You'll never walk alone. I am your friend who always listens to, and walks along with you.
30 กันยายน 2563
สุขสันต์สำหรับเทศกาลอยู่เพิง 5781
29 กันยายน 2563
บทสรุปของยุคสุดท้าย ตอนที่ 1
บทสรุปของยุคสุดท้าย ตอนที่ 1
โดย อาเชอร์ อินเทรเตอร์
การศึกษาถึงยุคสุดท้าย มีความซับซ้อน และมีส่วนที่หลากหลาย ที่เคลื่อนที่ไปหลายทาง ผมจึงอยากสรุปภาพรวมของยุคสุดท้
|
ให้เรามาดู คำนิยามของคำต่าง ๆ เหล่านี้ โดยย่อ |
|
19 กันยายน 2563
ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาล Rosh Hashanah
🕎ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาล Rosh Hashanah🌈
🌘เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า และเริ่มมองเห็นดวงจันทร์ใหม่(New moon) ในการขึ้นค่ำของเย็นวันที่ 29 เดือนเอลูล(Elul) นั่นเป็นสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นการเปลี่ยนรอบปฏิทินใหม่
( Rosh Hashanah ปีนี้จะเริ่มเย็นวันที่ 18 กันยายน 2020 เป็นการเข้าสู่ปี 5781 ปีแห่งการทำลายคำแช่งสาบและปีแห่งสิทธิอำนาจของอัครทูต ตัวอักษรฮีบรูประจำปี คือ Pe פ และ aleph א)
🕎เสียงแตรเขาสัตว์ หรือ "โชฟาร์"(Shofar) ได้ถูกเป่าขึ้นเพื่อประกาศว่าการเริ่มต้นของปีใหม่ (โรช ฮาชานาห์-Rosh Hashanah) ในวันที่ 1 ของเดือนทิชรี(Tishri)
คนอิสราเอลเรียกเทศกาลนี้ว่า "เทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์" ตามที่พระยาห์เวห์ทรงกำหนดไว้เพื่อให้คนของพระองค์ได้หยุดพักและใช้เวลานัดหมายนี้เพื่อแสวงหาพระองค์🌈
📕เลวีนิติ 23:23-24 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่ 1 ของเดือนที่ 7 (ทิชรี) เจ้าทั้งหลายจงถือเป็นวันหยุดพักสงบวันหนึ่ง เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ ประกาศเป็นที่ระลึกด้วยเสียงแตร (โชฟาร์)
การเป่าโชฟาร์ในเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์มีความพิเศษกว่าช่วงเวลาอื่นๆ โดยปกติแล้วคนอิสราเอลจะมีการเป่าโชฟาร์ทุกต้นเดือนในวันขึ้นค่ำ หรือที่เรียกว่า "โรช คอเดช" (Rosh Chodesh)
📕กันดารวิถี 10:10 ในวันที่เจ้าทั้งหลายมีความยินดี และในงานเทศกาลและในวันต้นเดือนของเจ้า เจ้าจงเป่าแตรเหนือเครื่องเผาบูชาและเหนือสัตวบูชาอันเป็นเครื่องศานติบูชา เป็นที่ให้พระเจ้าของเจ้าระลึกถึงเจ้า เราเป็นพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้า"
การเป่าโชฟาร์ในเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์เป็นการปลุกให้คนของพระยาห์เวห์ยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการพิพากษาของพระยาห์เวห์จะมาถึง !
การเป่าโชฟาร์เป็นการเรียกให้กลับใจใหม่ก่อนวันแห่งการลบมลทินบาปซึ่งเล็งถึงวันแห่งการพิพากษาของยาห์เวห์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยทั่วไป การเป่าแตรในแต่ละเดือนนั้นใช้แตรสั้น แต่การเป่าแตรในเดือนทิชรีนั้นเป็นการเป่าแตรโดยใช้แตรที่มีขนาดยาว แตรแบบนี้จะให้เสียงดังกว่าเสียงดังจะปลุกจิตวิญญาณที่หลับใหลให้ตื่นขึ้น
🎊คำว่า โรช ฮาชานาห์(Rosh Hashanah) แปลว่า จุดเริ่มต้นของปี (Head of the year)
คนอิสราเอลจะมีปฏิทิน 2 แบบ นั่นคือ ปฏิทินทางศาสนา(Ecclesiastical calendar)และปฏิทินการปกครอง(Civil calendar)
(ภาพเปรียบเทียบกับประเทศไทย เรามีปฎิทิน 2 แบบคือแบบสากล วันปีใหม่คือวันที่ 1 มกราคม และปฏิทินแบบจันทรคติ วันปีใหม่ของเราจะตรงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 13 เมษายน)
ปฏิทินทางศาสนาจะเริ่มต้นนับในฤดูใบไม้ผลิ(Spring)
📕อพยพ 12:2 “ให้เดือนนี้เป็นเดือนเริ่มต้นสำหรับพวกเจ้า ให้เป็นเดือนแรกในปีสำหรับพวกเจ้า
เดือนแรกในปีตามปฏิทินทางศาสนา คือ เดือนที่คนอิสราเอลออกจากอียิปต์ และได้ฉลองเทศกาลปัสกา ซึ่งถือเป็นเทศกาลแห่งการไถ่ เรียกกันว่า "เดือนอาบิบ"(Aviv) คือ เดือนแห่งการได้ยินเสียง แต่ภายหลังเมื่อคนอิสราเอลกลับจากการเป็นทาสที่บาบิโลน ได้ตั้งชื่อเดือนอาบิบใหม่เป็น "เดือนนิสาน"(Nisan) ซึ่งเริ่มต้นในวันขึ้นค่ำของเดือนมีนาคม หรือเมษายน
ปฏิทินการปกครองจะเริ่มต้นนับในฤดูใบไม้ร่วง(Fall หรือ Autumn)
การเริ่มต้นปีอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งอยู่ในเดือนที่ 7 ภายหลังจากที่อิสราเอลกลับจากการเป็นเชลย ได้เรียกเดือนนี้ว่า "เดือนทิชรี"(Tishri)
🕎ความสำคัญของเสียงแตรในเทศกาลของพระยาห์เวห์ มีดังต่อไปนี้🌈
1. เสียงเรียกให้กลับใจ ❤️
ผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิมเป่าโชฟาร์เพื่อทำการเรียกผู้คนให้กลับใจและหันกลับมาหาพระเจ้า
ตัวอย่าง เช่น ผู้เผยพระวจนะโยเอล เป่าแตรหรือโชฟาร์ ในศิโยนเพื่อเรียกให้คนกลับใจใหม่
📕โยเอล 2:15 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยน จงเตรียมทำพิธีอดอาหาร จงเรียกประชุมตามพิธี
เสียงของโชฟาร์เป็นเสียงเรียกให้ตอบสนอง เพื่อใคร่ครวญดูการกระทำของตน และดำเนินชีวิตใหม่ให้ถูกต้อง ก่อนวันแห่งการพิพากษา เป็นการหวนระลึกถึงการกระทำของตน เป็นการเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณภายในของตน
เราต้องตระหนักว่าจะมีวันแห่งการพิพากษาแน่ ในพระคัมภีร์ใหม่ก็กล่าวถึงเรื่องนี้ ดังนั้นก่อนจะถึงวันนั้นผู้เชื่อจึงควรสำรวจใจ และกลับใจ
📕ฮีบรู 9:27 มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา…
พระเจ้ามักสื่อสารและเตือนประชากรของพระองค์ล่วงหน้าเสมอ ก่อนที่พระองค์จะทำการพิพากษา พระเจ้าเตือนประชากรของพระองค์ก่อนน้ำจะท่วมโลก และเตือนนินะเวห์ก่อนจะเกิดหายนะ
เทศกาลแห่งเสียงแตรเขาสัตว์สะท้อนถึง พระประสงค์ของพระเจ้าที่จะรวบรวมประชากรของพระองค์ให้กลับใจใหม่ เพื่อว่าพระองค์จะสามารถกู้พวกเขาในวันแห่งการพิพากษาได้
ชาวยิวมีช่วงเวลา 10 วันเรียกว่า “10 วันแห่งความยำเกรง(Days of Awe)” ซึ่งเริ่มขึ้นในเทศกาลเสียงแตร และสิ้นสุดในวันทำการลบมลทินบาปซึ่งนับว่าเป็นวันสำคัญที่สุดในปฏิทินอิสราเอล 🇮🇱
ในระหว่างเวลาเหล่านี้ พวกประชาชนต่างพยายามแสวงหาโอกาสคืนดีกับศัตรู ระลึกถึงคนขัดสนยากลำบาก และจะกลับใจจากบาป เพื่อเตรียมใจสำหรับวันลบมลทินบาปที่จะมาถึง
เทศกาลเป่าแตรสำคัญมาก เป็นการเปิดฉากการพิพากษาของสวรรค์ ซึ่งนำไปสู่วันลบมลทินบาป ซึ่งจะเผยให้เห็นบาปของคนอิสราเอลแต่ละคน นี่เป็นภาพที่เล็งไปถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ เพื่อพิพากษาโลกนี้ ในวันสุดท้ายนั้น บาปของทุกคนจะถูกเปิดออกให้เห็น
การเป่าโชฟาร์เป็นการเตือนให้ระลึกถึงความยุติธรรมของพระเจ้า และพระเมตตาของพระองค์ เป็นการเตือนให้ประชาชนกลับใจใหม่ และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตือนให้ระลึกว่าประชากรของพระเจ้าต้องการพระเจ้า
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์นี้ เป็นเสียงเรียกให้คนกลับใจใหม่แล้ว เราจะเป่าแตร เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราประกาศการกลับใจใหม่ ในเรื่องต่างๆ ใช้เวลาในการสำรวจชีวิตว่าเรามีบาปใดที่ซ่อนเร้นอยู่บ้าง ขอการชำระจากพระพระองค์
📕1 ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
2. เสียงเตือนใจให้ระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้า ✝️
เสียงการเป่าโชฟาร์ ไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความน่ากลัวเสมอไป เราเห็นได้ว่าในพระวจนะบางตอนกล่าวถึงการเป่าเสียงแตรเพื่อเปิดปีแห่งการเฉลิมฉลอง หรือปีเสียงแตรเขาสัตว์ (Jubilee)
📕เลวีนิติ 25:9-11
9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่ 10 เดือนที่ 7 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน
10 เจ้าจงถือปีที่ 50 (Jubilee) ไว้เป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพแก่บรรดาคนที่อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า ให้เป็นปีเสียงเขาสัตว์แก่เจ้า ให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน และกลับไปสู่ตระกูลของตน
11 ปีที่ 50 (Jubilee) นั้นเป็นปีเสียงเขาสัตว์ของเจ้า ในปีนั้นเจ้าอย่าหว่านพืชหรือเกี่ยวเก็บผลที่เกิดขึ้นมาเอง หรือเก็บองุ่นจากเถาที่มิได้ตกแต่ง
บางครั้งเสียงเขาสัตว์ก็เป่าออกไปเพื่อประกาศถึงพระเมตตาของพระเจ้าในการปลดปล่อยผู้คนให้เป็นไท คืนกลับสู่เสรีภาพ เป็นการประกาศถึงเมตตาของพระเจ้าในการให้สิ่งต่าง ๆ หยุดพัก (เลวีนิติ 25:11)
การเป่าแตรในวันโรช ฮาชานาห์นี้ เป็นการเตือนให้ระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า การให้อภัยบาปของพระองค์ อย่างที่เขาไม่สมควรได้รับเพื่อเตือนใจให้ระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า
ในวันทุกนี้คนยิวจะอ่านพระวจนะในธรรมศาลาถึงเรื่องราวของอับราฮัมในการถวามอิสอัค (ปฐมกาล 22) และอับราฮัมได้ชื่นชมกับพระเมตตาของพระองค์ที่พระองค์ได้ส่งแกะมาเพื่อถวายบูชาแทนอิสอัค
นี่เป็นที่มาว่าเหตุใดคนยิวจึงใช้เขาแกะปลายงอน เป่า ทั้งนี้เพื่อจะได้หวนกลับไประลึกถึงพระเมตตาที่ทรงกระทำต่ออับราฮัม
เขาจากแกะที่ถูกจับได้จากพุ่มไม้ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อระลึกถึงคนบาป และการลบล้างบาป
📣การเป่าแตรในการออกศึกสงครามนั้นก็เป็นการเชื่อมโยงถึงเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์ เพื่อเตือนใจว่าพระเจ้าระลึกถึงเรา และจะช่วยเราซึ่งเป็นประชากรของพระองค์
เช่นเดียวกัน ในขณะนี้เราอยู่ท่ามกลางสงครามฝ่ายวิญญาณ และเมื่อเราเดินหน้าในงานพระเจ้า เรารู้ว่าจะมีการปะทะในฝ่ายวิญญาณ
📣เสียงแตรที่เราจะเป่านี้ ก็เป็นการประกาศก้องว่า พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ทรงระลึกถึงเรา และจะช่วยเราให้มีชัยเหนือมารซาตานได้
ในวันแห่งการพิพากษานั้นพระเจ้าก็จะช่วยประชากรของพระองค์ที่กลับใจใหม่ด้วยความเมตตาให้พ้นโทษทัณฑ์แห่งบาปเช่นกัน
ดังนั้น การระลึกถึงเทศกาลเสียงแตรในปัจจุบัน พระเจ้าจึงให้พระคริสต์เป็นศูนย์กลาง โดยพระคริสต์ พระองค์จะดูแลความต้องการของเรา และพระองค์จะระลึกหรือจดจำเราได้ในวันแห่งการพิพากษาเมื่อพระคริสต์นั่งอยู่บนบัลลังก์
เมื่อเสียงแตรครั้งสุดท้ายดังขึ้น นั่นหมายถึง พระคริสต์ได้จดจำเราไว้ในฐานะบุตรของพระองค์ตลอดนิรันดร์
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรเขาสัตว์นี้ เป็นเวลาแห่งการระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้า เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เรากล่าวสรรเสริญพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงกระทำในชีวิตของเราในเรื่องต่าง ๆ ชื่นชมยินดีต่อพระเมตตาของพระองค์ ให้เราเป่าเสียงแตรเพื่อประกาศถึงการช่วยกู้ของพระเจ้าในการปะทะในสงครามฝ่ายวิญญาณ ซึ่งโดยเสียงแตรนี้ พระเจ้าจะเข้าช่วยกู้บุตรของพระองค์ให้มีชัย
วันนี้เราในฐานะคริสตชนชาวไทย เราไม่ได้นำรูปแบบพิธีกรรมมาปฏิบัติโดยขาดความเข้าใจแต่เราได้นำหลักการมาประยุกต์ใช้ และเราได้นำชีวิตของเราเข้าสู่ตารางเวลาเดียวกับพระเจ้า เราจึงไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย
📣หากแต่เสียงแตรนั้นเป็นสัญญาณเตือนใจให้เราตื่นตัวอยู่เสมอและเคลื่อนไปตามวาระเวลาของพระองค์ สรรเสริญพระเจ้า
3. เสียงแห่งการประกาศถึงการเริ่มต้นสู่การพิสูจน์ และสำรวจใจ ❤️
การเป่าโชฟาร์ในวัน โรช ฮาชานาห์ ยังเป็นการประกาศก้องถึงการเริ่มต้นของการเข้าสู่การสำรวจใจ ก่อนวันแห่งการพิพากษา การสำรวจนี้กินเวลา สิบวัน จนกระทั่งวันลบมลทินบาป (Yom Kippur) มาถึง
ในระหว่าง 10 วันนี้ ชาวยิวจะตระหนักถึงชีวิตของตน เหมือนเอาชีวิตไปชั่งบนตาชั่ง พวกเขาจะได้ตระหนักถึงความเปราะบางของชีวิต และจะถามคำถามตนเองว่าถ้าชีวิตของเขาจบลงในวันนี้ เขาได้ใช้ชีวิตคุ้มค่า หรือสมควรแล้วหรือไม่
ช่วงเวลาแห่งการใคร่ครวญนี้ จะทำให้ได้ตระหนักว่าชีวิตของคนแต่ละคนนั้น เป็นชีวิตที่อยู่ภายใต้พระหัตถ์ของพระเจ้า เราไม่สามารถกำหนดทุกสิ่งได้ด้วยตนเอง
🌈เสียงโชฟาจะประกาศให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่หลบซ่อนในใจได้ เหมือนการยืนอยู่ต่อหน้าหมู่ทหารที่ทำการยิงเป้า ซึ่งต้องพิสูจน์ในระดับลึกของจิตใจ
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศสู่การเริ่มต้นในการชันสูตรใจ เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราทูลขอชัยชนะเหนือการทดลองใจในเรื่องต่าง ๆ ที่มาถึงชีวิต ขอให้พระเจ้าเข้ามาชันสูตรใจ
ให้เราประกาศว่าเราจะขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ตั้งแต่นี้ไปจะดำรงตนเพื่อพระนามของพระเยซูคริสต์
ให้เราได้กลับไปใคร่ครวญชีวิตของตนเองกับพระเจ้าในด้านต่าง ๆ และมุ่งหน้าเดินติดตามพระเจ้า ปลุกจิตวิญญาณที่อ่อนแอ หรือหลับใหลให้ตื่นขึ้น เพื่อไปกับพระเจ้า
4. เสียงประกาศการทรงสถิตและการครอบครองของพระเจ้า 🌈
เสียงของโชฟาร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเป่าเพื่อให้พระเจ้าเสด็จเข้ามาครอบครอง
การพิพากษาของพระเจ้าและการครอบครองเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน เมื่อไรก็ตามที่พระเจ้าทรงสถิตและครอบครอง เมื่อนั้น สิ่งผิดสิ่งถูกจะถูกชี้ชัด คนจะเห็นความบาปผิดของตนเอง
เป็นภาพของกษัตริย์นั่งบนบัลลังก์แห่งการครอบครอง และพิพากษาเหนือประชากรของพระองค์
พระวจนะบันทึกเหตุการณ์ว่าเมื่อกษัตริย์ใหม่ขึ้นนั่งครอบครอง จะมีการเป่าแตรเพื่อป่าวประกาศบัลลังก์ของพระองค์
📕 1 พงศ์กษัตริย์ 1:39 แล้วศาโดกปุโรหิตได้นำเขาสัตว์ที่บรรจุน้ำมันมาจากเต็นท์ของพระเจ้า และเจิมตั้งซาโลมอนไว้ และเขาทั้งหลายก็เป่าเขาสัตว์ และประชาชนทั้งปวงกล่าวว่า "ขอพระราชาซาโลมอน ทรงพระเจริญ"
เช่นเดียวกันที่ในวัน โรช ฮาชานาห์ หรือ เทศกาลเสียงแตรที่เป่าออกไปเพื่อประกาศก้องว่าพระคริสต์ทรงยิ่งใหญ่และทรงเสด็จมาครอบครอง
เสียงของโชฟาร์ทำให้ระลึกถึงการครอบครองที่เปี่ยมด้วยความยุติธรรม และเมตตา
พระคริสต์ปรารถนาจะสถิตอยู่ในชีวิตของเรา ทรงปรารถนาการครอบครองเหนือตัวเรา เหนือคริสตจักร
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศการทรงสถิต และการครอบครองของพระเจ้า เมื่อเสียงแตรดังขึ้น ให้เราร้องเรียกพระเจ้า ให้การทรงสถิตของพระองค์เทลงมา
5.เสียงแห่งการปลดปล่อยอิสรภาพ การประกาศถึงระบบระเบียบใหม่ทางสังคมและศาสนา 🌈
นอกจากนี้การเป่าเสียงแตรด้วยโชฟาร์ ยังเป็นการประกาศถึงการจัดระบบระเบียบทางสังคม และศาสนา เป็นการประกาศถึงอิสรภาพ เสรีภาพ เป็นการปลดปล่อยจากความยากจน และพันธนาการ เป็นการประกาศการปลดปล่อยจากบาปและการละเมิด
📕เลวีนิติ 25:9 เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันทำการลบมลทิน
ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ เทศกาลเสียงแตรนี้ เล็งถึงการกลับมาของพระคริสต์ เพื่อประกาศเวลา ฤดูกาลใหม่ ที่พระองค์ทรงปฏิเสธการดำเนินชีวิตอย่างศาสนา แต่สถาปนาการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง
ดังนั้นการเป่าแตรจึงเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศการหลุดพ้นจากวิถีเดิมแห่งพันธการ การตกอยู่ภายใต้วิญญาณแห่งกฏเกณฑ์ และการดำเนินชีวิตอย่างเป็นรูปแบบ
นอกจากนี้การเสด็จมาของพระคริสต์ยังให้ภาพของการจัดระเบียบสังคมใหม่ เป็นสังคมแห่งคุณธรรม
เป็นการสะท้อนว่า อำนาจแห่งการปกครองจะไม่ได้อยู่ในมือของคนตามืดบอด อีกต่อไป แต่จะอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นสัญลักษณ์เล็งถึงการประกาศอิสระภาพ พันธนาการต่าง ๆ เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เราประกาศการปลดปล่อยอิสรภาพให้กับชีวิตของเรา ที่อยู่ในพันธนาการแห่งบาป หรือ อยู่ในปัญหาบางอย่าง ขอพระเจ้าปลดปล่อยเราจากความยากจน ขัดสน หรือสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค
ให้เราปลดปล่อยอิสรภาพมาสู่คริสตจักรที่จะไม่ตกอยู่ภายใต้วิญญาณศาสนา
ให้เราปลดปล่อยอิสรภาพให้กับสังคม และประเทศของเรา ที่จะมีการปฏิรูปการจัดระบบสังคมใหม่ให้เป็นสังคมแห่งคุณธรรม หลุดพ้นจากอำนาจซาตานที่ล่อลวงผู้คนให้เป็นเมืองแห่งความบาปในด้านต่าง ๆ
6.เสียงแห่งการรวบรวมผู้คนเข้าสู่การครอบครองของพระคริสต์ ✝️
ในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าทรงสัญญาจะส่งพระเมสิยาห์มาปลดปล่อยชนชาติของพระองค์
เสียงโชฟาร์จึงเป็นเครื่องหมายแห่งการระลึกถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะส่งพระเมสิยาห์ ผู้ที่จะเสด็จมามารวบรวมลูก ๆ ที่กระจัดกระจายให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว
📕อิสยาห์ 27:13 และในวันนั้นเขาจะเป่าเขาสัตว์ใหญ่ และบรรดาผู้ที่กำลังพินาศอยู่ในแผ่นดินอัสซีเรีย และบรรดาผู้ถูกขับไล่ออกไปยังแผ่นดินอียิปต์จะมานมัสการพระเจ้า บนภูเขาบริสุทธิ์ที่เยรูซาเล็ม
เสียงโชฟาร์ ไม่เพียงเป็นการประกาศถึงการเสด็จมาเพื่อรวบรวมผู้คนของพระเมสสิยาห์ที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เดิม (อิสยาห์ 27:13)📕
ในพระคัมภีร์ใหม่ เป็นการประกาศถึงการครอบครอง การปกครองของพระคริสต์บนแผ่นดินโลก
📕 1 เธสะโลนิกา 4:16
16 ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยสำเนียงเรียกของเทพบดีและด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงในพระคริสต์ที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาก่อน
📕1 โครินธ์ 15:52
52 ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีเสียงแตร และคนที่ตายแล้วจะเป็นขึ้นมาปราศจากเน่าเปื่อย แล้วเราทั้งหลายจะถูกเปลี่ยนแปลงใหม่
พระคริสต์จะเสด็จมาเพื่อรวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว
📕มัทธิว 24:30-31
30 เมื่อนั้นนิมิตแห่งบุตรมนุษย์ จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มนุษย์ทุกชาติทั่วโลกจะตีอกร้องไห้ บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า ทรงฤทธานุภาพและพระสิริเป็นอันมาก
31 พระองค์ทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้ว ทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้าข้างโน้น
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการสัญลักษณ์ของยุคพระเมสสิยาห์ หรือของพระคริสต์ที่จะเสด็จกลับมารวมรวมผู้คน เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เราอธิษฐานขอการเชื่อมต่อพระกาย และรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว
ขอความเป็นเอกภาพ การรวมเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพี่น้องในคริสตจักร ระหว่างคริสตจักรต่าง ๆ และความเป็นเอกภาพหนึ่งเดียวของคนในประเทศชาติ
อธิษฐานขอการที่คริสตจักรเข้าไปเชื่อมต่อกับอิสราเอลเป็นคนใหม่คนเดียวในพระคริสต์ (One New man)(เอเฟซัส2:15) อธิษฐานขอให้พี่น้องที่หลงหายไปในที่ต่าง ๆ กลับมาหาพระเจ้า
7.เสียงประกาศสู่การเปิดฉากการพิพากษาครั้งสุดท้าย 🌈
มีผู้เผยพระวจนะหลายท่านประกาศการพิพากษาของพระเจ้าด้วยเสียงแตร เช่น
📕โยเอล 2:1 จงเป่าเขาสัตว์ที่ในศิโยน จงเปล่งเสียงปลุกบนภูเขาบริสุทธิ์ของข้าพเจ้า ให้ชาวแผ่นดินทั้งสิ้นตัวสั่น เพราะวันแห่งพระเจ้ากำลังมาแล้ว ใกล้เข้ามาแล้ว
ในพระคัมภีร์ใหม่ พระธรรมวิวรณ์ก็บันทึกเช่นเดียวกัน ว่าเสียงแตรของทูตสวรรค์ดังขึ้น เพื่อคนต่าง ๆ จะรับการพิพากษาโทษ
📕วิวรณ์ 9:20-21
20 มนุษย์ทั้งหลายที่เหลืออยู่ ที่มิได้ถูกฆ่าด้วยภัยพิบัติเหล่านี้ ยังไม่ได้กลับใจเสียใหม่จากงานที่มือเขาได้กระทำ ไม่ได้เลิกบูชาผี บูชา รูปเคารพที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ หินและไม้ รูปเคารพเหล่านั้น จะดู หรือฟัง หรือเดินก็ไม่ได้
21 และเขาก็มิได้สำนึกผิดในการฆ่าฟันกัน และการเชื่อเวทมนตร์ การล่วงประเวณี และการลักขโมย
พระธรรมดาเนียลให้ภาพของบรรยากาศและฉากแห่งการพิพากษาโทษในวันสุดท้ายได้อย่างชัดเจน
ในวันนั้น หนังสือแห่งชีวิตจะถูกเปิดออก ทุกคนจะได้รายงานการกระทำของตนต่อหน้าบัลลังก์ของพระเจ้า
📕ดาเนียล 7:9-10
9 ขณะที่ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ มีหลายบัลลังก์มาตั้งไว้ และผู้หนึ่งผู้เจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ ฉลองพระองค์ขาวอย่างหิมะ พระเกศาที่พระเศียรของพระองค์เหมือนขนแกะบริสุทธิ์พระบัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวเพลิง กงจักรของบัลลังก์นั้นเป็นไฟลุก
10 ธารไฟพุ่งออก และไหลออกมาต่อเบื้องพระพักตร์พระองค์ คนนับแสนๆ ปรนนิบัติพระองค์ คนนับโกฏิๆ เข้าเฝ้าพระองค์ ผู้พิพากษาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์ บรรดาหนังสือก็เปิดขึ้น
คนยิวเชื่อว่า การพิพากษาครั้งสุดท้ายได้เปิดฉากในเทศกาล โรช ฮาชานาห์ ด้วยเสียงแตร และจะปิดฉากเมื่อครบกำหนด10วันหลังจากนั้น ซึ่งเป็นวันลบมนทิลบาป
วันทำการลบมนทิลจะตรงกับวันที่ 10 ของเดือนที่ 7 (Tishri) ในวันนี้มหาปุโรหิตจะแยกตัวออกจากคนอื่น ๆ ปุโรหิตจะถอดเครื่องยศบริสุทธิ์และงดงามออก สวมเพียงเสื้อกางเกงและหมวกผ้าป่านสีขาว (ซึ่งเล็งถึงความเป็นมนุษย์ของพระคริสต์” เขาจะชำระกายห้าครั้งกับล้างมือและเท้าสิบครั้ง
แพะ2ตัวเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญอย่างหนึ่งของวันลบมลทินบาป ตัวหนึ่งจะเป็นแพะรับบาป(อาซาเซล Azazel) และแพะตัวนี้จะถูกปล่อยเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร พร้อมทั้งบรรทุกเอาความบาปทั้งสิ้นของประชาชนไปด้วย
📕เลวีนิติ 16:10 แต่แพะอีกตัวหนึ่งซึ่งฉลากตกเพื่ออาซาเซลนั้น จะนำถวายเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์เป็นสัตว์ที่ยังมีชีวิต เพื่อให้มลทินตกที่มัน แล้วปล่อยมันเข้าไปในถิ่นทุรกันดารให้แก่อาซาเซล
เขาจะนำเลือดวัวและเลือดแพะประพรมอภิสุทธิสถาน ม่าน แท่นเผาเครื่องหอม และแท่นเครื่องเผาบูชา เพื่อชำระทุกสิ่งเหล่านี้ให้ปราศจากมลทิน
มหาปุโรหิตจะเข้าไปในอภิสุทธิสถานเพียงปีละครั้ง คือ ในวันลบมลทินบาป และต้องนำเลือดเข้าไปถวาย
มหาปุโรหิตไม่เพียงแต่นำเลือดของสัตว์ที่ถวายบูชาเข้าไปในอภิสุทธิสถานเท่านั้น เขายังต้องนำกระถางเผาเครื่องหอมมีถ่านลุกอยู่มาจากแท่นเผาเครื่องหอม ใส่เครื่องหอมทุบละเอียดสองกำมือไว้ และควันเครื่องหอมจะคลุมพระที่นั่งกรุณาซ่อนพระสิริเสียจากสายตาของเขา และมหาปุโรหิตจะได้รอดตาย เพราะขณะนั้นเขาอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและวิงวอนพระองค์เพื่อประชาชน โดยออกพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ คือ ยาห์เวห์ (Yahweh)
พระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จเข้าไปสู่เต็นท์อันใหญ่ยิ่งกว่าแต่ก่อน พระองค์ได้เสด็จเข้าไปสู่วิสุทธิสถานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์ (ฮีบรู 9:11-12)
อย่างไรก็ตามสำหรับคนยิวแล้ว วันทั้ง 10 วันก่อนวันลบมลทินบาปนั้น ถูกเรียกกันว่า วันแห่งความน่าสะพรึงกลัว
เทศกาล โรช ฮาชานาห์ถือเป็นวันที่เข้าสู่การพิพากษา แต่วันที่ประทับตราคำพิพากษาคือวันลบมลทินบาป ว่าผลจะออกมาอย่างไรถ้ากลับใจบาปก็ถูกลบ หรือชำระให้หมดสิ้นได้
นี่เป็นภาพที่เล็งถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ ที่บอกเราให้มีชีวิตยำเกรงพระเจ้า🌈
📕วิวรณ์ 14:7
7 ท่านประกาศด้วยเสียงอันดังว่า "จงยำเกรงพระเจ้า และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ เพราะถึงเวลาที่พระองค์จะทรงพิพากษาแล้ว และจงนมัสการพระองค์ ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ แผ่นดินโลก ทะเล และบ่อน้ำพุทั้งหลาย"
การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เมื่อเราได้รู้แล้วว่าเทศกาลเสียงแตรนี้ เป็นการประกาศสู่การเปิดฉากการพิพากษาครั้งสุดท้าย เมื่อเสียงแตรดังขึ้นให้เรา ขอการอภัย ขอพระเมตตาจากพระเจ้า
ให้เราประกาศถึงการเป็นบุตรของพระเจ้า ประกาศการมีชัยเหนือมารซาตานที่ล่อลวงในวาระสุดท้ายก่อนการพิพากษา ประกาศชีวิตแห่งการยำเกรงพระเจ้า ยอมสยบอยู่ต่อพระองค์
03 กันยายน 2563
✝️เดือนเอลูล(Elul) ปี 5780 (ช่วงวันที่ 21 ส.ค.-18 ก.ย.2020) เป็นเดือนสุดท้ายก่อนเข้าสู่ปีปฏิทินใหม่ของฮีบรู)
ในปี 2020 ตรงกับช่วงเย็นวันที่ 18 กันยายน ที่เรียกว่า “รอช ฮาชชะนาห์” (Rosh Hashanah) ปี5781)
❤️ได้ชื่อว่าเป็นเดือนแห่งหญิงสาว👩🏻🦰 ให้ภาพของเจ้าสาวว(Bride) ที่ถูกเตรียมชีวิตเพื่อเจ้าบ่าว💒
ตัวดิฉันเป็นกรรมสิทธิ์ของที่รักของดิฉัน และที่รักก็เป็นของดิฉัน 📕เพลงโซโลมอน 6:3📕
💑 เป็นช่วงเวลาที่แสนหวานในความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์
💒เล็งถึง คริสตจักร ที่เปรียบดั่งเจ้าสาวที่เตรียมตัวเข้าสู่งานสมรสของพระเมษโปดก 💝 ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเป็นพิเศษในพันธสัญญาแห่งรัก ณ ลานพลับพลาของงานแต่งงาน(Chuppah חוּפָּה )
ในบทเพลงซาโลมอน พระเจ้าทรงชมเจ้าสาวของพระองค์ ในสิ่งที่พระองค์ทรงเห็นภายในเธอว่าคุณภาพที่พระองค์ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะฟูมฟักและนำมาใช้
"ดูเถิด ที่รักของฉัน ดูช่างสวยงาม ดูเถิด เธอสวยงาม ดวงตาทั้งสองของเธอดังนกพิราบ"
📕เพลงซาโลมอน 1:15📕
เมื่อนกพิราบจับจ้องสายตาที่คู่ของมัน กิจกรรมต่างๆรอบตัวมันไม่สามารถทำให้มันวอกแวกได้ ดังนั้น นกพิราบจึงมักถูกใช้อ้างถึงว่าเป็น "นกแห่งความรัก" เพราะมันมี "สายตาจับจ้องที่สิ่งเดียวเท่านั้น" ต่อนกอีกตัวหนึ่ง
องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราชมเราเพราะมี "ตาของนกพิราบ" นี้ บ่งชี้ว่าเราได้เพาะบ่มความไวในฝ่ายจิตวิญญาณ ที่จะยกเราอยู่เหนือสิ่งที่โลกนี้ใช้เพื่อดึงดูดและทำให้เราเสียการจดจ่อ ดังนั้น เราสามารถตอบสนองต่อการประทับอยู่ด้วยของพระองค์ ด้วยการเชื่อฟังต่อความปรารถนาและเป้าประสงค์ของพระองค์ได้
สายตาจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น
ความพึงพอใจของพระเจ้าอยู่เหนือชีวิตของผู้ที่มีสายตาจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น
"ถ้าเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน" 📕อิสยาห์ 1:19 📕
สิ่งนี้เป็นไปได้ในผู้ที่ฟูมฟักความสัมพันธ์ส่วนบุคคลที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น พระเจ้านำคนเหล่านี้ได้ง่ายมาก เพราะพวกเขาอยู่ใกล้พอที่จะเห็นว่า "สายตา" ของพระองค์กำลังมองสิ่งใดที่พระองค์ตั้งใจสำหรับพวกเขาอยู่
"เราจะแนะนำและสอนเจ้าถึงทางที่เจ้าควรจะเดินไป เราจะให้คำปรึกษาแก่เจ้าด้วยจับตาเจ้าอยู่"
📕สดุดี 32:8📕
คำปรึกษาด้วยสายตาที่จับจ้องอยู่ไม่ใช่การพูดออกเสียง ซึ่งไปไกลเกินกว่า "คำพูด" ใดที่เราจะได้ยิน
สายตาของพระเจ้าที่จับจ้องนำชีวิตของเราได้นั้น ขึ้นกับการดำเนินชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดกับพระองค์ มันหมายถึงว่าเราได้อุทิศชีวิตอย่างหมดหัวใจและดำเนินชีวิตในการทรงสถิตอยู่ด้วย รวมทั้งการมีความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องกับพระองค์
ในทางตรงกันข้าม ตาของม้ามีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างยิ่ง ม้าจะวอกแวกกับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างทาง ดังนั้น มันจำเป็นต้องมี "ม่านบัง" ติดไว้ด้านข้างตาแต่ละข้าง และมี "บังเหียน" ใส่ไว้ที่ปากของมัน แบบนี้เท่านั้นที่มันจะยังคงอยู่ในเส้นทางที่กำหนดไว้ได้ ดังนั้น เราจึงถูกเตือนว่า:
"อย่าเป็นเหมือนม้าหรือล่อ ที่ปราศจากความเข้าใจ ซึ่งต้องติดสายผ่าปากและบังเหียน มิฉะนั้นมันก็ไม่ไปกับเจ้า" 📕สดุดี 32:9📕
เมื่อเราพัฒนาการที่จะมีสายตาจับจ้องที่พระเจ้าเท่านั้น เราก็จะไม่ตอบสนองต่อพระองค์ดั่งม้าหรือล่อ (ทำตามความปรารถนาของเราเอง) อีกต่อไป แต่จะตอบสนองตามการนำของพระเจ้าเท่านั้น และเราสามารถทูลขอความรู้และพระปัญญาของพระองค์ได้
เราจะถูกยกไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิมในความสัมพันธ์กับพระองค์ ซึ่งเราสามารถจะแบกรับร่วมกับพระองค์ตามเป้าประสงค์แห่งพระราชกิจการไถ่ของพระองค์ เราจะเติบโตก้าวจากทำงานเพื่อพระองค์ มาสู่การทำงานร่วมกับพระองค์
ตอนนี้เรา (เจ้าสาวของพระองค์) สามารถพูดกับพระองค์ว่า "เรามีน้องสาวคนหนึ่ง... (เธอยังไม่เติบโตในฝ่ายวิญญาณ): เราจะทำอย่างไรกับน้องสาวของเรา เมื่อถึงวันที่เขามาสู่ขอน้องของเรา" 📕บทเพลงซาโลมอน 8:8📕
ตอนนี้พระเจ้าสามารถสอนเรามากขึ้น เพื่อจะเตรียมเราให้ทำงานร่วมกับพระองค์บนความสัมพันธ์ที่ร่วมมือกับพระองค์ในระดับที่สูงขึ้น พระองค์ตอบว่า:
"ถ้าหากน้องสาวนั้นเป็นกำแพง เราก็จะสร้างสันปราการเงินไว้ และถ้าหากน้องเป็นประตู พวกเราจะเอากลอนไม้สนสีดาร์ขัดบานประตูเสีย"
📕บทเพลงซาโลมอน 8:9📕
การเป็น "กำแพง" หมายถึงประสบการณ์ในเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณของเธอตั้งอยู่บนรากฐานที่มั่นคง ดังนั้น เธอจึงสามารถถูกนำเข้าไปสู่แก่นสารและความรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น
แต่ถ้าเธอเป็นประตูสวิงที่เหวี่ยงไปมา (หมายถึงความขึ้นๆลงๆในฝ่ายจิตวิญญาณ, บางทีก็เอาบางทีก็ไม่เอา, เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา) จิตวิญญาณของเธอจึงต้องถูกปกป้องเอาไว้ (เอากลอนไม้สนสีดาร์มาขัดเอาไว้)
นี่เป็นคุณสมบัติ (ดวงตาของเธอจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น) ดังนั้น จึงเคลื่อนใจพระองค์ให้ปรารถนาที่จะอยู่กับเจ้าสาวของพระองค์ในความสัมพันธ์ร่วมมือกันกระทำพระราชกิจ ดังนั้น เมื่อเธอร้องออกมาว่า:
"อ้อ เธอผู้ที่ดิฉันรัก ขอบอกดิฉันว่า เธอเลี้ยงฝูงสัตว์อยู่ที่ไหน ในเวลาเที่ยงวัน เธอให้มันนอนพักที่ไหน เพราะเหตุใดเล่าดิฉันจะต้องเอาผ้าปิดตาไปตามฝูงสัตว์ของพวกเพื่อนเธอ"
📕บทเพลงซาโลมอน 1:7 📕
"ขอบอกดิฉัน" ความปรารถนาอันยิ่งยวดของเธอแสดงออกมาอย่างจดจ่อที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเธอ และเธอแสวงหาที่จะจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น
พระเจ้าตอบเธออย่างรวดเร็ว:
"โอ แม่งามเลิศในท่ามกลางหญิงทั้งหลาย ถ้าเธอไม่รู้ จงเดินไปตามรอยตีนฝูงแพะแกะ แล้วจงเลี้ยงฝูงแพะแกะของเธอไว้ ที่ข้างเต็นท์ของเมษบาลเถิด"
📕บทเพลงซาโลมอน 1:8📕
"จงเดินไปตามรอยตีนฝูงแพะแกะ" นั่นคือ จงตามหาคนเหล่านั้นที่รู้จักพระเจ้า และพวกเขาจะนำคุณไปถึงพระเจ้า ไม่ใช่ไปหาโปรแกรมหรือเป้าประสงค์อื่น
เธอไม่พึงพอใจกับแค่ความรู้ในสิ่งต่างๆเกี่ยวกับพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นพันธกิจ ความสามารถ หรือบุคลิกต่างๆของการเป็นผู้รับใช้ของพระองค์นั้นไม่จุใจเธออีกต่อไป เพราะตอนนี้ เธอต้องการรู้จักพระองค์อย่างสนิทสนมลึกซึ้ง การลดลงอย่างมากในเรื่องความทะเยอทะยาน ความปรารถนา และความใฝ่ฝันของเธอเองได้นำเธอมาสู่จุดนี้
ตอนนี้สายตาของเธอจับจ้องที่พระองค์เท่านั้น และพระองค์ก็พร้อมแล้วที่จะนำเธอไป:
"ที่รักของดิฉันได้เอ่ยปากพูดกับดิฉันว่า “ที่รักของฉันเอ๋ย เธอจงลุกขึ้นเถอะคนสวยงามของฉันเอ๋ย จงมาเถิด"
📕บทเพลงซาโลมอน 2:10📕
เรียบเรียงจากบทความของ...
Wade Taylor
Parousia Ministries | Wade Taylor Publications