09 กรกฎาคม 2562

พระวิญญาณ – ตราประทับรับรองความเป็นลูก


อห์น 1:12 แต่​ทุก​คน​ที่​ยอม​รับ​พระ​องค์ คือ​คน​ที่​เชื่อ​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​นั้น พระ​องค์​ก็​จะ​ประ​ทาน​สิทธิ​ให้เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า 
จากพระธรรมยอห์นข้อนี้ทำให้เราเข้าใจถึงสิทธิที่เราได้รับทันทีที่เราต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต นั่นคือ การได้รับสิทธิในการเป็นลูกของระเจ้า จึงเป็นสถานะภาพใหม่เมื่อเราบังเกิดใหม่  เนื่องด้วยความรักของพระบิดาในสวรรค์ที่เราสามารถเรียกพระองค์ได้อย่างสนิทสนม ว่า "อับบา" หรือ "พ่อจ๊ะ พ่อจ๋า" ในฐานะของเรา ผู้ที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ได้รับฐานะในการเป็นบุตรของพระเจ้า

ในภาษาฮีบรู คำว่า "อับบา"(אַבָּא -abba)  โดยคำว่า อับ אַבָּ มาจากตัวอักษรตัวแรกคือ อาเลฟ (א) หมายถึง "กำลัง" เป็นอักษรภาพ คือ ภาพของวัว ตัวต่อมาคือตัวอักษรเบธ (ב) หมายถึง "บ้าน" 

ดังนั้นเมื่อรวมคำ พ่อจึงเป็น "ผู้ที่เป็นกำลังของบ้าน" พ่อเป็นผู้ท่ี่สร้างบ้านในพระวจนะของพระเจ้าได้บรรยายถึงความรักของพระบิดา ในฐานะความเป็นพ่อของพระองค์ ได้ดังนี้

โรม  8: 15 เพราะว่าพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานมานั้นจะไม่ทรงให้ท่านเป็นทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่พระวิญญาณจะทรงให้ท่านมีฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพระวิญญาณนั้นเราจึงร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา (พ่อ)” 

กาลาเทีย  4:และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)” 

เอเฟซัส 3:14-16
14 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา  
15 (คำว่า บิดา ของทุกตระกูลในสวรรค์ก็ดี บนแผ่นดินโลกก็ดี มาจากคำว่าพระบิดานี้)  
16 ข้าพเจ้าทูลขอให้ประทานความเข้มแข็งภายในจิตใจด้วยฤทธานุภาพที่มาทางพระวิญญาณของพระองค์แก่พวกท่าน ตามพระสิริอันอุดมของพระองค์

เพื่อทำให้เรามั่นใจในความเป็นลูกและเพื่อให้เราได้รับสิทธิ พระบิดาจึงประทานพระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตร(spirit of adoption) เป็นเสมือนตราประทับรับรองความเป็นลูก เป็นภาพของการที่พ่อสวมแหวนประจำตระกูลให้กับลูก  
การรับเป็นบุตร(adoption) ในที่นี้ให้ความหมายถึง "การไถ่เรากลับมาจากการที่เราหลงหายไป" ไม่ใช่การรับลูกของคนอื่นมาเป็นลูกของตนเอง 
แท้จริงแล้วเราเป็นลูกของพระบิดาอยู่แล้ว พระองค์ทรงกำหนดเราไว้แล้วและมีเป้าประสงค์สำหรับเราอย่างเจาะจงในแต่ละคน

เอเฟซัส 1:พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ล่วงหน้าด้วยความรัก ให้เป็นบุตรของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ ตามความชอบพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์
 Eph 1:5 He predestined us to be adopted through Jesus Christ for Himself, according to His favor and will, (Holman CT Standard BB)

เพียงแต่มารซาตานได้ขโมยเราไปเป็นลูก เมื่อสมัยอาดัมและเอวาปฏิเสธการเป็นลูกด้วยการไม่เชื่อฟังพระบิดา และพระบิดาจึงไถ่เรากลับมาสู่ความเป็นลูกผ่านทางพระบุตร คือ พระเยซูคริสต์ เป็นภาพเหมือนบุตรน้อยหลงหายได้กลับมาหาพ่อ

ลูกา 15:22 แต่บิดาสั่งพวกบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้อที่ดีที่สุดออกมาสวมให้เขา เอาแหวนมาสวมที่นิ้วมือ และเอารองเท้ามาสวมให้ด้วย

การรับกลับมาเป็นลูกอีกครั้งหลังจากหลงหายไป พ่อได้มอบแหวนให้ ดั่งเช่นพระบิดามอบพระวิญญาาณเป็นตราประทับรับรองความเป็นลูก 

โครินธ์ 1:22 และพระองค์ทรงประทับตรารา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย

เอเฟซัส 1:13-14
13ในพระคริสต์ ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นด้วย คือเมื่อพวกท่านได้ยินสัจวาทะคือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และวางใจในพระองค์แล้ว พวกท่านก็ได้รับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่ทรงสัญญาไว้
14 พระ​วิญ​ญาณ​นั้น​เป็น​มัด​จำ​ใน​การ​รับ​มร​ดก​ของ​เรา จน​กว่า​คน​ของ​พระ​เจ้า​จะ​ได้​รับ​การ​ไถ่ เพื่อ​เป็น​การ​ยก​ย่อง​พระ​เกียรติ​ของ​พระ​องค์ 

 เอเฟซัส 4:30 และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่
การรับรองเป็นการมัดจำไว้ล่วงหน้า เพื่อลูกนั้นจะเติบโตเพิื่อรับสิทธิการครอบครองนั่นคือมรดกที่เราจะได้รับจากพระบิดา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม 

พระธรรมยอห์นบทที่ 14 พระเยซูคริสต์ทรงอธิบายเรื่องนี้ ดังนี้ 
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตร ทรงมาเพื่อไถ่เราและเตรียมเราไปสู่พระบิดา ทรงเป็นทางนั้น ความความจริงและเป็นชีวิตสู๋พระบิดา 
ยอห์น 14:6 พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เรา​เป็น​ทาง​นั้น เป็น​ความ​จริง และ​เป็น​ชีวิต ไม่​มี​ใคร​มา​ถึง​พระ​บิดา​ได้​นอก​จาก​จะ​มา​ทาง​เรา

พระบิดาไม่ปล่อยให้เราเป็นลูกกำพร้า(ลูกไม่มีพ่อ) แต่จะให้พระวิญญาณมาเพื่อรับเราเป็นลูก
ยอห์น 14:16-18
16 เรา​จะ​ทูล​ขอ​พระ​บิดา และ​พระ​องค์​จะ​ประ​ทาน​ผู้​ช่วย​อีก​ผู้​หนึ่ง​ให้​กับ​พวก​ท่าน เพื่อ​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​ตลอด​ไป
17 คือ​พระ​วิญ​ญาณ​แห่ง​ความ​จริง​ซึ่ง​โลก​รับ​ไว้​ไม่​ได้ เพราะ​มอง​ไม่​เห็น​และ​ไม่​รู้​จัก​พระ​องค์ พวก​ท่าน​รู้​จัก​พระ​องค์​เพราะ​พระ​องค์​สถิต​อยู่​กับ​ท่าน และ​จะ​ประ​ทับ​อยู่​ท่าม​กลาง​ท่าน
18 “เรา​จะ​ไม่​ละ​ทิ้ง​พวก​ท่าน​ไว้​ให้​เป็น​ลูก​กำพร้า เรา​จะ​มา​หา​ท่าน

พระเยซูคริสต์ พระบุตรจะอยู่แค่ชั่วคราวในเวลาพระราชกิจของพระองค์แต่พระวิญญาณจะอยู่กับผู้เชื่อตลอดไป และพระเยซูทรงไปจัดเตรียมบ้านให้กับเราได้ไปอยู่กับพระบิดาในเวลาที่เหมาะสม
ยอห์น 14:2-3 
2 ใน​พระ​นิ​เวศ​(บ้าน)ของ​พระ​บิดา​เรา​มี​ที่​อยู่​มาก​มาย ถ้า​ไม่​มี​เรา​คง​บอก​ท่าน​แล้ว เพราะ​เรา​ไป​จัด​เตรียม​ที่​ไว้​สำ​หรับ​พวก​ท่าน
3 เมื่อ​เรา​ไป​จัด​เตรียม​ที่​ไว้​สำ​หรับ​ท่าน​แล้ว เรา​จะ​กลับ​มา​อีก​และ​รับ​ท่าน​ไป​อยู่​กับ​เรา เพื่อ​ว่า​เรา​อยู่​ที่​ไหน​พวก​ท่าน​จะ​ได้​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย

ในพระธรรมยอห์น บทที่ 14  คำว่า ใน​พระ​นิ​เวศ​(บ้าน)ของ​พระ​บิดา​ ให้ความหมายถึง "เพิงที่อยู่อาศัย(Sukkah  סוכה)"และเพิง (chuppah חוּפָּה‎)สถานที่จัดงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองในสวรรค์ 
นั้นคือ ภาพงานสมรสของพระเมษโปดก คือ พระเยซูคริสต์แต่งงานกับเจ้าสาวคือคริสต์จักร และภาพของงานเลี้ยงรับบุตรน้อยกลับมา  ตามอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย (ลูกาบทที่ 15 :23-24  และ​จง​ไป​เอา​ลูก​วัว​ตัว​ที่​อ้วน​พี​มา​ฆ่า​เลี้ยง​กัน​เพื่อ​ความ​รื่น​เริง เพราะ​ว่า​ลูก​ของ​เรา​คน​นี้​ตาย​แล้ว​แต่​กลับ​เป็น​ขึ้น​อีก หาย​ไป​แล้ว​แต่​ได้​พบ​กัน​อีก’ พวก​เขา​ต่าง​ก็​มี​ความ​รื่น​เริง )

พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงเป็นตราประทับรับรองความเป็นลูกสำหรับชีวิตของเรา เพื่อทำให้เราเข้าใจและรับสิทธิในการเป็นลูก และพระวิญญาณจะช่วยก่อร่างสร้างชีวิตภายในของเราจนเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์

โคโลสี 1:28-29
28 พระ​องค์​นี้​แหละ​ที่​เรา​ประ​กาศ​อยู่​โดย​การ​เตือน​สติ​และ​สั่ง​สอน​ทุก​คน​ด้วย​สรรพ​ปัญ​ญา เพื่อ​ว่า​เรา​จะ​ถวาย​ทุก​คน​ที่​เป็น​ผู้ใหญ่​แล้ว​ใน​พระ​คริสต์
29 เพราะ​เหตุ​นี้ ข้าพ​เจ้า​จึง​ตราก​ตรำ​ต่อ​สู้​ตาม​กำ​ลัง​ที่​พระ​องค์​ทรง​ทำ​กิจ​ใน​ตัว​ข้าพ​เจ้า​อย่าง​มาก​มาย

พิธี Bar mitsvah
ตามธรรมเนียมคนยิวจะมีพิธีบาร์ มิตซวาห์ (Bar mitsvah)  โดยเมื่อเด็กชายอายุ 13 ปีบริบูรณ์จะต้องเข้าจึงจะถือว่าเด็กหนุ่มได้กลายเป็นผู้ใหญ่ในสายตาของศาสนาและปฏิบัติศาสนกิจอย่างผู้ใหญ่ได้  (สำหรับเด็กผู้หญิงจะเรียกว่าพิธีบัต มิตซวาห์ (Bat Mitsvah) เมื่ออายุได้ 12 ปีบริบูรณ์)  โดยจะรับการเรียนรู้พระบัญญัติของพระเจ้า(Torah) ซึ่งจะมีรับบีคอยสั่งสอนตามหลักการของพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 6  

“โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิด พระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้าของเรา  5ท่านจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลังของท่าน ...และท่านจงสอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน และจงพูดถึงถ้อยคำเหล่านั้นเมื่อท่านนั่งอยู่ในบ้าน เดินอยู่ตามทาง นอนลงหรือลุกขึ้น จงเอาถ้อยคำเหล่านี้ผูกไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ และคาดไว้ที่หน้าผากของท่านเป็นสัญลักษณ์
เด็กๆชาวยิวได้รับผ้าคลุมศีรษะสำหรับอธิษฐาน(Tallit - טַלִּית)เพื่ออยู่ภายใต้พระสิริของพระเจ้า และมีกักข้อพระคำ (Tefillin-תפילין) ติดไว้ที่หน้าผากพันไว้ที่มือ เป็นสัญลักษณ์
สรุปความเข้าใจสำหรับพิธีนี้ คือ เป็นการสถาปนาความให้เป็น"ลูก"เพื่อได้มีสิทธิ์เท่าเทียมกับพ่อ เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ พวกเขาจะเป็นเพียงแค่"เด็ก"ที่ต้องถูกดูแลและตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่ได้รับตราประทับรับรองความเป็นลูก เพิื่อรับสิทธิ์คือเป็นทายาทผู้รับมรดกและดำเนินชีวิตเป็นผู้ใหญ่ตามหลักการพระเวจนะของพระเจ้า(โทราห์) 
อัครทูตเปาโลอธิบายถึงการเป็นลูกเพื่อรับสิทธิ์เป็นทายาทไว้ในพระธรรมกาลาเทีย บทที่ 4:1-8
1 ข้าพเจ้าหมายความว่า ตราบใดที่ทายาทยังเป็นเด็กอยู่ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับทาสเลย ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั้งหมด
2 แต่เขาก็อยู่ใต้บังคับของผู้ปกครองและพ่อบ้าน จนถึงเวลาที่บิดาได้กำหนดไว้
3 เราก็เหมือนกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ใต้บังคับของภูตผีที่ครอบงำของจักรวาล
4 แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ
5 เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร
6 และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)”
7 เพราะฉะนั้น โดยพระเจ้าท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไปแต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้ว ท่านก็เป็นทายาท 

ดังนั้นให้เราขอบคุณ อับบา พระบิดา สำหรับพระวิญญาณซึ่งเป็นตราประทับรับรองความเป็นลูก วันนี้เราไม่ได้เป็นทาส แต่เป็นทายาทผู้รับมรดกในฐานะลูก

 เครดิตภาพ https://steemit.com และhttps://en.wikipedia.org

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น