ยอห์น 1:12 แต่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์
คือคนที่เชื่อในพระนามของพระองค์นั้น
พระองค์ก็จะประทานสิทธิให้เป็นลูกของพระเจ้า
จากพระธรรมยอห์นข้อนี้ทำให้เราเข้าใจถึงสิทธิที่เราได้รับทันทีที่เราต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต นั่นคือ การได้รับสิทธิในการเป็นลูกของระเจ้า จึงเป็นสถานะภาพใหม่เมื่อเราบังเกิดใหม่ เนื่องด้วยความรักของพระบิดาในสวรรค์ที่เราสามารถเรียกพระองค์ได้อย่างสนิทสนม ว่า "อับบา" หรือ "พ่อจ๊ะ พ่อจ๋า" ในฐานะของเรา ผู้ที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ได้รับฐานะในการเป็นบุตรของพระเจ้า
ในภาษาฮีบรู
คำว่า "อับบา"(אַבָּא -abba) โดยคำว่า อับ אַבָּ มาจากตัวอักษรตัวแรกคือ
อาเลฟ (א) หมายถึง "กำลัง" เป็นอักษรภาพ คือ ภาพของวัว ตัวต่อมาคือตัวอักษรเบธ (ב)
หมายถึง "บ้าน"
ดังนั้นเมื่อรวมคำ
พ่อจึงเป็น "ผู้ที่เป็นกำลังของบ้าน" พ่อเป็นผู้ท่ี่สร้างบ้านในพระวจนะของพระเจ้าได้บรรยายถึงความรักของพระบิดา
ในฐานะความเป็นพ่อของพระองค์ ได้ดังนี้
โรม 8: 15 เพราะว่าพระวิญญาณที่พระเจ้าประทานมานั้นจะไม่ทรงให้ท่านเป็นทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่พระวิญญาณจะทรงให้ท่านมีฐานะเป็นบุตรของพระเจ้า โดยพระวิญญาณนั้นเราจึงร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา (พ่อ)”
กาลาเทีย 4:6 และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)”
เอเฟซัส 3:14-16
14 เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงคุกเข่าต่อพระบิดา
15 (คำว่า บิดา ของทุกตระกูลในสวรรค์ก็ดี บนแผ่นดินโลกก็ดี มาจากคำว่าพระบิดานี้)
16 ข้าพเจ้าทูลขอให้ประทานความเข้มแข็งภายในจิตใจด้วยฤทธานุภาพที่มาทางพระวิญญาณของพระองค์แก่พวกท่าน ตามพระสิริอันอุดมของพระองค์
เพื่อทำให้เรามั่นใจในความเป็นลูกและเพื่อให้เราได้รับสิทธิ พระบิดาจึงประทานพระวิญญาณแห่งการรับเป็นบุตร(spirit of adoption) เป็นเสมือนตราประทับรับรองความเป็นลูก เป็นภาพของการที่พ่อสวมแหวนประจำตระกูลให้กับลูก
การรับเป็นบุตร(adoption) ในที่นี้ให้ความหมายถึง "การไถ่เรากลับมาจากการที่เราหลงหายไป" ไม่ใช่การรับลูกของคนอื่นมาเป็นลูกของตนเอง
แท้จริงแล้วเราเป็นลูกของพระบิดาอยู่แล้ว พระองค์ทรงกำหนดเราไว้แล้วและมีเป้าประสงค์สำหรับเราอย่างเจาะจงในแต่ละคน
เอเฟซัส 1:5 พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ล่วงหน้าด้วยความรัก ให้เป็นบุตรของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ ตามความชอบพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์
Eph 1:5 He predestined us to be adopted through Jesus Christ for Himself, according to His favor and will, (Holman CT Standard BB)
เพียงแต่มารซาตานได้ขโมยเราไปเป็นลูก เมื่อสมัยอาดัมและเอวาปฏิเสธการเป็นลูกด้วยการไม่เชื่อฟังพระบิดา และพระบิดาจึงไถ่เรากลับมาสู่ความเป็นลูกผ่านทางพระบุตร คือ พระเยซูคริสต์ เป็นภาพเหมือนบุตรน้อยหลงหายได้กลับมาหาพ่อ
ลูกา 15:22 แต่บิดาสั่งพวกบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้อที่ดีที่สุดออกมาสวมให้เขา เอาแหวนมาสวมที่นิ้วมือ และเอารองเท้ามาสวมให้ด้วย
การรับกลับมาเป็นลูกอีกครั้งหลังจากหลงหายไป พ่อได้มอบแหวนให้ ดั่งเช่นพระบิดามอบพระวิญญาาณเป็นตราประทับรับรองความเป็นลูก
2 โครินธ์ 1:22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย
เอเฟซัส 1:13-14
13ในพระคริสต์ ท่านทั้งหลายก็เป็นเช่นนั้นด้วย คือเมื่อพวกท่านได้ยินสัจวาทะคือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และวางใจในพระองค์แล้ว พวกท่านก็ได้รับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่ทรงสัญญาไว้
14 พระวิญญาณนั้นเป็นมัดจำในการรับมรดกของเรา จนกว่าคนของพระเจ้าจะได้รับการไถ่ เพื่อเป็นการยกย่องพระเกียรติของพระองค์
เอเฟซัส 4:30 และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่
การรับรองเป็นการมัดจำไว้ล่วงหน้า เพื่อลูกนั้นจะเติบโตเพิื่อรับสิทธิการครอบครองนั่นคือมรดกที่เราจะได้รับจากพระบิดา เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
พระธรรมยอห์นบทที่ 14 พระเยซูคริสต์ทรงอธิบายเรื่องนี้ ดังนี้
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตร ทรงมาเพื่อไถ่เราและเตรียมเราไปสู่พระบิดา ทรงเป็นทางนั้น ความความจริงและเป็นชีวิตสู๋พระบิดา
ยอห์น 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
พระบิดาไม่ปล่อยให้เราเป็นลูกกำพร้า(ลูกไม่มีพ่อ) แต่จะให้พระวิญญาณมาเพื่อรับเราเป็นลูก
ยอห์น 14:16-18
16 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป
17 คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ พวกท่านรู้จักพระองค์เพราะพระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน
18 “เราจะไม่ละทิ้งพวกท่านไว้ให้เป็นลูกกำพร้า เราจะมาหาท่าน
พระเยซูคริสต์ พระบุตรจะอยู่แค่ชั่วคราวในเวลาพระราชกิจของพระองค์แต่พระวิญญาณจะอยู่กับผู้เชื่อตลอดไป และพระเยซูทรงไปจัดเตรียมบ้านให้กับเราได้ไปอยู่กับพระบิดาในเวลาที่เหมาะสม
ยอห์น 14:2-3
2 ในพระนิเวศ(บ้าน)ของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน
3 เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย
ในพระธรรมยอห์น บทที่ 14 คำว่า ในพระนิเวศ(บ้าน)ของพระบิดา ให้ความหมายถึง "เพิงที่อยู่อาศัย(Sukkah סוכה)"และเพิง (chuppah חוּפָּה)สถานที่จัดงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองในสวรรค์
นั้นคือ ภาพงานสมรสของพระเมษโปดก คือ พระเยซูคริสต์แต่งงานกับเจ้าสาวคือคริสต์จักร และภาพของงานเลี้ยงรับบุตรน้อยกลับมา ตามอุปมาเรื่องบุตรน้อยหลงหาย (ลูกาบทที่ 15 :23-24 และจงไปเอาลูกวัวตัวที่อ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกันเพื่อความรื่นเริง เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้วแต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ พวกเขาต่างก็มีความรื่นเริง )
พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงเป็นตราประทับรับรองความเป็นลูกสำหรับชีวิตของเรา เพื่อทำให้เราเข้าใจและรับสิทธิในการเป็นลูก และพระวิญญาณจะช่วยก่อร่างสร้างชีวิตภายในของเราจนเป็นผู้ใหญ่ในพระคริสต์
โคโลสี 1:28-29
28 พระองค์นี้แหละที่เราประกาศอยู่โดยการเตือนสติและสั่งสอนทุกคนด้วยสรรพปัญญา เพื่อว่าเราจะถวายทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์
29 เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงตรากตรำต่อสู้ตามกำลังที่พระองค์ทรงทำกิจในตัวข้าพเจ้าอย่างมากมาย
|
พิธี Bar mitsvah |
ตามธรรมเนียมคนยิวจะมีพิธีบาร์ มิตซวาห์ (Bar mitsvah) โดยเมื่อเด็กชายอายุ 13 ปีบริบูรณ์จะต้องเข้าจึงจะถือว่าเด็กหนุ่มได้กลายเป็นผู้ใหญ่ในสายตาของศาสนาและปฏิบัติศาสนกิจอย่างผู้ใหญ่ได้ (สำหรับเด็กผู้หญิงจะเรียกว่าพิธีบัต มิตซวาห์ (Bat Mitsvah) เมื่ออายุได้ 12 ปีบริบูรณ์) โดยจะรับการเรียนรู้พระบัญญัติของพระเจ้า(Torah) ซึ่งจะมีรับบีคอยสั่งสอนตามหลักการของพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 6
4 “โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิด พระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้าของเรา 5ท่านจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลังของท่าน ...7 และท่านจงสอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน และจงพูดถึงถ้อยคำเหล่านั้นเมื่อท่านนั่งอยู่ในบ้าน เดินอยู่ตามทาง นอนลงหรือลุกขึ้น 8 จงเอาถ้อยคำเหล่านี้ผูกไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ และคาดไว้ที่หน้าผากของท่านเป็นสัญลักษณ์
เด็กๆชาวยิวได้รับผ้าคลุมศีรษะสำหรับอธิษฐาน(Tallit - טַלִּית)เพื่ออยู่ภายใต้พระสิริของพระเจ้า และมีกักข้อพระคำ (Tefillin-תפילין) ติดไว้ที่หน้าผากพันไว้ที่มือ เป็นสัญลักษณ์
สรุปความเข้าใจสำหรับพิธีนี้ คือ เป็นการสถาปนาความให้เป็น"ลูก"เพื่อได้มีสิทธิ์เท่าเทียมกับพ่อ เนื่องด้วยก่อนหน้านี้ พวกเขาจะเป็นเพียงแค่"เด็ก"ที่ต้องถูกดูแลและตอนนี้เขาเป็นผู้ใหญ่ได้รับตราประทับรับรองความเป็นลูก เพิื่อรับสิทธิ์คือเป็นทายาทผู้รับมรดกและดำเนินชีวิตเป็นผู้ใหญ่ตามหลักการพระเวจนะของพระเจ้า(โทราห์)
อัครทูตเปาโลอธิบายถึงการเป็นลูกเพื่อรับสิทธิ์เป็นทายาทไว้ในพระธรรมกาลาเทีย บทที่ 4:1-8
1
ข้าพเจ้าหมายความว่า ตราบใดที่ทายาทยังเป็นเด็กอยู่ เขาก็ไม่ต่างอะไรกับทาสเลย ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั้งหมด
2
แต่เขาก็อยู่ใต้บังคับของผู้ปกครองและพ่อบ้าน จนถึงเวลาที่บิดาได้กำหนดไว้
3
เราก็เหมือนกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ใต้บังคับของภูตผีที่ครอบงำของจักรวาล
4
แต่เมื่อครบกำหนดแล้ว พระเจ้าก็ทรงใช้พระบุตรของพระองค์มา ประสูติจากสตรีเพศและทรงถือกำเนิดใต้ธรรมบัญญัติ
5
เพื่อจะทรงไถ่คนเหล่านั้นที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อให้เราได้รับฐานะเป็นบุตร
6
และเพราะท่านทั้งหลายเป็นบุตรแล้วพระองค์จึงทรงใช้พระวิญญาณแห่งพระบุตรของพระองค์ เข้ามาในใจของเราร้องว่า “อับบา (พ่อ)”
7
เพราะฉะนั้น โดยพระเจ้าท่านจึงไม่ใช่ทาสอีกต่อไปแต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรแล้ว ท่านก็เป็นทายาท
ดังนั้นให้เราขอบคุณ อับบา พระบิดา สำหรับพระวิญญาณซึ่งเป็นตราประทับรับรองความเป็นลูก วันนี้เราไม่ได้เป็นทาส แต่เป็นทายาทผู้รับมรดกในฐานะลูก