บทความในครั้งนี้ ขอพูดถึงเรื่องของการนมัสการและอธิษฐานแบบการแช่ตัว (Soaking)ในการทรงสถิต ของพระเจ้า ส่วนตัวผมใช้คำว่า "การซบนิ่ง" คือ การเข้าไปซบในพระทรวงของพระเจ้าและนิ่งสงบในการทรงสถิตเพื่อจะรับฟังเสียงของพระองค์ เป็นเวลาแห่งการผ่อนคลาย
ขอนำแนวทางการนมัสการและอธิษฐานแบบการแช่ตัว (Soaking)ที่ผมได้เรียบเรียงจากบทความเรื่อง Soaking in HisPresence โดย เจมส์ กอลล์ (James Goll) มาแบ่งปันดังนี้ครับ
เราอาจเคยจะได้ยินเรื่องมากมายในคริสตจักรต่างๆเกี่ยวกับการนอนแช่ตัว(soaking) ในการทรงสถิต บางคนอาจจะคัดค้านเพราะคำนี้ที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์
(อันที่จริงแล้ว สิ่งต่างๆที่เราทำในคริสตจักรเป็นประจำก็ไม่ได้ระบุไว้โดยตรงในพระคัมภีร์
เช่นโรงเรียนพระคัมภีร์วันอาทิตย์ (Sunday school),การนมัสการด้วยการใช้กีต้าร์ไฟฟ้า
การใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่างๆเพื่อใช้ประกอบการเทศนาหรือประกาศพระกิตติคุณ
เราก็ยังใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เรื่องการนอนแช่ตัว(soaking)
ในการทรงสถิตกลับต่อต้าน)
|
James Goll |
การแช่ตัวในการทรงสถิต
ไม่ใช่การนอนแน่แช่นิ่ง หรือ การนอนนิ่งๆให้หลับ
แต่เป็นการซึมซับบรรยากาศการทรงสถิต การพักสงบและรับการสำแดง
คล้ายกับการแช่อิ่มของผลไม้ที่น้ำตาลค่อยซึมซับ(Osmosis) เข้าไปในเนื้อผลไม้จนได้รสชาติใหม่ที่กลมกล่อมกว่าเดิม
ขอยกตัวอย่างเหตุการณ์จากพระคัมภีร์ซึ่งเราคุ้นเคยดี
ในเรื่องของ “เสียงเรียกเจ้าพระเจ้าในยามหลับ” นั้นคือ
เรื่องของซามูเอล ในพระธรรม 1 ซามูเอล บทที่ 3 ข้อ 1-10
1 ฝ่ายกุมารซามูเอลปรนนิบัติพระเจ้าอยู่ต่อหน้าเอลี ในสมัยนั้นพระดำรัสของพระเจ้ามีมาแต่น้อย ไม่มีนิมิตบ่อยนัก
2 อยู่มาครั้งนั้นเอลีนอนอยู่ในที่นอนของตน (ตาของท่านเริ่มมืดมัวมองอะไรไม่เห็น)
3 ตะเกียงของพระเจ้ายังไม่ดับ ซามูเอลนอนอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า ที่ที่หีบของพระเจ้าอยู่ที่นั่น
4 พระเจ้าทรงเรียกซามูเอลและซามูเอลทูลตอบว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่”
5 เขาจึงวิ่งไปหาเอลีและว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ ด้วยท่านร้องเรียกข้าพเจ้า” แต่เอลีตอบว่า “เราไม่ได้เรียกเจ้า จงกลับไปนอนอีก” เขาก็ไปนอน
6 และพระเจ้าทรงเรียกขึ้นอีกว่า “ซามูเอลเอ๋ย” และซามูเอลก็ลุกขึ้นไปหาเอลีกล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ ด้วยท่านร้องเรียกข้าพเจ้า” แต่เอลีตอบว่า “ลูกเอ๋ย เรามิได้เรียกเจ้า จงนอนอีก”
7 ฝ่ายซามูเอลไม่เคยรู้จักพระเจ้า และยังไม่เคยทรงสำแดงพระดำรัสของพระเจ้าแก่เขา
8 และพระเจ้าทรงเรียกซามูเอลครั้งที่สาม ซามูเอลก็ลุกขึ้นไปหาเอลี กล่าวว่า “ข้าพเจ้าอยู่นี่ ด้วยท่านร้องเรียกข้าพเจ้า” แล้วเอลีจึงหยั่งรู้ได้ว่า พระเจ้าทรงเรียกเด็กนั้น
9 เพราะฉะนั้นเอลีจึงพูดกับซามูเอลว่า “จงไปนอนเสียเถิด ถ้าพระองค์ทรงเรียกเจ้า เจ้าจงทูลว่า ‘พระเจ้าเจ้าข้า ขอพระองค์ตรัสเถิด เพราะผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่’ ” ซามูเอลจึงกลับไปนอนในที่ของตน
10 และพระเจ้าเสด็จมาประทับยืนอยู่ ทรงเรียกอย่างครั้งก่อนๆ ว่า “ซามูเอล ซามูเอลเอ๋ย” และซามูเอลทูลตอบว่า “ขอตรัสเถิด เพราะผู้รับใช้ของพระองค์คอยฟังอยู่”
ในช่วงเวลานั้น ซามูเอล(Samuel) ยังเป็นเด็กและแม่ของซามูเอลคือ นางฮันนาห์ (Hannah) ได้นำซามูเอลมาฝากให้ปุโรหิตเอลี (Eli) ดูแลเพื่อเรียนรู้ในเรื่องการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าในพระวิหาร
พระคัมภีร์กล่าวในข้อที่ 1 ว่า “ในสมัยนั้นพระดำรัสของพระเจ้ามีมาแต่น้อย ไม่มีนิมิตบ่อยนัก”
ดังนั้นซามูเอลยังเป็นเด็กจึงยังไม่เข้าใจในเรื่องเสียงของพระเจ้าและการสำแดงนิมิต
เมื่อได้ยินเสียงพระองค์ตรัส จึงคิดว่าเป็นเสียงเรียกจากเอลี เมื่อซามูเอลนอนอยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า ที่ที่หีบของพระเจ้าอยู่ที่นั่น
เมื่อเสียงของพระเจ้ามาถึงซามูเอล แต่ซามูเอลยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นเสียงของพระองค์
จึงไปถามปุโรหิตเอลี เอลีจึงบอกว่าให้กลับไปนอนลงที่นั่นอีกครั้ง และเมื่อซามูเอลได้ยินเสียงอีกครั้งหนึ่ง เอลีจึงหยั่งรู้ได้ว่า พระเจ้าทรงเรียกซามูเอล และบอกกับซามูเอลให้ทูลต่อพระเจ้าว่า
สาระสำคัญของเอลี
ที่บอกกับซามูเอล คือ การเข้าไปนอนแช่ตัว (soaking)เพื่อดื่มด่ำในการทรงสถิต เพื่อที่ซามูเอลจะรู้จักเสียงของพระเจ้าเมื่อเขาได้ยินให้พร้อมที่จะฟังและกระทำตาม
สิ่งนี้เป็นคำแนะนำสำหรับเราเช่นเดียวกับซามูเอล
เราจำเป็นต้องใช้เวลาพักผ่อนในการทรงสถิตของพระเจ้า ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนกับการตกหลุมรักพระเจ้า (falling
in love with God)
เมื่อพบกับพระเจ้าชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแบบชั่วคราวแต่เป็นการเปลี่ยนไปแบบชั่วนิรัดร์ พระองค์จะนำเรากลับไปในประสบการณ์รักครั้งแรก( first
love) ของเราที่มีต่อพระองค์ หรือพระองค์จะพาเราไปค้นหาความรักครั้งแรก
ถ้าเราไม่เคยลิ้มรสมาก่อน
เราสามารถเรียนรู้ที่จะรู้จักเสียงของพระองค์และเราจะได้รับการฟื้นใจ(renewal)พบการฟื้นฟู การส่วนตัว (personal revival) เสียงของพระองค์ทำให้เรามีประสบการณ์
เพื่อเราจะเชื่อฟังเสียงของพระองค์นำไปสู่การรับใช้พระองค์
ซ่อนตัวและเข้าไปแสวงหา
(Hide and Seek)
เมื่อเราเข้าไปแสวงหาพระองค์ เราจะพบกับพระองค์ ลองนึกภาพตอนที่เราสามารถใช้เวลาทั้งวันกับพระเยซูเพียงลำพังกันสองคน
หากเราไม่มีเวลานานขนาดนั้นก็ลองจินตนาการว่าเราได้ใช้เวลากับพระเยซูเพียงลำพังกันสองคนในหนึ่ง แม้เพียงแค่ชั่วโมงเดียวหรือเพียงแค่หนึ่งนาทีที่เราได้เข้าใกล้คนที่เป็นที่รักของจิตวิญญาณ(lover
of your soul) ของเรา เพียงแค่นี้มันก็คุ้มแล้ว
จงทำต่อไปคือการนอนแช่ตัวในการทรงสถิต จะให้ดีเราควรจะฟังแผ่นซีดีการนมัสการที่เงียบสงบ เพื่อให้ความรู้สึกเป็นอิสระและผ่อนคลาย ทำเช่นนั้นบ่อยๆ
เราสามารถแสวงหาพระองค์ใน
หลายสถานที่ได้ วิธีหนึ่งที่หลายคนชื่นชอบคือการไปพักผ่อนชมธรรมชาติ
เช่น การเดินป่าคนเดียวในป่า เพื่อไปหาที่สงบพบกับพระองค์ เพื่อจะสามารถนั่งอ่านจดหมายรัก (พระคัมภีร์)
ที่พระองค์เขียนให้เราอ่าน เราสามารถเห็นพระองค์ในดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานและชื่นชมในธรรมชาติที่เป็นสิ่งทรงสร้างที่ส่งเสียงรอบตัวเรา
สิ่งเหล่านี้จะนำเราเข้ามาใกล้พระองค์มากขึ้น
บางครั้งการนอนแช่ตัวโดยการใช้ดนตรีบำบัดโรค
(healing soaking music) สามารถทำให้มีชัยชนะเหนือโรคภัยต่างๆได้เช่น โรคมะเร็งได้ เพราะร่างกาย
จิตใจและจิตวิญญาณเกี่ยวข้องกันถ้าจิตวิญญาณได้รับการเยียวยา
ร่างกายก็จะได้รับการรักษาด้วยเช่นกัน
เราควรจะใช้เวลาเพียงลำพังในการแช่ตัวในการทรงสถิตของพระเจ้า
เหมือนดั่งเช่น ซามูเอล ท่านได้เข้าไปนอนพักสงบอยู่รอบๆหีบพันธสัญญา
(Ark) เช่น ใช้บทเพลงสรรเสริญท่วงทำนอง
"เซลาห์""Selah" โดยการหยุดจากวุ่นวายของชีวิต แล้วก็ ... รอ ...
นอนหลับ ... เมื่อได้รับสิ่งใดก็สะท้อนสิ่งที่เราได้รับจากพระเจ้าให้กับคนที่เรารัก
วิธีการแช่ตัวในการทรงสถิต (Soaking in
His Presence)
มีขั้นตอน 3 ขั้นง่ายนั่นคือ นมัสการ,ฟังและตอบสนอง (Worship,
Listen, Respond) เพื่อเราจะเข้าไปแสวงหาพระเจ้า
การเข้าไปมีจุดประสงค์ดังนี้
1. เข้าไปอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระองค์เพื่อที่จะสนทนากับพระองค์ (Get still before
Him in order to commune with Him)
สดุดี 46:10จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางบรรดาประชาชาติ...
2 ซามูเอล 7:18 จากนั้นกษัตริย์ดาวิดจึงเสด็จเข้าไปประทับนั่งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและทูลว่า
“ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า วงศ์ตระกูลของข้าพระองค์เป็นใครหนอ พระองค์จึงทรงนำข้าพระองค์มาถึงเพียงนี้?
วิวรณ์ 3:20 นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าใครได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาเขาและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา
ฮาบากุก 2:20 แต่พระยาห์เวห์สถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ จงให้ทั่วทั้งแผ่นดินโลกสงบนิ่งต่อพระพักตร์พระองค์เถิด”
2.เข้าไปใกล้หัวใจของพระองค์ (Draw near to His heart)
ยากอบ 4:8 พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน พวกคนบาปเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด ...
(สดุดี 42:1-2; อิสยาห์
55: 1-3,6,สดุดี 65: 4; สดุดี 73:28 สดุดี 84: 1-4,10 และฮีบรู10 :22)
3. เข้าไปแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์
แสวงหาพระเจ้าเพื่อรับประโยชน์จากพระองค์ (Seek
His face. Seek God for God's sake)
การที่เราจะเป็นนักอธิษฐานวิงวอนที่มีประสิทธิภาพ
(an effective intercessor)
ขอหนุนใจว่าเราต้องเข้านำตัวของเราเข้าไปมีส่วนร่วมกับพระเจ้า (engage
yourself with the Lord) ทำให้พระเจ้าเข้ามาเป็นหุ้นส่วนของเราในการทำงาน
ในการอธิษฐาน
(มัทธิว 7: 7-8,สดุดี 27:4,8;สดุดี 63:1-8; ฮีบรู 11: 6 และเยเรมีย์ 29: 11-14)
สดุดี 27:4 ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าจะเสาะแสวงหาเสมอ คือที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า ตลอดวันเวลาชั่วชีวิตของข้าพเจ้า เพื่อจะดูความงามของพระเจ้า และเพื่อจะพินิจพิจารณาอยู่ในพระวิหารของพระองค์
ใช้เวลาอยู่ในการทรงสถิต (Just spend time in His presence)
ศึกษาในพระธรรมอพยพบทที่ 33 เกาะติดกับพระเจ้าเหมือนโมเสส อพยพ 33:14-15
14 ฝ่ายพระองค์ตรัสว่า “เราเองจะไปกับเจ้า และให้เจ้าได้พัก”
15 ฝ่ายโมเสสจึงกราบทูลพระองค์ว่า “ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปกับข้าพระองค์ ก็ขออย่านำพวกข้าพระองค์ขึ้นไปจากที่นี่เลย
(สดุดี 16:11,สดุดี 89:15; อิสยาห์ 29:13; อิสยาห์ 63: 9; บทเพลงคร่ำครวญ 2:19 และ ยูดา ข้อ24-25)
เติมน้ำมันให้เต็ม (Have
Plenty of Oil)
เราจะต้องรักษาน้ำมันในตะเกียงให้เต็มอยู่เสมอ
ดั่งคำอุปมาเรื่องหญิงพรมจรรย์ที่มีปัญญา(มธ.25;1-13)
ทำความรู้จักกับพระเจ้า
ในพระลักษณะที่สะท้อนออกมาให้เราเรารู้จักในพระนามต่างๆ ที่อยู่เราสามารถจะไปศึกษาค้นคว้าได้าเป็นร้อยๆ
พระนามในพระวจนะของพระองค์ บางครั้งหนึ่งในพระนามของพระองค์ทรงจับหัวใจของเราไว้ ในช่วงที่เราได้ไปพักสงบในพระองค์
มัทธิว 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะยึดครองหัวใจของเราและเปิดใจของเราออกเพื่อเราจะรู้จักพระเจ้าและเราสามารถที่จะรับใช้ในการทรงสถิตของพระองค์ต่อคนอื่น ๆ เมื่อเราอยู่กับพระองค์ โดยพระนามต่างๆ และเราจะรู้จักกับพระองค์ผ่านทางพระวจนะของพระองค์
ถ้าเรานับทุกสิ่งที่เป็นความสูญเสียไปแต่เมื่อเปรียบเทียบกับการรู้จักพระองค์ พระองค์ทรงเติมน้ำมันในตะเกียงของเรา
ฟิลิปที่ 3:7-8
7 แต่ว่าอะไรที่เคยเป็นกำไรของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ถือว่าสิ่งนั้นเป็นการขาดทุนแล้วเพราะเหตุพระคริสต์
8 ยิ่งกว่านั้นข้าพเจ้าถือว่าทุกสิ่งเป็นการขาดทุน เพราะเหตุคุณค่าอันสูงยิ่งของการได้รู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ข้าพเจ้ายอมขาดทุนทุกอย่าง และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนเศษขยะเพื่อว่าข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์เป็นกำไร
( 1 พงศาวดาร 21:23 และ 2 ซามูเอล 24:24)
อนุญาตให้ตัวเองได้รับการท่วมท้น (overwhelmed) กับพระเจ้าผู้ที่ทำให้เราประหลาดใจที่ทรงสนทนากับเรา เรากำลังพูดคุยกับพระองค์ ไม่เพียงที่เราจะอยู่ใกล้กับพระองค์แต่พระองค์จะตรัสกับเราด้วย พระเจ้าแห่งจักรวาลทรงชอบที่จะได้ยินเสียงของเรา
โรม 5: 5 ...เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว
(สดุดี 143: 8-10; อิสยาห์ 54:10; บทเพลงคร่ำครวญ 3:22-25; ยอห์น 17: 23 และโรม 8:35-39)
4.รวบรวมความแกร่งกล้าฟันฝ่าเข้าไปในตาของพายุ (Gather Strength in the
Eye of the Storm)
หากเราจะเป็นนักอธิษฐานวิงวอนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเรารักษาชีวิตส่วนตัวของเรา ด้วยการ"เฝ้าดูและรอคอย"
ใช้เวลากับพระเจ้า เรามีตะเกียงอยู่ในมือของเราแล้วพระเจ้ามอบมันให้กับคุณเมื่อเราได้รับความรอดเมื่อต้อนรับพระองค์
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะรวบรวมน้ำมันให้เต็มตะเกียงและรักษาไฟให้ลุกโชนเสมอ
เหมือนดั่งเช่นเมื่อเราอยู่ในของพายุเฮอริเคน (hurricane) เมื่อเรารวบรวมความกล้าฟันฝ่าเข้าไปในตาของพายุ เราจะมีความแข็งแรงด้วยพระองค์ นั่งพับสงบพักผ่อนและนอนหลับอยู่ที่พระบาทของพระองค์
รวบรวมความแกร่งกล้าฟันฝ่าเข้าไปในการทรงสถิตของพระองค์
ขอให้น้ำมันแห่งการทรงสถิตไหลมาเพื่อบรรเทาแผลและปวดกล้ามเนื้อของเรา
เพื่อจะหล่อลื่นข้อต่อของเราและยืดเส้นยืดสายกระบวนการทางจิตขอเรา น้ำมันจะเข้าไปบำรุงหัวใจของเราให้ชุ่มชื้น
แสวงหาพระองค์ แช่ตัวในการทรงสถิตของพระองค์ ให้พระองค์จัดเตรียมความพร้อมทุกอย่าง
เพื่อเราจะรู้ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป
อธิษฐานปิดท้าย (Closing
Prayer)
"พระบิดา ลูกขอนำตัวของลูกเข้ามาต่อพระองค์
ในพระนามที่ยิ่งใหญ่คคือพระเยซู ลูกเข้ามาอธิษฐานวิงวอนต่อพระองค์ในเวลานี้
เพื่อลูกจะรู้จักพระองค์มากขึ้นกว่าเดิม ขอให้ถ้อยคำของลูกเป็นที่พอพระทัย
ขอทรงปลุกจิตใจและจิตวิญญาณภายในลูก ที่จะได้ยินเสียงของพระองค์ ลูกรักพระองค์และลูกต้องการจะรักพระองค์มากขึ้น
ลูกต้องการที่จะเป็นเหมือนซามูเอลน้อยที่เรียนรู้ที่จะพักสงบอยู่รอบๆหีบพันธสัญญา
ลูกต้องการที่จะแช่ตัวในการทรงถิตของพระองค์
นำให้ลูกเข้าใกล้พระองค์ ให้ลูกได้ยินเสียงจังหวะเต้นของพระทัยพระองค์
นำให้ลูกเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของพระทัยพระองค์
ลูกต้องการที่จะได้ยินเสียงของพระองค์และสำแดงหนทางของพระองค์ให้ลูกเดินตาม
ลูกเลือกที่จะเดินมนทางของพระองค์มากกว่าเดินตามใจลูกเอง
ขอพระบิดาทรงเติมน้ำมันในตะเกียงของลูก และประทานพระคุณ ให้
ลูกมีสติปัญญาในการดำเนินตามหนทางในชีวิต ลูกเข้ามาหาพระองค์ด้วยความคาดหวังและความสุข
ในพระนามพระเยซูคริสต์ เอเมน!"
(บทความนี้ตัดตอนมาจากบทที่ 6 พายุการอธิษฐาน (Prayer Storm) จากหนังสือเรื่อง หีบพันธสัญญาแห่งการทรงสถิตที่หายไป The
Lost Art of Practicing His Presence )
ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับการแช่ตัวในการทรงสถิต ในแบบส่วนตัว
1.จัดเตรียมสถานที่ให้เหมาะสม หามุมโปรดของเรา จัดเตรียมอุปกรณ์ในการนอนเช่นหมอน ผ้าห่ม เพื่อพักสงบให้สบาย
2.เตรียมเครื่องเล่น CD หรือใช้หูฟังเพื่อไม่รบกวนผู้อื่น
3.เลือกเพลงนมัสการที่เหมาะสมในการแช่ตัวในการทรงสถิต
4.เตรียมสมุดและปากกา เพื่อบันทึกสิ่งที่ได้รับจากพระเจ้า และนำไปใคร่ครวญอธิษฐานต่อไป
ขอพระเจ้าอวยพระพรนะครับ