22 มิถุนายน 2555

เตรียมยุ้งฉางเพื่อรับพระพร

สวัสดีครับเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ในวันนี้ขอแบ่งปันบทความเรื่อง “เตรียมยุ้งฉางเพื่อรับพระพร” ซึ่งเป็นการเตรียมชีวิตเพื่อรับการอวยพระพรจากพระเจ้า เรียกว่า “เตรียมตัวรับมือกับความมั่งคั่ง” ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่าอาณาจักรของพระเจ้า เป็นอาณาจักรที่เต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ซึ่งสำแดงพระสิริของพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นผู้ที่สถาปนาขึ้นในโลกนี้ และมีแผนการให้มนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาตามพระฉายาเพื่อทำการปกครองตามพระบัญชาของพระองค์
ปฐก.1:28 พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ทำบาป (ปฐก.3)และมารได้หลอกลวงสิทธิอำนาจแห่งการครอบครองนี้มาเป็นของมัน ทำให้มนุษย์อยู่ในความบาป เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า(รม.3:23)อยู่ในความยากลำบาก ตรากตรำทำงานหนัก อยู่ในวิญญาณแห่งความยากจนที่มารได้ยัดเยียดมาให้กับมนุษย์ เปรียบเทียบเหมือนลูกเศรษฐีตกยาก
แต่พระเจ้ามีแผนการดีในการรื้อฟื้นอาณาจักรของพระองค์ ผ่านทางชนชาติอิสราเอลซึ่งเป็นชนชาติแห่งพระพร(ปฐก.12) การอวยพรได้ผ่านเชื้อสายอับราฮัมบิดาแห่งความเชื่อและแผนการนี้ยังดำเนินต่อมาจนถึงพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นดังจอมกษัตริย์และมหาปุโรหิตที่เป็นผู้กลางที่เชื่อมเราทั้งหลายเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือคริสตจักรอยู่ในวิญญาณแห่งความยากจน เราจะต้องขับไล่วิญญาณนี้ออกจากชีวิตของเรา และรับเอาพระพรและความมั่งคั่งตามพระสัญญาเข้ามาในชีวิต
ในปี 5773 ตามปฎิทินฮีบรูจะเป็นช่วงปลายเดือนก.ย.2012 เป็นปีแห่งตัวอักษรคือ Ayin Gimmelหมายถึงปีแห่งพระพรความมั่งคั่ง ตัวอักษร Gimmel เป็นภาษาสัญลักษณ์เล็งถึงตัวอูฐ (Camel)อูฐเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง เนื่องจากโดยทั่วไปคนที่มั่งมีจะเลี้ยงอูฐไว้เป็นการเลี้ยงประดับบารมี เปรียบเหมือนกับคนที่ร่ำรวยจะขับรถ Benz เพื่อแสดงถึงความมั่งคั่ง สำหรับในพระคัมภีร์หากกล่าวถึงอูฐจะเป็นการแสดงถึงความมั่งคั่ง ดังเช่น 
อสย. 60:5-6
5 แล้วเจ้าจะเห็นและปลาบปลื้ม ใจของเจ้าจะตื่นเต้นและเปรมปรีดิ์ เพราะความมั่งคั่งของทะเลจะหันมาหาเจ้า ทรัพย์สมบัติของบรรดาประชาชาติจะมายังเจ้า
6 มวลอูฐจะมาห้อมล้อมเจ้า อูฐหนุ่มจากมีเดียนและเอฟาห์ บรรดาเหล่านั้นจากเชบาจะมา เขาจะนำทองคำและกำยาน และจะบอกข่าวดีถึงกิจการอันน่าสรรเสริญของพระเจ้า
ภาพจากพระธรรมตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงตอนที่เหล่าโหราจาย์ได้ขี่มวลอูฐมาถวายเครื่องบรรณาการแด่พระเยซูคริสต์ทั้งทองคำ กำยาน และมดยอบ (มธ.2:11) พระเยซูคริสต์จึงเป็นผู้นำการเจิมแบบกษัตริย์เพื่อปลดปล่อยความมั่งคั่งจากอาณาจักรสวรรค์มาสู่โลกจริงๆ เราจึงต้องมีความเชื่อในสิทธิ์การเป็นบุตรของพระเจ้า และรับพระพรจากพระองค์

ในพระคัมภีร์อีกตอนที่พูดถึงอูฐคือ คนมั่งมีจะเข้าแผ่นดินสวรรค์นั้นยากเหมือนอูฐจะรอดรูเข็ม(มธ.19:24)ให้ข้อคิดถึงการที่เป็นคนมั่งมีแต่รักเงินทองทำให้หัวใจห่างไกลจากพระเจ้า  เราต้องมีเงินอยู่ในมือ ไม่ใช่มีเงินอยู่ในใจ  เพราะการรักเงินเป็นมูลรากแห่งความชั่ว (1ทธ.6:10)การมีเงินเป็นสิ่งไม่ผิดอะไร พระเจ้าให้เรามีเงินได้ แต่การรักเงินเป็นสิ่งที่ผิด พระเจ้าปรารถนาจะอวยพระพรให้เราเป็นคน "มั่งมี" ไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่เราอย่าเป็นคนแบบอยาก"มีมั่ง" คนอยากมีมั่งคือ เห็นคนอื่นเค้ามีก็อยากมีมั่ง อยากได้ อยากมี อยากเป็นไม่รู้จักพอ เป็นคนโลภ

ในบทความครั้งนี้ผมจึงขอนำชีวิตของบุคคลหนึ่งในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ที่เป็นผู้เตรียมชีวิตอย่างดี เพื่อรับพระพรจากพระเจ้าเพื่อเป็นพระพรให้กับผู้อื่น บุคคลท่านนั้นคือ โยเซฟ จากพระธรรม ปฐมกาลบทที 41.37-57 โยเซฟเป็นผู้ที่ "เตรียมยุ้งฉางเพื่อรับพระพร" เรามีศึกษาชีวิตของท่านร่วมกันดังนี้

1.โยเซฟมีการทรงสถิตของพระเจ้า(ข้อ38)
แม้แต่ฟาโรห์ยังกล่าวชมโยเซฟ(ข้อ 38)ฟาโรห์ตรัสกับบรรดาข้าราชการว่า  "เราจะหาคนที่มีพระวิญญาณพระเจ้าอยู่ในตัวเหมือนคนนี้ได้หรือ" แท้จริง พระเจ้าปรารถนาให้เราเป็นพรให้กับคนในครอบครัว ในชุมชน ในสังคม โยงใยไปถึงคนทั้งโลก เพื่อนำคนทั้งโลกมาหาพระเจ้า  เราจึงควรตั้งเป้าให้ชีวิตส่วนตัวของเราเป็นเหมือนยุ้งฉางแห่งพระพร 
ตลอดประวัติศาสตร์พบว่า มีคนที่พระเจ้าทรงอวยพรให้เกิดผล และเป็นพรต่อคนในโลก พระเจ้าทรงอวยพรให้ชีวิตของเขาเหล่านี้ เป็นเหมือนยุ้งฉางใหญ่ที่เต็มด้วยพระพรของพระเจ้า ทำให้ผู้คนรับกำลัง รับพระพรมากมาย รวมทั้งเราทั้งหลายที่รับกำลังใจจากชีวิตของพวกเขาด้วย
ชีวิตของโยเซฟ เป็นคนหนึ่งที่พระคัมภีร์บันทึกว่า เขาเป็นคนที่ช่วยทั้งโลกได้ในคราววิกฤตการณ์กันดารอาหาร   
โยเซฟจัดว่าเป็นบุคคลแห่งประวัติศาสตร์ ที่ทำคุณงามความดีในการกอบกู้บ้านเมืองอียิปต์และประเทศเพื่อนบ้านในเวลานั้น ให้พ้นจากวิกฤตการกันดารอาหาร
โยเซฟเป็นบุตรของยาโคบหรืออิสราเอล ที่ถูกขายไปเป็นทาสของชาวอียิปต์ แต่ด้วยชีวิตที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ในที่สุด พระเจ้าทรงยกชู โยเซฟกลับกลายเป็นอุปราชนายกรัฐมนตรีอียิปต์ในชั่วข้ามคืน เพียงหนึ่งชีวิตที่ยอมต่อพระเจ้า ก็ทำให้เป็นพรให้กับคนทั้งโลก
เนื่องจากพระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ ทำให้ชีวิตของโยเซฟเป็นพอพระทัยของกษัตริย์ฟาโรห์  เพราะพระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ ท่านจึงมีสติปัญญาที่มาจากพระเจ้าที่ทรงเปิดเผยสิ่งที่จะเกิดขึ้น และในเจ็ดปีนั้น ก็เกิดความอุดมสมบูรณ์ดังที่พระเจ้าทรงเปิดเผยสำแดง
พระคัมภีร์บันทึกว่า พระเจ้าทรงสถิตกับโยเซฟ และประทานให้ทุกอย่างในมือเขาเกิดผล
ปฐก.39:2 ...พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ โยเซฟจึงเจริญรวดเร็ว เขาอยู่ในบ้านคนอียิปต์นายของเขา
ปฐก.39:21 ...แต่ว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโยเซฟ และทรงสำแดงความรักมั่นคงแก่เขา ทรงโปรดให้พัศดีเมตตาปรานีเขายุ้งฉางของเราจะเป็นพระพรได้ ก็ต่อเมื่อมีการเกิดผล บรรจุพระพรเต็มขนาด
การเกิดผลเป็นได้จริงอย่างอัศจรรย์ก็ต่อเมื่อมีการทรงสถิตของพระเจ้า
จากชีวิตโยเซฟที่บันทึกไว้ ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กจนจากโลกไป เป็นคนที่ตอบสนองพระเจ้า ดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อด้วยความยำเกรงพระองค์
ความสัตย์ซื่อของโยเซฟ เห็นได้จากการทำงานอย่างซื่อตรงตลอดเวลา ไม่ใช่ดีเพียงชั่วคราว ไม่ว่าไปที่ไหนก็ทำงานอย่างดี มีชีวิตดีงาม
ตั้งแต่ถูกขายเป็นทาสในอียิปต์ ตอนอายุประมาณ 17 ปี จนถึงเวลาที่รับการยกชูอายุ 30 ปี (ปฐก.37:2,41:46) ยำเกรงพระเจ้า ไม่ยอมประนีประนอมกับความบาป แม้ว่าภรรยาโปทิฟาร์ชักชวนทำบาป แต่โยเซฟไม่ยอม แม้จะต้องยากลำบากเพราะความยำเกรงพระเจ้าก็ตาม (ปฐก 39:3-10)
การมีทัศนคติที่ถูกต้อง แม้เผชิญสถานการณ์ยากลำบาก ก็ไม่ได้บ่นต่อว่าพระเจ้า หรือตีโพยตีพาย แต่ทัศนคติที่ดีทำให้เขาทำงาน ทุกอย่างที่รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี จนนายพอใจเสมอ ทุกอย่างที่พระเจ้าประทานให้ในชีวิต ไม่มีผิดพลาด ความยากลำบากที่ให้กับโยเซฟ เพื่อสร้างเขาให้ใช้การได้ เมื่องานยิ่งใหญ่มาถึง
พระวจนะสอนเราให้ขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี เพราะพระองค์กำลังสร้างเราขึ้นเพื่อพร้อมที่จะกระทำการดี แม้ความยากลำบากก็ไม่เคยเป็นความผิดพลาดของพระเจ้า มนุษย์อาจผิดพลาด แต่พระเจ้าไม่เคยผิดพลาด และแม้ความผิดพลาดของมนุษย์ในบางครั้ง เมื่ออยู่ในการควบคุมของพระเจ้า อาจกลายเป็นอุปกรณ์ของพระองค์ในการขัดเกลาชีวิตเราด้วย เราจึงต้องขอบคุณพระเจ้าได้เสมอ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ รักษาการทรงสถิตของพระเจ้าในชีวิต เพราะถ้าไม่มีชีวิตในพระเจ้า เราก็จะสูญเสียชีวิตในที่สุด

2.โยเซฟมีสติปัญญาจากพระเจ้า(ข้อ 48-49)
48 โยเซฟเก็บอาหารทั้งเจ็ดปีซึ่งมีอยู่ในประเทศอียิปต์ไว้หมด สะสมไว้ในหัวเมือง ผลที่เกิดขึ้นในนารอบหัวเมืองใด ก็เก็บไว้ในหัวเมืองนั้น
49 โยเซฟสะสมข้าวไว้ดุจเม็ดทรายในทะเลมากมายจนต้องหยุดคิดบัญชี เพราะนับไม่ถ้วน
ผลแห่งความสัตย์ซื่อยำเกรงพระเจ้าตลอดชีวิต ไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ เขาหวังใจเสมอ ทำให้ โยเซฟ มีสติปัญญามากกว่าคนทั้งประเทศอียิปต์
การมีสติปัญญาแสดงออกอย่างไร
รู้จักกาลเวลาของพระเจ้า(ข้อ 48-49)
... โยเซฟเก็บอาหารทั้งเจ็ดปีซึ่งมีอยู่ในประเทศอียิปต์ไว้หมด สะสมไว้ในหัวเมือง ผลที่เกิดขึ้นในนารอบหัวเมืองใด ก็เก็บไว้ในหัวเมืองนั้น  โยเซฟสะสมข้าวไว้ดุจเม็ดทรายในทะเลมากมายจนต้องหยุดคิดบัญชี เพราะนับไม่ถ้วน ...
พระเจ้าบอกกับโยเซฟผ่านทางความฝันของฟาโรห์ ว่าจะมีความอุดมสมบูรณ์ใน 7 ปีแรก ดังนั้น โยเซฟรู้ว่า เป็นเจ็ดปีที่ต้องลงแรงทำงานอย่างเต็มกำลัง มีเวลาเพียงเจ็ดปีที่จะเตรียมยุ้งฉาง และเก็บเกี่ยวผลผลิตเข้าสู่ยุ้งฉางให้มากที่สุด และเขาทำอย่างสำเร็จ หลังจากนั้นก็เกิดการกันดารอาหารอีก 7 ปี โยเซฟก็ได้แบ่งปันข้าวที่เก็บไว้เป็นพระพรไปทั่วประเทศ 
ข้อคิดจากโยซฟคือคนมีสติปัญญาจากพระเจ้าจะรู้กำหนดเวลา มองภาพชัด ทำให้กระตือรือร้น เพราะมีเวลาเพียง 7 ปี ที่จะต้องหว่าน ต้องเก็บเกี่ยว ต้องเตรียมลับเคียว ต้องสร้างยุ้งฉาง ต้องเตรียมคนงานอย่างเต็มที่
เวลาแต่ละปีในการเตรียมที่นา สร้างยุ้งฉาง หว่าน ลงต้นกล้า เก็บเกี่ยว นำเก็บในยุ้งฉาง ดูเหมือนนานหลายเดือน แต่เวลาผ่านไปเร็วมากสำหรับการเก็บเกี่ยวในแต่ละหน้านา
คนของพระเจ้าต้องรู้เวลาของพระองค์ เวลานี้ คือ ยุคสุดท้าย ใกล้เวลาที่พระเยซูจะเสด็จกลับมาแล้ว
อัครสาวกยอห์นได้เห็นภาพในยุคสุดท้าย
วว.14:14-19
14...ข้าพเจ้าได้แลเห็น และดูเถิดมีเมฆขาว และมีผู้หนึ่งประทับบนเมฆนั้นเหมือนกับบุตรมนุษย์ สวมมงกุฎทองคำบนพระเศียร และพระหัตถ์ถือเคียวอันคม
15 และมีทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่ง ออกมาจากพระวิหาร ร้องทูลพระองค์ผู้ประทับบนเมฆนั้นด้วยเสียงอันดังว่า "จงใช้เคียวของพระองค์เกี่ยวไปเถิด เพราะว่าถึงเวลาเกี่ยวแล้ว เพราะว่าผลที่จะต้องเก็บเกี่ยวในแผ่นดินโลกนั้นสุกแล้ว"
16 และพระองค์ผู้ประทับบนเมฆนั้น ได้ทรงตวัดเคียวนั้นบนแผ่นดินโลก และแผ่นดินโลกก็ได้ถูกเกี่ยวแล้ว
17 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ออกมาจากพระวิหารบนสวรรค์ ถือเคียวอันคมเช่นเดียวกัน
18 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งผู้มีฤทธิ์เหนือไฟได้ออกมาจากแท่นบูชา และร้องบอกท่านที่ถือเคียวคมนั้นด้วยเสียงอันดังว่า "ท่านจงใช้เคียวคมของท่านเกี่ยวเก็บพวงองุ่นแห่งแผ่นดินโลก เพราะลูกองุ่นนั้นสุกดีแล้ว"
19 ทูตสวรรค์นั้นก็ตวัดเคียวบนแผ่นดินโลก และเก็บเกี่ยวผลองุ่นแห่งแผ่นดินโลก และเทลงไปในบ่อย่ำองุ่นอันใหญ่แห่งพระพิโรธของพระเจ้า
การพิพากษาใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว เราต้องรีบเร่งทำการ เพราะเวลามีน้อยแล้วต้องรีบเร่งในการประกาศข่าวประเสริฐให้คนทั้งหลายได้รับพระพรจากพระเจ้า
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้รู้กาลเวลาของพระเจ้า ทรงมีพระปัญญายิ่ง ทำให้ทรงทำงานยิ่งใหญ่ที่รับมอบหมายจากพระเจ้าสำเร็จในเวลาเพียงสามปีครึ่ง
ยน.9:4 เราต้องกระทำพระราชกิจของพระองค์ ผู้ทรงใช้เรามาเมื่อยังวันอยู่ เมื่อถึงกลางคืนไม่มีผู้ใดทำงานได้
คนที่รู้กาลเวลาก็จะเร่งรีบทำการ เราต้องรู้กาลเวลาแห่งการอวยพรของพระเจ้า อย่าเป็นคนเกียจคร้าน เฉื่อยแฉะ เพราะในที่สุดเราจะพลาดพระพร
เมื่อเรารู้ว่าฤดูฝนกำลังจะมาถึง เราก็ต้องเตรียมโอ่งหรือเตรียมภาชนะในการรองรับ ไม่ได้ปล่อยให้ฤดูฝนผ่านไปโดยไม่ได้รับผลประโยชน์จากฝน
สภษ.20:4 คนเกียจคร้านไม่ไถนาในหน้านา เขาจะแสวงหาเมื่อถึงฤดูเกี่ยวแต่ไม่พบอะไรเลย
เราต้องเรียนรู้วาระเวลาของพระเจ้าและรีบเตรียมยุ้งฉางเพื่อพระเจ้า เมื่อพระเจ้าเทพระพรลงมา
 
รู้จักการบริหาร(ข้อ48)

ข้อ 48...โยเซฟเก็บอาหารทั้งเจ็ดปีซึ่งมีอยู่ในประเทศอียิปต์ไว้หมด สะสมไว้ในหัวเมือง ผลที่เกิดขึ้นในนารอบหัวเมืองใด ก็เก็บไว้ในหัวเมืองนั้น
ด้วยสติปัญญาทำให้โยเซฟมองการณ์ไกล สามารถบริหาร เพื่อให้รองรับผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ของทั้งประเทศ
เขาได้สร้างยุ้งฉางให้พอเพียง ในการรับผลผลิต ไม่ว่าปลูกที่ไหนเกิดผลที่ใด ก็สามารถเก็บเกี่ยวเข้ายุ้งฉางได้หมด เพราะมีการสร้างยุ้งฉางไว้รองรับทุกที
โยเซฟเข้าใจการบริหาร กระจายงานให้ทั่วถึง ทุกคนรับผิดชอบในส่วนเล็กๆ ของตน หัวเมืองใหญ่ก็มีผลผลิตมาก หัวเมืองเล็กมีคนน้อยก็อาจมียุ้งฉางเล็ก เป็นการบริหารการทำงานโดยให้เกิดความร่วมมือกันโดยแต่ละคนรับผิดชอบงานของตนในอาณาเขตของตน ทำให้เกิดงานได้มากกว่า เป็นหลักการบริหารกระจายอำนาจ
แนวคิดบริหารของโยเซฟนับว่าทันสมัยมาก คงเป็นต้นแบบการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือ อบต.ในปัจจุบัน
ยิ่งกว่านั้น เมื่อถึงเวลาขาดแคลน ทุกคนต้องมาซื้อข้าว  การแจกจ่ายก็จะไม่มีปัญหา ทุกคนสามารถซื้อข้าวได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล ไม่เกิดการจลาจล และไม่เกิดจราจรติดขัดเป็นอัมพาตที่เมืองหลวง
สิ่งนี้ทำให้คนได้รับพระพรกันถ้วนหน้าจากยุ้งฉางของโยเซฟ  คริสตจักรจึงเป็นเหมือนยุ้งฉางของพระเจ้าในที่ต่างๆ เพราะเรารับพระพรจากพระเจ้ามากมายในยุ้งฉางของชีวิตเรา
จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เราพบสิ่งที่เป็นสัญญาณเตือนใจเราให้ตระหนักและเตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว สึนามิ  เกิดการเขย่าไปทั่วโลก การเขย่าด้านเศรษฐกิจ ทั้งในทวีปอเมริกาและยุโรป สิ่งที่เราจะต้องเตรียมคือการเป็นผู้ที่มีสติปัญญาจากพระเจ้าในการรู้จักบริหารจัดการ เตรียมทั้งชีวิตในฝ่ายวิญญาณให้พร้อมและเตรียมฝ่ายกายภาพในการรู้จักบริหารจัดการการใช้เงินและทรัพยากรต่างๆอย่างเหมาะสม เพื่อรับมือได้ทุกสถานการณ์  

3.โยเซฟมีใจในการขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ (ข้อ 50-52)
50...ก่อนถึงปีกันดารอาหาร โยเซฟมีบุตรชายสองคน ซึ่งนางอาเสนัทบุตรีโปทิเฟรา ปุโรหิตเมืองโอนมีให้ท่าน
51 โยเซฟเรียกลูกหัวปีว่า มนัสเสห์ {แปลว่า การทำให้ลืม} "เพราะว่าพระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้าลืมความยากลำบากทั้งปวง และบรรดาพงศ์พันธุ์ของบิดาเสีย"
52 บุตรที่สองท่านเรียกชื่อว่า เอฟราอิม {จากคำฮีบรู หมายความว่า มีลูกดก} "เพราะว่า พระเจ้าทรงโปรดให้ข้าพเจ้ามีพงศ์พันธุ์ทวีขึ้นในดินแดนที่ข้าพเจ้าได้รับความทุกข์ใจ"
ชื่อบุตรทั้งสองของโยเซฟ บ่งบอกถึงชีวิตฝ่ายวิญญาณของเขา ในช่วงแห่งการยกชูของพระเจ้าในพระราชวังของฟาโรห์
โยเซฟมีท่าทีถูกต้อง คือ การขอบพระคุณพระเจ้าเสมอในทุกกรณี
ท่านวางใจต่อพระเจ้าตลอดวันคืนชีวิตของเขา ส่งผลต่อการมองภาพต่างๆอย่างถูกต้อง และมีปัญญาไม่ถูกบดบังด้วยอคติและความหวาดกลัว
ชื่อ มนัสเสห์ หมายความว่า ทำให้ลืม เป็นการแสดงออกถึงการขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงโปรดให้ลืมความยากลำบาก และพงศ์พันธุ์บ้านบิดาทั้งปวง (ข้อ 51)
ไม่ได้หมายความว่า ลืมชนชาติของตัวเอง แต่หมายความว่า พระคุณมากมายล้นเหลือของพระเจ้าทำให้ลืมความเจ็บปวดในอดีต ทำให้ไม่หลงเหลือใจขมขื่นต่อพวกพี่ชาย
และในเวลานี้ ได้เห็นภาพว่า สิ่งที่พวกพี่ชายได้ทำผิดนั้น พระเจ้าได้ทรงเปลี่ยนการร้ายให้กลับเป็นการดี

เราพบว่าโยเซฟไม่เคยโกรธและให้อภัยแม้ว่าพี่ชายจะคิดร้ายต่อท่าน
ปฐก.50:20 ...พวกท่านคิดร้ายต่อเราก็จริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดีอย่างที่บังเกิดขึ้นนี้แล้ว คือช่วยชีวิตคนเป็นอันมาก
การวางใจพระเจ้าส่งผลให้มีท่าทีให้อภัย เพราะวางใจ พระเจ้าผู้ทรงอนุญาตทุกสิ่งเพื่อสิ่งดีของคนที่รักพระองค์
หลักการพระเจ้า คือ ไม่ทำการร้ายตอบแทนการร้าย  ท่าทีอภัย เป็นเหตุให้เราสามารถทำงานยิ่งใหญ่ได้ เพราะชีวิตปลดปล่อยจากความโกรธแค้น พระเจ้าอวยพรโยเซฟที่ท่าทีถูกต้อง เราก็ต้องตัดสินใจให้อภัย ไม่มีใจขุ่นเคือง
ยุ้งฉางแห่งพระพร ควรเต็มด้วยความรัก จิตใจของผู้สร้างยุ้งฉางพระพร ต้องมีความรักของพระเจ้าเต็มในหัวใจ

อ.ใหญ่ ศิริพร สุกัญจนศิริ ได้กล่าวว่า ขอให้พวกเราระมัดระวังกับท่าที 4 อย่างด้วยกันในช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2012 นี้ คือ 1.ท่าทีของความหยิ่ง 2.ความไม่เชื่อ 3.การไม่ให้อภัย (ให้อภัยยากหรือไม่ยอมให้อภัย) 4.ความโลภ ทั้ง 4 สิ่งนี้ยกตัวขึ้นเพื่อขัดขวางสิ่งที่พระเจ้ากำลังกระทำในประเทศไทยในช่วงเวลานี้ สิ่งที่เราต้องทำคือ

(1) สารภาพบาปและท่าทีเหล่านี้ที่อยู่ในใจ
(2) หักล้างพันธสัญญาใจหรือข้อตกลงที่เคยมีกับ 4 สิ่งนี้ 
(3) ป่าวประกาศว่าศัตราวุธและอุบายที่ศัตรูใช้เพื่อต่อสู้กับเรา ประเทศของเรา จะต้องพ่ายแพ้ไป  และเราจะรับทุกสิ่งที่พระเจ้าต้องการจะทำท่ามกลางเรา
หลายครั้งที่เราไม่สามารถรับพระพรของพระเจ้าได้นั่นมาจากท่าทีที่ผิดเหล่านี้ เราจะต้องขับไล่ท่าทีเหล่านี้และอธิษฐานขอพระเจ้าปลดปล่อยพระพรมาสู่ชีวิตของเรา 
อีกชื่อหนึ่ง คือ ชื่อ เอฟราอิม หมายความถึง การเกิดผล เป็นการบ่งบอกความเชื่อของโยเซฟว่า พระเจ้าเป็นผู้ทรงประทานความมั่งคั่งและพระพรในดินแดนที่เขาได้รับความยากลำบาก
ท่าทีวางใจพระเจ้าทำให้เกิดความเชื่อ และความเชื่อนี้แหละเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า พระเจ้าสามารถทำงานผ่านความเชื่อของเรา ในข้อ 53-57 ได้พูดถึงพระพรที่พระเจ้าอวยพรผ่านยุ้งฉางที่โยเซฟได้เตรียมไว้
53 เจ็ดปีที่อุดมสมบูรณ์ในประเทศอียิปต์ก็ล่วงไป
54 จึงเกิดกันดารอาหารเจ็ดปี ดั่งที่โยเซฟทำนายไว้ การกันดารอาหารนั้น เกิดทั่วแคว้นทั้งหลายแต่ทั่วประเทศอียิปต์ยังมีอาหารอยู่
55 เมื่อชาวอียิปต์อดอยากอาหาร ประชาชนก็ร้องทูลขออาหารต่อฟาโรห์ ฟาโรห์ก็รับสั่งแก่ชาวอียิปต์ทั้งหลายว่า "ไปหาโยเซฟ ท่านบอกอะไร ก็จงทำตาม"
56 การกันดารอาหารแผ่ไปทั่วแผ่นดิน โยเซฟก็เปิดฉางออกขายข้าวแก่ชาวอียิปต์ เพราะการกันดารอาหารในแผ่นดินรุนแรงมาก
57 ยิ่งกว่านั้นทั้งโลกก็มายังประเทศอียิปต์หาโยเซฟเพื่อซื้อข้าว เพราะการกันดารอาหารร้ายแรงทั่วโลก
เราได้เห็นว่า โยเซฟสามารถเป็นพรต่อคนทั้งประเทศ ยิ่งกว่านั้น เป็นพรไปสู่คนทั่วทั้งโลก
เพียงหนึ่งชีวิต ส่งผลให้คนทั้งโลกรับพระพร ให้เราเป็นชีวิตแห่ง พระพร ตั้งใจสร้างชีวิตให้เป็นยุ้งฉางที่เต็มด้วยพระพรพระเจ้า ด้วยการรักษาชีวิตให้เต็มด้วยการทรงสถิตของพระเจ้า มีสติปัญญาในการรู้กาลเวลาของพระเจ้า รู้จักการบริหารจัดการ และมีใจขอบพระคุณพระเจ้าเสมอ นี่คือลักษณะการเตรียมยุ้งฉางเพื่อรับพระพรจากพระเจ้า 

ในวันนี้ขอให้ชีวิตเราร่วมกันทำให้คริสตจักรของเราเป็นยุ้งฉางใหญ่ที่จะเป็นพรให้กับประเทศนี้ และคนในโลกนี้ 
ผมเชื่อพระเจ้าจะอวยพระพรให้เรามั่งคั่งอย่างเหลือเชื่อ เพื่อให้เราจะมีอย่างเหลือเฟือ และแจกจ่ายพระพรออกไปอย่างเหลือล้น  เอเมนไหมครับ...

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณพระเจ้า สำหรับพระพรที่ผ่านท่านมาถึงข้าพเจ้า

    ตอบลบ