าคนที่มีชื่อเสียง(Celebrity)

เรื่องที่ผมกล่าวถึงคือละครเรื่อง “รักคุณเท่าฟ้า” เป็นหนังที่พระเอกคือ คุณเคน ธีระเดช รับบทเป็นกัปตันธีระ กัปตันบนเครื่องบินที่หล่อมาก เป็นที่หลงใหลของสาวๆที่เป็นแอร์โฮสเตส หรือเหล่านางฟ้าที่มารุมชอบ จนกลายเป็นสงครามนางฟ้า
ในเรื่องกัปตันธีระต้องรับภาระในการดูแลแม่ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน แต่หนักใจเมื่อสาวๆที่เข้ามาในชีวิตของลูกชาย ไม่มีใครถูกใจเธอ เธอเรียกร้องความรักจากลูกชาย ไม่ยอมให้ลูกชายคนโปรดได้แต่งงาน ยอมแม้เอาตัวเข้าเสี่ยงขัดขวางงานแต่งงานของลูก  แต่ความจริงแล้วในเรื่องนี้เป็นมุมมองที่มองต่างมุม ความเป็นแม่ที่อยากให้ลูกได้กับคนที่ดีที่สุด แม้ว่าคนที่เป็นลูกมีความขัดแย้งบ้าง แต่ความรักของแม่ลูกก็เป็นสิ่งที่สวยงาม
ผมเชื่อว่าแม่ทุกคนมีความรักและหวังดีให้กับลูก แม้จะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางก็ตาม  เราจะเห็นได้ว่าแม้ว่าคุณแม่ในโลกนี้จะมีความรักลูกอย่างไม่ถูกทาง มีความห่วงและหวงลูกจนทำให้เกิดปัญหา

ในหลักการพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้ให้หลักการครองเรือนของคู่สมรสว่า

ปฐก.2:24 เพราะเหตุนั้นผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน
 ดังนั้นเมื่อลุกแต่งงานมีครอบครัว ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่ และผู้ที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ก็ให้คำแนะนำและสนับสนุนอยู่ห่างๆ เพื่อเปิดทางให้รับผิดชอบครอบครัว

พระเจ้าทรงสร้างแม่เพื่อแสดงความรักของพระองค์ในโลกนี้ ดังสุภาษิตของคนยิว กล่าวว่า
"God could not be everywhere and therefore he made mothers." "เพราะพระเจ้าไม่อาจอยู่ทุกที่บนโลกใบนี้ได้ จึงสร้าง "แม่" ขึ้นมาเป็นตัวแทน"
ฉะนั้นคุณแม่จึงเป็นตัวแทนความรักของพระเจ้าในโลกนี้ แม้พระองค์ไม่ได้อยู่ในโลกแต่ทรงอุ้มชูและดูแลโลกเสมอ ในพระคริสตธรรมคัมภีร์กล่าวถึง "เอวา" ผู้ซึ่งเป็นคุณแม่คนแรกของโลก ว่าเป็นผู้ให้ชีวิต
ปฐก. 3:20 ชายนั้นเรียกภรรยาของตนว่าเอวา {ศัพท์นี้เหมือนคำที่แปลว่า มีชีวิตอยู่} เพราะนางเป็นมารดาของปวงชนที่มีชีวิต
ทั้งนี้เพราะ “แม่” คือผู้สร้างชีวิตลูก เป็นบุคคลสำคัญที่สมควรได้รับการยกย่อง เป็นผู้ที่มีความรักและความเสียสละต่อลูกเสมอ และมีส่วนสำคัญในการสร้างอนาคตชีวิตของลูก

ผมได้ข้อคิดจาก Facebook ทีนิยามคำว่า แม่ -MOTHER ที่น่าสนใจคือ

M = Million of thing to give   แม่คือผู้ให้ทุกสิ่ง
O = Obey God first             แม่คือผู้ที่เชื่อฟังพระเจ้าเป็นอันดับแรก
T = Teach with tears           แม่คือผู้สั่งสอนด้วยน้ำตา
H = Heart of purest            แม่คือผู้มีหัวใจบริสุทธิ์ผุดผ่อง
E = Eyes of love               แม่คือผู้ที่มีตาแห่งความรัก
R = Righteousness              แม่คือผู้ชอบธรรมของพระเจ้า

  สำหรับในพระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวถึงแบบอย่างของแม่ที่ดีไว้มากมาย ผมเคยได้ยกตัวอย่างแม่ในพระคัมภีร์ที่เป็นแบบอย่างอยู่ในทำเนียบแม่ดีเด่น  3 บุคคล ดังต่อไปนี้
(จากบทความ : ความรัก “ตัวแม่”)

1.นางยูนีส-คุณแม่ อบรมลูกในทางพระเจ้า
ยูนีสเป็นแม่ของทิโมธี พระคัมภีร์กล่าวถึงทิโมธีว่าเป็นผู้ที่มีความเชื่ออย่างจริงใจเหมือนกับยายและแม่ของเขา (2ทธ.1:5) และเป็นบุคคลที่ได้เรียนรู้พระวจนะพระเจ้ามาตั้งแต่เด็ก จนมีความเชื่อที่มั่นคง
2.นางฮันนาห์-คุณแม่ที่ส่งเสริมลูกในทางพระเจ้า
ฮันนาห์เป็นแม่ของซามูเอล เธอมีความโดดเด่นในด้านการส่งเสริมลูกในทางของพระเจ้า คือได้มอบถวายซามูเอลไว้แด่พระเจ้า และพาซามูเอลเข้าไปในพระวิหารตั้งแต่เด็ก(1ซมอ.1:26-28)จนเมื่อเติบโตขึ้นซามูเอลได้กลายเป็นผู้เผยพระวจนะที่ยิ่งใหญ่และมีผลมากต่อชนชาติอิสราเอล
3.นางสะโลเม คุณแม่ที่เป็นแบบอย่างในทางพระเจ้า
เธอเป็นแม่ของยอห์นและยากอบบุตรเศเบดี เธอมีความรักที่มั่นคงต่อพระคริสต์ และเป็นแบบอย่างแก่คนทั้งหลายในการติดตามพระเจ้า (มก.15:40,16:1) ยอห์นและยากอบก็เป็นผู้ที่ติดตามพระเจ้าอย่างเหนียวแน่นตลอดชีวิตของพวกเขาเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีคุณแม่ผู้ห่วงใยรักลุกแม้ว่าพระคัมภีร์ม่ได้ระบุชื่อเอาไว้คือ "หญิงม่ายชาวเมืองศาเรฟัท"ในพระธรรม 1พกษ.17:17-24 พระธรรมตอนนี้กล่าวถึงหญิงม่ายชาวเมืองศาเรฟัท ผู้เสียลูกชายไปเนื่องจากความเจ็บป่วย หญิงม่ายผู้นี้มีความรักและความห่วงใยต่อลูกของนางอย่างมาก เมื่อลูกของนางเสียชีวิต นางแสดงออกถึงความเศร้าโศกและพยายามช่วยเหลือลูกอย่างถึงที่สุด โดยขอความช่วยเหลือจากเอลียาห์ 
นี่คือความรักของแม่ที่แผ่ไพศาล จนเป็นที่เล่าขานกันต่อไปแม้จะผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้ว


สิ่งที่ลูกควรที่จะตอบแทนพระคุณของแม่คือ "การเป็นคนดีเพื่อแม่” จากพระธรรม สภษ.23:22-25 ได้ให้วิธีการที่ให้ลูกประพฤติตัวอย่างเหมาะสมต่อบิดามารดา จากพระวจนะตอนนี้เป็นแนวทางภาคปฏิบัติถึงสิ่งดีงามที่เราพึงปฏิบัติต่อบิดามารดาของเรา ดังนี้
สภษ. 23:22-25
22 จง​ฟัง​บิดา​ของ​เจ้า​ผู้ให้​กำเนิด​เจ้า และ​อย่า​ดู​หมิ่น​มารดา​ของ​เจ้า​เมื่อ​นาง​แก่
23 จง​ซื้อ​ความ​จริง​และ​อย่า​ขาย​ไป​เสีย จง​ซื้อ​ปัญญา วินัย และ​ความ​รอบ​รู้
24บิดา​ของ​คน​ชอบธรรม​จะ​เปรม​ปรีดิ์​อย่าง​ยิ่ง บุคคล​ผู้ให้​เกิด​บุตร​ชาย​ที่​ฉลาด​จะ​ยินดี​ด้วย​กัน​กับ​เขา
25 จง​ให้​บิดา​มารดา​ของ​เจ้า​ยินดี จง​ให้​ผู้​ที่​คลอด​เจ้า​เปรม​ปรีดิ์

1.ตั้งใจเชื่อฟัง (ข้อ 22)
พระวจนะกล่าวว่า จงฟังผู้ให้กำเนิด คำว่า “จงฟัง” มาจากรากศัพท์ภาษาฮีบรู หมายถึง การฟังด้วยความใส่ใจ ซึ่งสะท้อนว่า ลูกจะต้องให้ความสำคัญต่อคำสอน คำแนะนำของบิดามารดา ไม่ปล่อยให้คำสอนผ่านไปอย่าง ไร้ความหมาย การฟังอย่างใส่ใจก่อให้เกิดปัญญา เพราะคำสอนของท่านล้วนเป็นประโยชน์ต่อชีวิตลูก

2.ให้เกียรติ (ข้อ 22) 
พระวจนะกล่าวต่อไปว่า “อย่าดูหมิ่นมารดาของเจ้าเมื่อนางแก่” การดูหมิ่น คือ การไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความเคารพนับถือ สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นกับลูก เพราะไม่เข้าใจถึงสภาพที่เปลี่ยนไปทั้งร่างกายและจิตใจของบิดามารดาเมื่อท่านอายุมากขึ้น ลูกบางคนอาจรำคาญใจต่อคำพูด หรือ การกระทำของท่านที่ช่วยตนเองได้น้อยลงตามสภาวะร่างกาย อย่างไรก็ตาม พระวจนะเตือนสติลูกทุกคนให้นบนอบ ให้เกียรติบิดามารดาเสมอ

3.เห็นคุณค่าและยึดมั่นความจริงแห่งพระวจนะ (ข้อ 23)
พระวจนะกล่าวว่า “จงซื้อความจริงและอย่าขายไป” คำว่า “จงซื้อ” ในภาษาเดิมให้ความหมายถึงการเห็นคุณค่า การพยายามที่จะครอบครองหรือเป็นเจ้าของ ส่วนคำว่า “อย่าขาย” ให้ภาพของการยึดไว้ให้มั่น พระวจนะเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ทุกคนจึงควรขวนขวายที่จะได้มา และเมื่อได้มาแล้วต้องยึดมั่นไว้ โดยพยายามที่จะดำเนินชีวิตในความชอบธรรมที่พระวจนะสอนไว้ สิ่งนี้จะนำความจำเริญมาถึงชีวิตของลูกๆ รวมทั้งผู้เชื่อทุกคน

4.ทำให้แม่มีความยินดี (ข้อ 24-25)

พระวจนะกล่าวต่อไปว่า “จงให้บิดามารดาของเจ้ายินดี จงให้ผู้ที่คลอดเจ้าเปรมปรีดิ์” ลูกที่ดีจะกระทำตนให้บิดามารดามีความยินดี ไม่กระทำให้ท่านผิดหวังหรือทุกข์ใจ พระคัมภีร์กล่าวว่า “บิดาของคนชอบธรรมจะเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง” หากเราเป็นคนดี ดำเนินอยู่ในทางชอบธรรม บิดามารดาจึงมีความสุข ความชื่นชมยินดี ซึ่งไม่ใช่ความยินดีเพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่พระวจนะบอกว่า เป็นความเปรมปรีดิ์อย่างยิ่ง

ในช่วงเทศกาลวันแม่ปีนี้ ถึงเวลาทีเราจะใช้โอกาสแสดงความรักและเทิดทูนพระคุณของแม่ ด้วยการทำสิ่งที่ดีเพื่อท่าน ความจริงแล้วเราสามารถแสดงความรักให้กับคุณแม่ของเราได้ทุกวันที่มีโอกาส แต่ในเทศกาลวันแม่ถือเป็นโอกาสพิเศษ เพราะความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่ รักเราเท่าฟ้า

ผมชอบบทเพลงใครหนอ ที่ร้องถึง ความรักของแม่ว่า "จะเอาโลกมาทำปากกา แล้วเอานภามาแทนกระดาษ เอาน้ำหมดมหาสมุทรแทนหมึกวาด ประกาศพระคุณไม่พอ"

ความรักที่ยิ่งใหญ่เท่าฟื้นฟ้าเปรียบได้กับความรักของแม่ ที่ไม่สามารถสรรหาคำใดมาบรรยายได้ แต่ในวันนี้อย่ารอให้ฟ้าเปลี่ยน หรือเวลาจะหมุนไป ให้เรารักคุณแม่ให้เท่าฟ้า และตราบนานเท่านานจนกว่าฟ้าจะดับสูญ 
วันนี้หากคุณแม่ของเรายังอยู่ อย่าอายที่จะบอกรักแม่ และทำสิ่งที่ดีให้กับท่านก่อนที่เราจะไม่มีโอกาส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น