บทความตอนที่แล้ว
http://pattamarot.blogspot.com/2018/06/blog-post_21.html
การแปลภาษาแปลกๆของผู้อื่น
การแปลภาษาแปลกๆสามารถทำได้
ทั้งภาษาแปลกๆที่ตนเองพูดและภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูด ทั้งนี้จากประสบการณ์ของผมแล้ว การแปลภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูดนั้นทำได้ง่ายกว่าการแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด
เพราะถ้าเราแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด ตัวเราจะต้องใช้ของประทาน 2
อย่างในเวลาเดียวกัน เวลาที่เราแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด
ตัวเราก็ใช้ทั้งของประทานการพูดภาษาแปลกๆและของประทานการแปลภาษาแปลกๆไปพร้อมกัน
ทำให้ต้องใช้ความจดจ่อที่สูง แต่เวลาที่เราแปลภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูด
ตัวเราก็ใช้เพียงของประทานการแปลอย่างเดียว
ส่วนอีกคนก็ใช้ของประทานการพูดภาษาแปลกๆเพียงอย่างเดียว
การแปลภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูดจึงสบายและง่ายกว่าการแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด
เพราะต่างคนต่างก็ใช้ของประทานเพียงอย่างเดียว คนที่แปลก็จะจดจ่อกับการแปลเท่านั้น
ส่วนคนพูดภาษาแปลกๆก็จะจดจ่อกับการพูดภาษาแปลกๆเท่านั้น
การที่อีกคนหนึ่งพูดและอีกคนหนึ่งแปลจึงทำให้เกิดความคล่องตัวมากกว่า
แนวทางของการแปลภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูดก็เป็นแนวทางที่คล้ายกับการแปลภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด
ซึ่งผมได้จัดแจงไว้สามขั้นตอนง่ายๆดังต่อไปนี้
สามขั้นตอนของการแปลภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูด
1.พูดภาษาแปลกๆ (ไม่พูดพร้อมกัน)
2.ตื่นตัวรับคำแปล
3.ปลดปล่อยคำแปล
ข้อพระคัมภีร์สำคัญ
(1
โครินธ์ 14:27) ถ้าใครจะพูดภาษาแปลกๆ
จงให้พูดเพียงสองคนหรืออย่างมากที่สุดก็สามคน และให้พูดทีละคน
แล้วให้อีกคนหนึ่งแปล
1. พูดภาษาแปลกๆ
(ไม่พูดพร้อมกัน)
ก่อนที่จะแปลภาษาแปลกๆได้
ก็ต้องมีการพูดภาษาแปลกๆเสียก่อน การแปลภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูดมีเคล็ดลับสำคัญก็คือ
“การไม่พูดภาษาแปลกๆพร้อมกัน” เพราะการพูดภาษาแปลกๆพร้อมกัน
จะทำให้การแปลมีความสับสนและไม่เป็นระเบียบ
ดังนั้นขณะที่คนหนึ่งกำลังพูดภาษาแปลกๆอยู่ คนอื่นก็ควรเงียบโดยไม่อธิษฐานหรือพูดภาษาแปลกๆแทรก
อนึ่ง
การพูดภาษาแปลกๆที่คาดหวังการแปล อาจจะพูดสักประมาณ 3 -10 วินาทีแล้วจึงหยุด
เพราะหากจะคาดหวังการแปล การพูดภาษาแปลกๆ 10 วินาที ก็ถือว่านานมากแล้ว
แต่หากต้องการพูดภาษาแปลกๆโดยไม่คิดที่จะแปล ผู้พูดภาษาแปลกๆก็สามารถพูดนานเท่าไรก็ได้
2. ตื่นตัวรับคำแปล
ในขณะที่คนหนึ่งกำลังพูดภาษาแปลกๆ
คนอื่นก็ควรเงียบและตื่นตัวในการรับคำแปล ซึ่งการตื่นตัวรับคำแปลสามารถทำได้โดยใช้หูฟังภาษาแปลกๆและใช้ใจจดจ่อกับภาษาแปลกๆ
การตื่นตัวรับคำแปล
= หูฟังภาษาแปลกๆ + ใจจดจ่อกับภาษาแปลกๆ
ระหว่างที่เราจดจ่อกับภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูด
คำแปลก็จะค่อยๆก่อตัวขึ้นในความคิดของเรา คำแปลที่ก่อตัวขึ้นนี้
อาจจะเป็นอารมณ์หรือเป็นนิมิตหรือเป็นถ้อยคำก็ได้
หลายครั้งผู้แปลภาษาแปลกๆก็ไม่ได้เข้าใจในทุกๆพยางค์ของภาษาแปลกๆ
แต่ผู้แปลมักจะเข้าใจความหมายโดยรวมของภาษาแปลกๆที่พูดและอาจจะเข้าใจอย่างเจาะจงว่าภาษาแปลกๆที่พูดนั้นมีเนื้อหาในทิศทางใด
3. ปลดปล่อยคำแปล
เมื่อพูดภาษาแปลกๆจบแล้ว
ก็เป็นช่วงของการปลดปล่อยคำแปล
ซึ่งเทคนิคของการปลดปล่อยคำแปลในภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูด
ก็เป็นเทคนิคเดียวกันกับการปลดปล่อยคำแปลในภาษาแปลกๆที่ตนเองพูด
โดยเทคนิคสำคัญก็คือ เราไม่จำเป็นต้องรู้เนื้อความภาษาแปลกๆอย่างครบถ้วนก่อน
แต่เราสามารถปลดปล่อยคำแปลที่เรามีเพียงบางส่วนได้ทันที
และหลายครั้งเมื่อเราเริ่มปลดปล่อยคำแปลที่เรามีเพียงบางส่วน
พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็ทรงประทานรายละเอียดเจาะจงของคำแปลให้เพิ่มเติม
การแปลภาษาแปลกๆสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในชีวิตอธิษฐานส่วนตัวหรือในกลุ่มแคร์
แต่หลักสำคัญที่ทำให้แปลได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การพูดภาษาแปลกๆควรพูดเพียงคนเดียว
(ไม่ควรพูดพร้อมๆกัน) และระหว่างที่คนหนึ่งกำลังพูดภาษาแปลกๆอยู่
ผู้อื่นที่อยู่ในกลุ่มก็ควรนิ่งและตื่นตัวในการรับคำแปล
ต้อง “เสี่ยง”
ในการพัฒนาการแปล
เมื่อเพื่อนๆได้รู้ขั้นตอนเบื้องต้นของการแปลภาษาแปลกๆ
เพื่อนๆบางคนอาจยังรู้สึกไม่กล้าที่จะลองปลดปล่อยคำแปล
เพราะกลัวว่าตัวเองจะแปลผิดหรืออาจจะต้องทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
คำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ที่พระเยซูสอนไว้ใน
(มัทธิว 25:14-30) ได้อธิบายไว้ถึงทาสที่ซื่อสัตย์ ซึ่งทาสที่ซื่อสัตย์นี้ยอม “เสี่ยง” โดยนำเงินของนายที่มอบให้ไปลงทุน
(ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง) และก็ได้ผลกำไรกลับมา
แต่ทาสที่ชั่วร้ายคือทาสที่เอาเงินของนายไปฝังดิน โดยไม่ยอมนำเงินของนายไป “เสี่ยง” ลงทุน ดูเหมือนว่านายในคำอุปมาของพระเยซู
จะชอบให้ทาสของเขานำทรัพย์ที่ตนมอบให้ไป “เสี่ยง” ลงทุน
ในสายตานักธุรกิจ
หากผู้ใดไม่ยอมนำเงินไปเสี่ยงลงทุน นอกจากที่ปริมาณเงินจะไม่เพิ่มแล้ว
วันเวลาผ่านไป ค่าของเงินก็จะลดลงเพราะผลของเงินเฟ้อ ในทำนองเดียวกัน
ถ้าผู้เชื่อไม่ยอมนำของประทานหรือเมล็ดพันธุ์ที่ตนมีไป “เสี่ยง” ลงทุน ของประทานหรือเมล็ดพันธุ์ที่เขามีก็สามารถฝืดและเสื่อมลงได้
และดูเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไม่ชอบให้ของประทานหรือเมล็ดพันธุ์เสื่อมลงเสียด้วย
พระองค์ปรารถนาให้ของประทานของผู้คนได้ลุกโชน
และทรงปรารถนาให้เมล็ดพันธุ์เจริญเติบโต
หนทางหนึ่งที่จะทำให้เมล็ดพันธุ์ของการแปลภาษาแปลกๆได้เจริญเติบโตขึ้น
ก็คือการที่เพื่อนๆลองเสี่ยงปลดปล่อยคำแปลที่ได้รับออกมา ซึ่งถ้าเพื่อนๆแปลถูก
ทั้งเพื่อนๆและคนอื่นๆก็ได้รับการเสริมสร้าง แต่ถ้าเพื่อนๆแปลผิด
เพื่อนๆก็ได้มีประสบการณ์และรู้ว่าจะต้องลงทุนอย่างไรไม่ให้พลาด
แต่ถ้าเพื่อนๆไม่กล้าและไม่ลองเริ่มปลดปล่อยคำแปล ทั้งเพื่อนๆและผู้อื่นก็ไม่ได้รับการเสริมสร้าง
อีกทั้งเมล็ดพันธุ์ของเพื่อนๆก็ไม่ได้รับการพัฒนา
นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
ต่างก็มีประสบการณ์ที่ลงทุนผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น
แต่เขานำประสบการณ์ที่พลาดนี้มาเป็นบทเรียนที่ทำให้เขาเชี่ยวชาญยิ่งขึ้น
ในทำนองเดียวกัน หากเพื่อนๆอยากจะให้เมล็ดพันธุ์ของการแปลภาษาแปลกๆได้เจริญเติบโต
เพื่อนๆก็อาจต้องผ่านประสบการณ์ของการแปลพลาดบ้าง(ลงทุนพลาด)
แต่โดยประสบการณ์เหล่านี้
ก็จะสามารถเป็นพื้นฐานให้เพื่อนๆสามารถแยกแยะและพัฒนาของประทานของเพื่อนๆให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นได้
พระคุณจงมีแด่เพื่อนๆ
Philip Kavilar
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
หนังสือ
ตื่นตะลึงเสียงพระเจ้า เขียนโดย แจ๊ค เดียร์
หนังสือ
ฟังเสียงพระเจ้า เขียนโดย ซินดี้ เจคอปส์