17 ตุลาคม 2562

ทำไมคำเผยพระวจนะถึงไม่สำเร็จ

บางครั้งคำเผยพระวจนะก็ไม่สำเร็จ
ในทศวรรษที่ผ่านมา คริสตจักรหลายแห่งทั่วโลกได้เติบโตขึ้นในการเผยพระวจนะ สัมมนาและการสอนเกี่ยวกับการเผยพระวจนะนับเป็นสิ่งที่แพร่หลายในปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ ผู้เชื่อในพระคริสต์หลายคนก็สามารถเผยพระวจนะได้อย่างเป็นเรื่องปกติ
อนึ่ง แม้ผู้คนจะได้รับคำเผยพระวจนะที่เป็นมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่บางครั้งคำเผยพระวจนะที่แท้จริงเหล่านี้ก็ไม่สำเร็จ ทั้งนี้ผู้ใหญ่ที่เติบโตในเส้นทางการเผยพระวจนะได้อธิบายไว้ว่า อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คำเผยพระวจนะไม่สำเร็จ ไม่ได้อยู่ที่การผิดศีลธรรมหรือการทำบาป แต่อยู่ที่ความไม่เชื่อและการไม่อดทนรอคอยให้คำเผยพระวจนะสำเร็จ
ตัวอย่างจากพระคัมภีร์ที่คำเผยพระวจนะไม่สำเร็จ
ชาวอิสราเอลทั้ง 12 เผ่าได้รับคำเผยพระวจนะว่า พระเจ้าได้ประทานมรดกเป็น “แผ่นดินงาม” แก่พวกเขาแล้ว เมื่อวันเวลาผ่านไป ก็มีชาวอิสราเอลหลายเผ่าที่ได้รับมรดกเป็นแผ่นดินงาม แต่ก็มีบางเผ่าที่ไม่ได้รับมรดกนี้ มีบางเผ่าที่คำเผยพระวจนะไม่สำเร็จ ตัวอย่างของเผ่าที่ไม่สำเร็จคำเผยพระวจนะก็คือเผ่ารูเบนและเผ่าดาน
เผ่ารูเบนไม่สำเร็จคำเผยพระวจนะ
พระเจ้าได้ประทานแผ่นดินด้านตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้เป็นมรดกสำหรับเผ่ารูเบน แต่เมื่อเผ่ารูเบนได้เดินทางผ่านแผ่นดินด้านตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน เผ่ารูเบนก็เห็นถึงความงดงามและความประเสริฐของแผ่นดินด้านตะวันออก ทั้งนี้เผ่ารูเบนยังไม่เคยเดินผ่านและไม่เคยมองเห็นแผ่นดินด้านตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนมาก่อน แต่ด้วยความรีบร้อน คนเผ่ารูเบนได้ทูลขอแผ่นดินด้านตะวันออกจากโมเสส ซึ่งโมเสสก็จัดสรรให้ แต่ตามคำเผยพระวจนะแล้วอิสราเอลทุกเผ่าควรรอคอยและรับเอาแต่แผ่นดินด้านตะวันตก
เหตุที่เผ่ารูเบนไม่อาจสำเร็จคำเผยพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพราะคนเผ่ารูเบนได้ทำบาปที่ร้ายแรง แต่คนเผ่ารูเบนรีบร้อนและรีบรับเอา”สิ่งดี” ไว้ ทั้งๆที่พระเจ้าได้จัดเตรียม “สิ่งที่ดีกว่า” ไว้แล้ว หลายครั้งพระเจ้าได้จัดเตรียม “สิ่งที่ดีกว่า” ให้กับมนุษย์ แต่ด้วยการที่มนุษย์ไม่อดทนรอคอย มนุษย์จึงรีบรับ “สิ่งดี” มาไว้ก่อน การไม่อดทนรอคอยถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนเราไม่ได้รับ “สิ่งที่ดีกว่า” ซึ่งพระเจ้าได้จัดเตรียมไว้
เผ่าดานไม่สำเร็จคำเผยพระวจนะ
ตามกำหนดที่พระเจ้าประทานให้ คนเผ่าดานได้พื้นที่ด้านซ้ายสุดของแผ่นดินงามเป็นมรดก เผ่าดานจึงสู้รบกับคนพื้นเมืองเพื่อยึดครองผืนดินบริเวณนั้น ทว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป เผ่าดานก็ไม่อาจชนะคนพื้นเมืองได้ หัวหน้าเผ่าดานจึงหยุดทำสงครามที่แผ่นดินด้านซ้ายสุด และเลือกที่จะไม่ยึดครองแผ่นดินที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ เผ่าดานได้ตัดสินใจบุกไปยังพื้นที่ด้านเหนือสุด และยึดเอาผืนดินด้านเหนือสุดไว้ ซึ่งตามกำหนดของพระเจ้าแล้ว เผ่าดานไม่ควรไปยึดเอาแผ่นดินด้านเหนือสุด แต่ควรสู้รบที่แผ่นดินด้านซ้ายสุดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะยึดครองได้
บางครั้งพระเจ้าได้ประทานพระสัญญาและเป้าหมายให้กับมนุษย์ผ่านคำเผยพระวจนะ แต่บางครั้งพระสัญญานั้นก็ไม่ได้สำเร็จในชั่วข้ามคืน บางทีคนเราทำสงครามมาหนึ่งครั้งแต่พระสัญญาก็ไม่สำเร็จ พอทำสงครามอีกครั้งพระสัญญาก็ยังไม่สำเร็จ และด้วยการทำสงครามมาหลายครั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จสักที มนุษย์ที่ไม่มีความเชื่อก็ไม่อาจอดทนทำสงครามต่อได้อีก ผู้คนที่ไม่มีความเชื่อจึงเปลี่ยนใจไปจากเป้าหมายของพระเจ้า โดยไปพิชิตเป้าหมายอื่นที่พระเจ้าไม่ได้กำหนดไว้ พระสัญญาที่พระเจ้าประทานให้ในตอนแรกจึงไม่สำเร็จ ทั้งนี้การที่พระสัญญาไม่สำเร็จนั้น ไม่ใช่เพราะมนุษย์ทำบาปที่ร้ายแรง แต่เป็นเพราะมนุษย์ไม่อดทนรอคอยและไม่ยอมทำสงครามต่อ บางครั้งหากมนุษย์ทำสงครามต่ออีกหน่อย พระสัญญาก็จะสำเร็จแน่นอน
แค่มีคำเผยพระวจนะยังไม่พอ ต้องมีความเชื่อด้วย
จากพระคัมภีร์ได้บันทึกถึงคำเผยพระวจนะที่ไม่สำเร็จ ซึ่งเหตุผลสำคัญที่คำเผยพระวจนะไม่สำเร็จไม่ใช่เพราะว่า มีการทำบาปอันร้ายแรงจนพระเจ้ายกเลิกพระสัญญา แต่เป็นเพราะผู้รับคำเผยพระวจนะไม่มีความเชื่อและไม่อดทนรอคอยให้พระสัญญาสำเร็จ
อับราฮัมแม้ว่าจะทำบาปด้วยการโกหกชาวอียิปต์ แต่พระเจ้าก็ไม่ได้ยุติพระสัญญาที่ให้กับอับราฮัม วันเวลาผ่านไปอับราฮัมอดทนรอคอยและเชื่อในพระสัญญาโดยไม่หวั่นไหว สุดท้ายถ้อยคำเผยพระวจนะที่มาถึงอับราฮัมก็สำเร็จ แม้ว่าอับราฮัมจะทำบาปในระหว่างที่รอคอยก็ตาม ดังนั้นการสำเร็จคำเผยพระวจนะจึงไม่ได้อยู่ที่ “การไม่ทำบาป” แต่อยู่ที่การมี “ความเชื่อแบบอดทนรอคอย”
วาระนี้เป็นวาระที่คริสตจักรเติบโตอย่างมากในการเผยพระวจนะ แต่คำเผยพระวจนะที่มีอยู่บางครั้งก็ไม่สำเร็จ ซึ่งไม่ใช่เพราะผู้รับคำเผยพระวจนะได้ทำบาปที่ร้ายแรง แต่เป็นเพราะผู้รับคำเผยพระวจนะขาดความเชื่อแบบระยะยาว
การเผยพระวจนะนับเป็นการเติบโตก้าวที่หนึ่งของคริสตจักร ทว่าถ้าคริสตจักรจะเติบโตสู่ความไพบูลย์ คริสตจักรต้องเติบโตขึ้นในก้าวที่สอง ซึ่งก็คือการเติบโตในของประทานความเชื่อ เพราะโดยของประทานความเชื่อ พระสัญญาที่มาจากคำเผยพระวจนะก็มาถึงความสำเร็จได้

Philip Kavilar นักวิชาการด้านฟิสิกส์ ผู้ศึกษาพระคัมภีร์เป็นงานอดิเรก เป็นผู้ที่มีของประทานด้านวิชาการและการเผยพระวจนะผสมผสานกัน  ท่านมีความปรารถนาที่จะเห็นการร่วมประสานกันระหว่างพี่น้องในสายวิชาการกับพี่น้องในสายฤทธิ์เดช และหนุนใจให้คริสตจักรขับเคลื่อนในการเผยพระวจนะและการแปลภาษาแปลกๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น