31 ตุลาคม 2554

วิกฤตน้ำท่วม ร่วมใจพลิกฟื้นชุมชน

สวัสดีครับผู้อ่านที่รักทุกท่าน จากเหตุการณ์บ้านเมืองไทยของเราในปัจจุบันเข้าสู่วิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทำให้ประชาชนตื่นตระหนกตกใจ และเกิดความกังกลใจในเรื่องความเป็นอยู่ สิ่งที่สำคัญคือการเข้าสู่สภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ทั้งนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่มนุษย์ตัดไม้ทำลายป่า ทำเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่เศรษฐกิจ จนทำให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติและส่งผลร้ายมาสู่ชีวิตของมนุษย์
สุภาษิตไทยใหม่วันนี้ เกี่ยวกับ "น้ำ" ที่คนไทยได้เข้าใจใหม่เป็นดังนี้ "ไปไหนมา น้ำมาสองศอก" -คำทักทายใหม่ บอกเล่าถามไถ่เรื่องระดับน้ำท่วมบ้าน
"น้ำขึ้นให้รีบบอก" - บอกต่อข้อมูลจริงจะได้วิ่งหนีทัน ส่งต่อข้อมูลผ่านสังคม Online
"ตักน้ำใส่กระโหลก ชะโงกดูเรา"- เหตุการณ์น้ำท่วมใช้สมองซีกซ้ายช่วยกันแก้ไขปัญหา ใช้หัวคิดในการแก้ไข ใช้หัวใจในการช่วยเหลือ
"ในน้ำไม่มีปลา ในนาไม่มีข้าว" เข้า7-11 ยังไม่มีของ เกิดการกันดารอาหาร ใครมีก็ช่วยกันแบ่งปันกันและกัน
"น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง น้ำหลากอย่าเอากระสอบทรายไปกั้น"-ค่อยๆแก้ไขแบบถูกที่ ถูกวิธี รับมือได้แน่
น้ำเน่าเห็นเงาจันทร์"-ตอนนี้แช่น้ำท่วมอยู่ ดูดวงจันทร์ต้องรับมือในช่วงวันเพ็ญเดือน 12 น้ำนองเต็มตลิ่ง ไม่ระวังเราทั้งหลายชายหญิงอาจจะต้องนอนริมตลิ่ง
"น้ำพึ่งเรือ ช่วยเหลือกัน" "น้ำท่วมไหล น้ำใจท่วมท้น" -คนไทยต้องช่วยกันรักษาความเป็น "น้ำหนึ่งใจเดียว" ไม่ทะเลาะแตกแยกแบ่งสี เชื่อว่าเราจะผ่านวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ไปได้

สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสัญญาณเตือนใจให้กลับใจเพื่อกลับมาแสวงหาพระเจ้า เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้มนุษย์ได้ตระหนักว่าเขาไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้ ผู้ที่จะควบคุมสิ่งต่างๆทางธรรมชาติได้คือพระเจ้าผู้ทรงสร้าง พระองค์มักจะใช้สถานการณ์ต่างๆเพื่อจะเตือนและตีสอนให้คนนั้นกลับใจ กลับมาหาพระองค์

ในครั้งนี้ผมขอนำคำเทศนาพิเศษ จากพระธรรม 2 พศด.7:14-15 เปลี่ยนวิกฤต พลิกฟื้นชีวิต ฟื้นฟูชุมชน(Transformation)ของอ.นิมิต พานิช มาสรุปเพื่อเป็นข้อคิดดังนี้

2 พศด.7:14-15
14 ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย
15 และตาของเราจะลืมอยู่และหูของเราจะฟังคำอธิษฐานซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้


พระธรรมที่เรากำลังพิจารณาอยู่นี้ เป็นเหตุการณ์ตอนที่กษัตริย์ ซาโลมอนราชโอรสของกษัตริย์ดาวิด ได้มอบถวายพระนิเวศแด่พระเจ้า
หลังจากที่ซาโลมอนได้ขึ้นครองราชย์ ต่อจากพระราชบิดา ท่านก็ตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะสร้างพระนิเวศถวายแด่พระองค์ และปรารถนาจะให้ชุมชนอิสราเอลเป็นชุมชนที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าอย่างแท้จริง
ในพิธีมอบถวายพระนิเวศแด่พระเจ้านี้ กษัตริย์ซาโลมอนได้อธิษฐานต่อ พระเจ้าท่านวิงวอนพระเจ้าให้มีความโปรดปรานต่อเชื้อสายของดาวิด ในขณะที่ประชากรจะดำเนินอยู่ในความจงรักภักดี และปรนนิบัติพระองค์ตามพระบัญญัติ
ในเหตุการณ์ครั้งนี้ พระเจ้าทรงโปรดปรานกษัตริย์ซาโลมอนและประชาชนอิสราเอลยิ่งนัก
พระเจ้าทรงหนุนใจกษัตริย์ซาโลมอนด้วยพระสัญญาว่า ถ้าการพิพากษาลงโทษของพระองค์มาถึงประเทศนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกันดารอาหาร โรคระบาด หรือแมลงศัตรูพืชระบาด นั่นเป็นเพราะความผิดบาปที่เขาได้กระทำ
แต่อย่างไรก็ตาม พระเจ้าจะช่วยเขา สิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำได้ คือ การกลับใจ ถ่อมใจกลับมาแสวงหาพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงรักษาแผ่นดินของเขาให้หายดี

จากพระวจนะในตอนนี้ ทำให้เราได้เห็นว่า ไม่ว่าชนชาติอิสราเอล หรือชนชาติใดก็ตาม หากกระทำบาป พระเจ้าก็มิอาจอวยพรให้เจริญรุ่งเรืองได้ พระวจนะกล่าวใน 2 พศด.6:26 ว่าพระเจ้าปิดกั้นพระพร ฟ้าสวรรค์ปิด เกิดการกันดารอาหาร พระเจ้าไม่ประทานฝนให้แก่เขา เพราะความบาป ชีวิตของพวกเขาจึงต้องดำเนินด้วยความทุกข์ระทม
ความบาปปิดกั้นพระพร และความบาปนำมาซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่ทำให้ต้องทุกข์ใจ เรียกว่า “พระพรมีแต่บาปบัง” ทำให้ไม่ได้รับพระพรแห่งความโปรดปรานจากพระเจ้า

หากลองเทียบเวลาในปัจจุบันกับอดีต เดือนตุลาคมนี้มีความสำคัญในเดือนของปฎิทินฮีบรู คือ เป็นเดือนทิชรี หรือชื่อเดิมคือ เอธานิม เดือนที่ 7 เป็นเดือนของการมอบถวายพระวิหาร
1 พงศ์กษัตริย์ 8:1-10
1 แล้วซาโลมอนทรงประชุมพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และหัวหน้าของเผ่า คือบรรดาประมุขของตระกูลคนอิสราเอล ต่อพระพักตร์พระราชาซาโลมอนในกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะนำหีบพันธสัญญาของพระเจ้าขึ้นมาจากนครดาวิด คือเมืองศิโยน
2 และผู้ชายทั้งสิ้นของอิสราเอลก็ประชุมต่อพระพักตร์พระราชาซาโลมอน ณ การเลี้ยงในเดือนเอธานิม ซึ่งเป็นเดือนที่เจ็ด...
5 และพระราชาซาโลมอน และชุมนุมชนอิสราเอลทั้งสิ้นที่ได้ประชุมกันต่อพระองค์ อยู่กับพระองค์ต่อหน้าหีบได้ถวายแกะและวัวมากมาย ซึ่งเขาจะนับหรือเอาจำนวนก็ไม่ได้
6 แล้วปุโรหิตก็นำหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามายังที่ของหีบ ที่อยู่ในห้องหลังของพระนิเวศ คือในอภิสุทธิสถาน ภายใต้ปีกเครูบ ...
10 และอยู่มาเมื่อปุโรหิตออกมาจากวิสุทธิสถาน เมฆมาเต็มพระนิเวศของพระเจ้า



การถวายพระวิหารให้กับพระเจ้านำมาซึ่งการทรงสถิตและพระสิริของพระเจ้าปกคลุมเหนือชนชาติ
นอกจากนี้ในเดือนทิชรียังมีเทศกาลหลักถึง3เทศกาลในเดือนนี้คือ
1) เทศกาลเป่าเขาสัตว์ (วันที่ 1 เดือนทิชรี)(28 ก.ย.11) เพื่อปลุกให้ตื่นขึ้นสู่ความดีของพระเจ้า
2) วันแห่งการลบมลทินบาป (วันที่ 10 เดือนทิชรี)(7ต.ค.11) เพื่อเตือนเราว่าพระเยซูทรงชดใช้บาปทั้งสิ้นแทนเรา และ
3) เทศกาลอยู่เพิง (วันที่ 15-21 เดือนทิชรี) (12ต.ค.-19 ต.ค.11)เพื่อเราจะได้สามัคคีธรรม ชื่นชม และดำเนินอยู่ต่อการทรงสถิตของพระเจ้าและรับความอุดมสมบูรณ์ของพระองค์

จะเห็นได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ประชากรของพระองค์เข้ามาแสวงหาพระองค์ การอวยพรก็จะมาถึงแต่หากเมื่อใดที่ยังดำเนินอยู่ในความบาป ย่อมนำผลเสียมาสู่ชีวิตและชุมชนที่อาศัย
ทำให้นึกถึงคำเผยพระวจนะมาสู่ประเทศไทยในปี 2008 ของดร.ซินดี เจค็อปส์(Cindy Jacobs)ในงานสัมมนาเพื่อการปฏิรูปสังคม จัดโดย เครือข่ายอธิษฐานอวยพรประเทศไทย
Entering a Decade of Harvest ก้าวเข้าสู่....ทศวรรษแห่งการเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณ
(สรุปย่อได้ดังนี้)
ปี 2009 คือปีแห่งการเริ่มต้น ปี 2010 ไฟจะลุกโชนเต็มที่ ปี 2010 -2020 เราจะบรรจุประเทศนี้ให้เต็ม คริสตจักรจะมีเพิ่มมากขึ้น มากกว่าปีเดือนที่ผ่านมาทั้งสิ้น
เราจะประทานไฟและพระสิริของเรามายังมหาวิทยาลัยทั้งหลาย เป็นการเคลื่อนไหวแบบจีซัส มูฟเมนท์ (Jesus Movement) จะเป็นเหมือนไฟที่เผาผลาญจากเหนือจรดใต้ ตะวันออกสู่ตะวันตก จงเริ่มอธิษฐานเผื่อมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ...
ปี 2009 คือ ปีแห่งการเตรียมให้มีดาเนียล และโยเซฟทั้งหลาย นำมาซึ่งการฟื้นฟูในโลกธุรกิจ การสับเปลี่ยนโยกย้าย (a shift) และการเปลี่ยนแปลง (a change) กำลังจะเกิดขึ้น หลายคนจะมาถามว่า“ได้ยินจากพระเจ้าอย่างไรเกี่ยวกับการปฏิรูปนี้ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย?” เพราะว่าประเทศไทยจะเป็นดวงดาวสุกใสเพื่อการปฏิรูปในเอเชีย (Thailand will be a Shining Star for Reformation in Asia)
ถ้อยคำเหล่านี้ต้องอาศัยการกระทำ จงนำสิ่งเหล่านี้ออกไปปฏิบัติ นี่คือฤดูกาลนั้น - หากยังทำสิ่งใดไม่เสร็จ จงทำให้เสร็จเดี๋ยวนี้ ทำฝันของเจ้าให้สำเร็จ เจ้ามีเวลา 1 ปี (ปี 2009) เพื่อเตรียมตัวสำหรับทศวรรษแห่งการเก็บเกี่ยว จงเตรียมผู้ประกาศให้พร้อม จะมีการฟื้นฟูในทุกภาคส่วนของสังคม, การโอนถ่ายความมั่งคั่งครั้งใหญ่, สติปัญญา และการเปิดเผยสำแดง …
ความยำเกรงพระเจ้าจะเริ่มปกคลุมเหนือคริสตจักรในประเทศไทย เพื่อทำให้คนของพระเจ้าสำนึกในความบาป จงจดบันทึกไว้ พระเจ้าทรงจริงจังกับเรื่องนี้อย่างมาก พระเจ้ากำลัง... บางคนกลับใจใหม่ในฤดูกาลนี้ ถ้าเจ้ากลับใจใหม่ เราจะปกป้องเจ้า ถ้าเจ้าไม่กลับใจใหม่ เจ้าจะตกต่ำลง
อย่ากลัวในเวลาที่มี “การเขย่า” เกิดขึ้น หากคุณกลัว ซาตานจะกดคุณลง และคุณจะไม่สามารถได้ยินจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่าสูญเสียกำลังใจ วันเวลาที่ดีที่สุดของคุณคือ วันนี้


สรุปคำพยากรณ์
1. การฟื้นฟูใหญ่จะเกิดที่ภาคใต้เป็นแห่งแรก ต่อด้วยภาคเหนือและภาคกลาง
2. จะมีการอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย คนง่อยจะเดินได้ คนตาบอดจะมองเห็น
คนหูหนวกจะได้ยิน
3. จำนวนผู้เชื่อจะเพิ่มแล้ว เพิ่มอีกเป็นสองเท่า
4. มีชนรุ่นใหม่แห่งการปฏิรูปแบบโยสิยาห์เกิดขึ้น (ทำการปฏิรูปศาสนาและการเมือง)
5. การปฎิรูปเศรษฐกิจและความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่จะมาถึงประเทศไทย
6. จะมีนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในคนหนุ่มสาว
สิ่งที่เราควรตอบสนอง
1. อย่ากลัว (เมื่อมีการเขย่า (Shake) จะมีการสับเปลี่ยนเคลื่อนย้าย (Shift))
2. อย่าท้อใจ (เมื่อการเปลี่ยนแปลง (Change) จะเป็นโอกาสทอง (Chance) ของการพลิกฟื้นไปสู่การฟื้นฟู (Transformation)
ฉะนั้นชุมชนสังคมใด หรือประเทศใด ผู้คนดำเนินในความบาป เช่น การค้าประเวณี การทำแท้ง การค้ายาเสพติด คิดคดโกง การคอร์รัปชั่น เห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเป็นใหญ่ ความเสื่อมถอยในจริยธรรม
ชุมชนสังคมหรือประเทศนั้นจะไม่มีความจำเริญ ทั้งนี้เพราะพระเจ้าไม่ทรงอวยพร แผ่นดินถูกสาป ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เกิดความกันดารแห้งแล้ง ผู้คนดำเนินอย่างลำบากยากไร้ ไม่มีความสุขในชีวิต
ต้องทุกข์ใจกับปัญหาต่าง ๆ ทั้งปัญหาโจรกรรม ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งหมดนี้ เพราะต้นตอ มาจากความบาปทั้งสิ้น
หากสังคมใด ชุมชนใดเป็นแบบนี้ ถึงเวลาต้องทบทวน แก้ไข จัดการปัญหาที่ต้นเหตุคือความบาป และต้องมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ ว่าจะอยู่ในสภาพของความบาปต่อไป หรือจะช่วยกันพลิกฟื้นชุมชนให้ห่างไกลจากความบาปและสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
ฉะนั้นผู้ที่เชื่อในพระเจ้า จึงไม่สามารถอยู่เฉยๆ ปล่อยให้สังคมเต็มไปด้วยความบาปได้ เพราะพระเจ้าเรียกเราให้เป็นเกลือและแสงสว่าง นำการเยียวยามาถึงสังคม ชุมชน หรือประเทศที่เราอยู่

มธ.5:16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง…..
พระวจนะในข้อนี้ย้ำอย่างชัดเจนว่า คริสเตียนต้องเป็นแสงสว่าง พระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดี ที่มีบทบาทต่อคนในสังคมอย่างมาก พระองค์ทรงเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาทั้งด้านจิตวิญญาณ ความเป็นอยู่ และเรื่องปากท้องของเขา
พระเจ้าเรียกเราทั้งหลายให้มีส่วนช่วยกันพลิกฟื้นชุมชน เพื่อพระเจ้าจะทรงเทพระพรลงมาสู่ชุมชน หรือ สังคม หรือประเทศนั้นได้
1. หนทางสู่การพลิกฟื้นชุมชน (ข้อ 14-15)
14 ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย 15 และตาของเราจะลืมอยู่และหูของเราจะฟังคำอธิษฐานซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้
พระเจ้าทรงเป็นผู้นำการอวยพรมาสู่ชุมชน โดยให้ผู้เชื่อเป็นผู้ส่งต่อพระพรของพระเจ้าไปสู่ชุมชน
ในพระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวถึงคนอิสราเอลเป็นชนชาติที่ได้นำพระพรของพระเจ้าไปสู่ประชาชาติ
1.1 การพลิกฟื้นชุมชนเริ่มต้นที่คนของพระเจ้า (ข้อ 14)
เราต้องตระหนักว่า ต้องเริ่มต้นจากตัวเราก่อน ที่ต้องมีชีวิตที่ถูกต้องต่อพระเจ้า
เราปรารถนาจะเห็นสิ่งใดเกิดขึ้น ให้เริ่มต้นที่การเปลี่ยนแปลงจากตัวเราก่อนเสมอ
ผู้เชื่อจึงต้องตระหนักถึงบทบาทสำคัญในชุมชนที่พระเจ้าทรงตั้งไว้เพื่อเป็นผู้นำพระพรไปสู่ชุมชน หากชุมชนที่อยู่นั้นเต็มไปด้วยความบาป ผู้เชื่อต้องเป็นผู้ที่ต้องเริ่มต้นในการพาคนทั้งหลายให้กลับมาหาพระเจ้า หันเสียจากความบาปทั้งหลาย
เราสามารถมีส่วนพลิกฟื้นชุมชน ที่เราอาศัยอยู่ โดยเริ่มจากตัวของเราเองก่อน อย่าคิดว่า ไม่ใช่หน้าที่ของเรา
เราไม่ควรที่จะเพิกเฉยต่อปัญหาในสังคม มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไม่เกี่ยวข้องกับเรา เราเป็นคนในฝ่ายวิญญาณไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวข้องกับโลกนี้
แท้จริง เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า เราต้องเกี่ยวข้องกับสังคมในชุมชน ได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม
เปรียบเทียบเหมือนกับคริสเตียนผู้เชื่อ กำลังอยู่ท่ามกลางกองขยะ แม้เราไม่ได้เป็นคนทำ แต่เราก็ได้รับผลกระทบของกลิ่นที่เราสูดดมเข้าไป เราควรจะเป็นผู้ที่มีส่วนในการช่วยกันเก็บขยะ มากกว่าพยายามที่จะเดินหนี เพราะการเดินหนีไปจะไม่ช่วยให้ปัญหาได้รับการแก้ไข
เราสามารถที่จะช่วยแก้ไขปัญหา พลิกฟื้นชุมชน ได้อย่างไร

ถ่อมตัวลงอธิษฐานแสวงหาพระเจ้า
การถ่อมใจ เข้ามาแสวงหาพระเจ้า เป็นด่านแรกของการพลิกฟื้น ทั้งเป็นการพลิกฟื้นชีวิต และพลิกฟื้นชุมชนของเรา
หากปราศจากชีวิตที่แสวงหาพระเจ้า ชีวิตของเราก็ไม่ต่างอะไรกับกองกระดูกแห้ง ขาดพลังที่จะลุกขึ้นมาพลิกฟื้นสิ่งใดได้ ก่อนที่การพลิกฟื้นชุมชนจะเกิดขึ้น การพลิกฟื้นจิตวิญญาณของเราแต่ละคนต้องเกิดขึ้นก่อน นั่นคือชีวิตที่มี พระวิญญาณพระเจ้าอยู่ภายใน เป็นชีวิตที่มีพลัง เป็นชีวิตที่ขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่เป็นชีวิตที่ตายซาก
การอธิษฐานเป็นการแสดงถึงความถ่อมใจที่ตระหนักว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่อยู่เหนือทุกปัญหา
ปัญหาต่างๆ นั้น ในบางครั้งเกินกว่าที่เราจะแก้ไขได้ด้วยกำลังความสามารถของเรา เนื่องจากเรามีความจำกัด ดังนั้นต้องถ่อมใจลง คุกเข่าแสวงหาคำตอบจากพระเจ้าผู้ไม่จำกัด และพร้อมในการช่วยเหลือเสมอ
พระวจนะบอกว่าให้เราอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง


อฟ.6:18 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา….

หลายเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ ที่เมื่อเกิดภาระปัญหา และผู้เชื่อได้เริ่มต้นในการอธิษฐาน พระเจ้าได้ทรงปลดปล่อยจากปัญหา เช่น เนหะมีย์ ท่านถ่อมใจอธิษฐานเผื่อกำแพงเมืองเยรูซาเล็มที่พังทลายและลุกขึ้นสร้างกำแพงเมืองใหม่ ด้วยภาระใจ นหม.1:3-4

คำเผยพระวจนะและคำสอนของ ดร.โรเบิร์ต ไฮด์เลอร์ (Robert Heidler)ณ UCC วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2010
(คำสอนในวันอาทิตย์หลังจากสัมมนา Refining Fire for Revival ไฟชำระสู่การฟื้นฟู)
พระเจ้าเลือกประเทศไทยเพื่อที่จะเป็นต้นแบบของสิ่งที่พระเจ้าจะทำทั่วโลก พวกท่านอยู่ในช่วงเวลาที่พิเศษสุด เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์
พวกเราไม่ต้องเสาะหาการเคลื่อนไหวในประเทศไทยอีกต่อไป เพราะการเคลื่อนไหวของประเทศไทยนั้นอยู่ที่นี่แล้ว
ในการฟื้นฟูนั้น เราเห็นคนตื่นตัวขึ้น มีคนมาเชื่อพระเจ้ามากขึ้น คริสตจักรเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นั้นเป็นแค่ผลของการฟื้นฟู ไม่ใช่ ความเป็นตัวตนที่แท้ของการฟื้นฟู เพราะว่า การฟื้นฟู คือ พระสิริแห่งการทรงสถิตของพระเจ้าเข้ามาในคริสตจักร …
การฟื้นฟูก็คือ การทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าลงมาเหนือเราพร้อมกันทั้งหมด การทรงสถิตอยู่ด้วยของพระเจ้าที่พระคำพูดถึงนั้น มีอยู่ 4 ระดับ ดังนี้
1.พระองค์สถิตอยู่ทุกหนแห่งเหมือนคลื่นวิทยุ เรารู้ว่ามีอยู่ในอากาศแต่รับสัมผัสไม่ได้
2.การทรงสถิตอยู่ของพระเจ้าที่อยู่ข้างใน พระองค์อยู่เสมอในหัวใจของเรา ไม่เหมือนกับที่อื่น
3.การทรงสถิตอยู่ที่ปรากฏออกมา บางครั้งเรียกว่า “พระสิริ” เราสามารถรับรู้และสัมผัสได้จากประสาทสัมผัสทั้งหลาย มักเกิดขึ้นเวลาที่เรานมัสการ ในการทรงสถิตอยู่ของพระเจ้านั้น
4. พระสิริที่ดำรงอยู่ (ภาษาฮีบรู Shekinah เซไคนาห์) พระเจ้าไม่ได้มาเยี่ยมเยียนชั่วครู่เดียว แต่พระองค์มาแล้วอยู่ด้วยเลย ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น การฟื้นฟูก็เกิดขึ้น พระเจ้าปรารถนาที่จะอยู่กับประชากรของพระองค์ (อพยพ25.8 พระองค์ต้องการให้เราชื่นชมกับความดีงามของพระองค์อยู่ตลอดเวลา)





พระองค์ต้องการที่จะประทับอยู่ในหัวใจของเรา ในบ้านของเรา ในคริสตจักรของเรา ในประเทศของเรา
แล้วเราจะต้องทำอย่างไร?พระคำพระเจ้ามีคำตอบไว้ให้กับเรา เมื่อ พระองค์จะมาอยู่ด้วย พระองค์ให้แบบแผนกับโมเสสเป็นของขวัญเพื่อที่จะสร้างที่ประทับของพระเจ้า ถ้าโมเสสทำตามทุกประการพระเจ้าก็จะมาสถิตอยู่ด้วยแบบถาวร ให้เรามาดูด้วยกัน

1.ต้องเป็นสถานที่ที่มีการนมัสการอย่างต่อเนื่อง
มีแท่นบูชาคือถวายทั้งหมดแด่พระเจ้าและไฟที่อยู่บนแท่นบูชานั้นจะต้องลุกอยู่และไม่ดับเลย (ลนต.6.12)




2.ต้องเป็นสถานที่แห่งการขอบพระคุณอย่างต่อเนื่อง
มีโต๊ะขนมปังหน้าพระพักตร์และวางขนมปังไว้บนโต๊ะต่อหน้าเราไว้เป็นนิตย์
3.ต้องเป็นสถานที่แห่งการสามัคคีธรรมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง
คันประทีปและไฟบนนั้นเล็งถึงการสามัคคีธรรมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงให้ไฟที่อยู่บนคันประทีปนี้ลุกอยู่ตลอดเวลาอย่าให้ดับเลย
4.ต้องเป็นสถานที่แห่งการอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง
แท่นเครื่องหอมบูชาต้องเผาเครื่องหอมบนแท่นนี้เป็นเนืองนิตย์(อพยพ29 เราจะมาพบเจ้าที่นั่น)
ถ้าประเทศไทยจะเป็นประเทศแห่งไฟ ก็จงให้ไฟที่แท่นบูชานั้นลุกอยู่เสมออย่างต่อเนื่อง
โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง (จากศปภ. ศูนย์ป่าวประกาศภารกิจ ของพระเจ้า) เราขอป่าวประกาศให้ประเทศไทยนี้จะเป็นประเทศแห่งไฟ ก็จงให้ไฟที่แท่นบูชานั้นลุกอยู่เสมออย่างต่อเนื่อง

เราขอมอบประเทศไทยนี้ให้เป็นพระวิหารของพระเจ้า ให้พระสิริของพระเจ้าดำรงอยู่ Shekinah
นอกจากการเข้ามาแสวงหาพระเจ้าโดยการอธิษฐาน สิ่งที่ต้องกระทำคือการหันเสียจากความบาป

หันเสียจากความบาป (ข้อ 14ข)
จากพระธรรมตอนนี้จะเห็นถึงอุปสรรคที่พระเจ้าไม่สามารถอวยพรชุมชนให้เกิดผลดีได้ เนื่องด้วยความบาป
ความบาปเป็นเสมือนกำแพงขวางกันสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ของพระเจ้า และขวางกั้นพระพรที่จะมาถึงชุมชน
เนื่องด้วยพระเจ้าทรงรักคนบาป แต่พระเจ้าทรงเกลียดชังความบาป
หากเราเข้ามาแสวงหาพระเจ้า สารภาพบาปพระเจ้าจะทรงโปรดชำระบาปให้กับเรา
1 ยน.1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
เริ่มต้นโดยตัวเราที่หันเสียจากความบาป ถ้าเราเกลียดความบาป เราก็จะยอมไม่ได้ที่จะเห็นความอยุติธรรมในชุมชน ในสังคม เราก็จะลุกขึ้นปฏิเสธสิ่งเหล่านี้
และเราก็จะเริ่มมีอิทธิพลต่อคนอื่น ลงไปสอนคนอื่น หรือทำให้คนอื่นหันเสียจากความบาปด้วย
เพราะแม้เราหันเสียจากความบาปเพียงคนเดียว แต่หากเราไม่พาคนอื่นหันเสียจากความบาปด้วย การกระทำของคนอื่นก็ส่งผลกระทบกับเราด้วยเช่นกัน
ดังเรื่องความบาปของอาคาน ที่ฉ้อโกงของที่ยึดมาจากทำการรบ เขาไม่สัตย์ซื่อกับพระเจ้าที่สั่งห้ามไม่ให้ใครยึดของของเชลยมาเป็นของตนเอง แม้คนอื่นสัตย์ซื่อ แต่อาคานไม่สัตย์ซื่อคนเดียว การอวยพรก็มาไม่ถึงชุมชนอิสราเอล พระเจ้าไม่สามารถอวยพรพวกเขาได้ เพราะทรงถือว่าเป็นชุมชนเดียวกัน เป็นชนชาติเดียวกัน (ยชว.7:1-5) ตัวอย่างของอาคาน ทำให้เราได้เข้าใจว่า การชำระตัวให้บริสุทธิ์หรือมีชีวิตที่หันเสียจากทางแห่งความบาปนั้น ต้องเริ่มต้นที่ตัวเรา และไม่เพียงเท่านั้น เราต้องมีอิทธิพลที่ดีที่จะพาคนในชุมชน หรือในสังคมรอบข้างเราลุกขึ้นปฏิวัติตัวเองให้ดีขึ้นด้วย
ฉะนั้นชุมชนที่พระเจ้าจะทรงอวยพรต้องเป็นชุมชนที่ปราศจากความบาป
เราต้องประกาศสงครามกับความบาป ช่วยกันจัดการกับความบาปในชุมชน ปัญหาการกราบไหว้รูปเคารพในประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่คำตอบในการแก้ไขปัญหา แม้แต่น้ำท่วมสิ่งเหล่านี้ก็ช่วยเหลือตนเองจากน้ำท่วมไม่ได้
เยเรมีย์ 10:5-6
5 รูปเคารพของเขาก็เหมือนหุ่นหลอกกาอยู่ในสวนแตงกวา มันพูดไม่ได้ คนต้องขนมันไป เพราะมันเดินไม่ได้ อย่ากลัวมันเลย เพราะมันทำร้ายไม่ได้ มันก็ทำดีไม่ได้ด้วย"
6 ข้าแต่พระเจ้า หามีผู้ใดเหมือนพระองค์ไม่ พระองค์ทรงเป็นใหญ่ และพระนามของพระองค์มีฤทธิ์มาก

สดุดี 115:4-8
4 รูปเคารพของคนเหล่านั้นเป็นเงินและทองคำ เป็นหัตถกรรมของมนุษย์
5 รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้ มีตา แต่ดูไม่ได้
6 มีหู แต่ฟังไม่ได้ยิน มีจมูก แต่ดมไม่ได้
7 มีมือ แต่คลำไม่ได้ มีเท้า แต่เดินไม่ได้ รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้
8 ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น เออ บรรดาผู้ที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน

ยังมีปัญหามากมายในสังคม ที่ต้องช่วยกันชำระสะสาง เช่น เรื่องการคอร์รัปชั่น การโกงกินต่าง ๆ เป็นสิ่งที่เป็นดังมะเร็งร้าย ที่ทำลายสังคมให้ล่มจมไปทีละน้อย
ไม่ว่าจะเป็นความบาปในด้านศีลธรรมที่เสื่อมทรามลงไป เช่น การอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง การทำแท้ง สิ่งเหล่านี้ล้วนนำปัญหามาสู่สังคม หรือปัญหายาเสพติด การพนัน ที่มอมเมาชักจูงให้คนหลงผิด
เราในฐานะของคนในสังคมต้องช่วยกันลุกขึ้นมาจัดการกับปัญหา ในบทบาทที่เราสามารถทำได้ เช่น ช่วยกันรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด จัดกิจกรรมทำสิ่งที่เกิดประโยชน์แก่สังคม เพื่อให้วัยรุ่นที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ได้มีสถานที่แสดงออกอย่างถูกต้อง
ถ้าทุกคนช่วยกันต่อต้านสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ สังคมของเราจะเป็นสังคมที่น่าอยู่ รับรองว่าจะไม่มีสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้อีก

เมื่อใดที่คนหลับใหลตื่นขึ้น
เมื่อใดที่คนอุ่นๆ ถูกจุดไฟ
เมื่อใดที่คนไม่สัตย์ซื่อกลับใจใหม่
เมื่อใดที่คนชอบหงุดหงิดเปลี่ยนเป็นคนชื่นชมยินดี
เมื่อใดที่คนชอบทำให้ท้อใจเปลี่ยนเป็นคนแห่งการหนุนใจ
เมื่อใดที่คนบาดหมางกลับหันหน้าเข้าหากัน
เมื่อใดที่คนชอบนินทาเริ่มปิดปากเงียบ
เมื่อใดที่กระดูกแห้งถูกเขย่า
เมื่อใดที่ทหารตัวจริงลุกขึ้น
เมื่อนั้นการฟื้นฟูจะเกิดขึ้นในชีวิตและชุมชนของเรา
ถึงเวลาที่เราจะต้องลุกขึ้น ลุกขึ้นทำสิ่งดี ๆ ให้แก่คริสตจักรที่เราอยู่ ลุกขึ้นทำสิ่งดี ๆ ให้กับชุมชนละแวกบ้านของเรา ลุกขึ้นทำสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมของเรา และประเทศของเรา




1.2 ทุกคนในชุมชนต้องมีส่วนช่วยกัน (ข้อ 15 )
ข้อ 15 และตาของเราจะลืมอยู่และหูของเราจะฟังคำอธิษฐานซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้
จากพระธรรมตอนนี้จะเห็นได้ว่า ทุกคนในชุมชนมีส่วนช่วยกันพลิกฟื้นชุมชน พระคัมภีร์ใช้คำว่า” …ซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้”
คนอิสราเอลทุกคนลุกขึ้นมาอธิษฐานแสวงหาพระเจ้าเพื่อชุมชนของเขา
หากเราอยากทำให้คริสตจักรฟื้นฟู ทุกคนในคริสตจักรต้องช่วยกัน อยากเห็นประเทศไทยพัฒนา เราต้องช่วยกันพัฒนา ข้อคิดเพื่อการทำงาน เขียนไว้ว่า “การที่คนในชุมชนมีความพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ จนไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงแล้ว เปรียบเสมือนการกดปุ่ม pause หยุดการพัฒนา”

พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าที่ทรงปรารถนาที่จะอวยพรมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว และพระเจ้ามีพระประสงค์ให้มนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นชุมชน เมื่อมีการอธิษฐานกันในชุมชน พระเจ้าทรงสดับรับฟัง
มธ.18:20 ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น"
ชุมชนคริสเตียนในประเทศไทยมีการอธิษฐานอวยพรประเทศไทย จัดโดยเครือข่ายอธิษฐานอวยพรประเทศไทยภายใต้คณะกรรมการประสานงานโปรเตสแตนท์แห่งประเทศไทย (กปท.) โดยการรณรงค์การอดอาหารอธิฐาน 40 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. – 9 พ.ย.11 อวยพรประเทศไทย เพื่อการพลิกฟื้น และการฟื้นฟูในทุกด้านของประเทศ ให้คนไทยหันกลับมาเชื่อในพระเยซูคริสต์ มีการแจกหนังสือคู่มือ อดอาหารอธิษฐาน
นั่นเป็นหนทางสู่การพลิกฟื้นชุมชน ในส่วนที่เราสามารถทำได้คือ การที่เริ่มต้นที่ตัวของเรา และทำให้ทุกคนมีส่วนเราเราสามารถช่วยกันพลิกฟื้นชุมชุนโดยถ่อมใจอธิษฐานแสวงหาพระเจ้าและหันเสียจากบาป
เมื่อเราทำในส่วนของเรา พระเจ้าจะทำในส่วนของพระองค์
ดังที่ พระเจ้าพูดกับซาโลมอนว่า เมื่อประชากรของพระองค์หันกลับจากบาป เมื่อนั้น พระองค์จะอภัยบาป และรักษาแผ่นดินให้หาย
สำหรับในส่วนของพระเจ้าคือ พระองค์ทรงเป็นคำตอบของการพลิกฟื้นชุมชน
2. พระเจ้าทรงเป็นคำตอบของการพลิกฟื้นชุมชน (ข้อ 14ค)
ข้อ 14ค … เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะฟัง ให้อภัยและรักษาแผ่นดินให้หาย พระเจ้าจะนำการพลิกฟื้นชุมชน การพลิกฟื้นชุมชนของพระเจ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เสียหายให้กลับเป็นดี
คำว่า “รักษาให้หาย” ในภาษาเดิมมาจากคำว่า “รา-ฟา” ให้ความหมายถึง การเยียวยารักษา การซ่อมแซมให้กลับดีดังเดิม เราทั้งหลายกล่าวพระนามของพระเจ้าว่า “พระเยโฮวาห์ ราฟา พระผู้เป็นแพทย์ที่ประเสริฐ”
และพระองค์ทรงนำการเกิดผลที่ดีมาสู่ชุมชน นั่นหมายความว่า ถ้าคนลุกขึ้นกลับใจ ไม่ดำเนินในความบาป ในความอธรรม พระเจ้าจะช่วยให้สังคมนั้น ชุมชนนั้น กลับมาดำเนินชีวิตที่ดีดังเดิมได้
ทำให้ดีดังเดิม หมายความว่าอย่างไร หมายความว่า เป็นครอบครัว เป็นชุมชน เป็นสังคมที่สงบสุขได้
ผู้คนไม่ต้องอยู่อาศัยด้วยความทุกข์ใจกับปัญหาการขาดจริยธรรมในสังคม ปัญหาปากท้อง ปัญหาคอรัปชั่น ปัญหาความไม่ยุติธรรมในสังคม
ชุมชนจะทวีความสงบสุขได้มากขึ้นเพียงไร อยู่ที่ว่า คนกลับใจจากบาปมากเท่าไร
ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เริ่มต้นที่เราสิครับที่จะลุกขึ้นฉายแสง นำความสว่างไปถึงชีวิตของผู้คน ดังที่พระวจนะในพระธรรม อิสยาห์บอกว่า “จงลุกขึ้นฉายแสง” นำสัจธรรมของพระเยซูคริสต์ไปนั่งในหัวใจของทุกคน ทั้งโดยทางตรง คือ การประกาศข่าวประเสริฐ และโดยทางอ้อม คือ การเป็นเกลือและแสงสว่าง ทำดีเพื่อสังคม
เมื่อผู้คนในสังคมมีจริยธรรมของพระเจ้ามากเพียงไร เมื่อนั้นความสุขในชุมชน ในสังคมก็จะมีมากขึ้น ดังที่พระธรรม สดด.126 กล่าวไว้ว่า..
สดด.126:1-5 1 เมื่อพระเจ้าทรงให้ศิโยนกลับสู่สภาพดี เราก็เป็นเหมือนคนที่ฝันไป 2 ปากของเราได้หัวเราะเต็มที่ และลิ้นของเราได้เปล่งเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน แล้วเขาได้พูดกันท่ามกลางประชาชาติว่า "พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เขา" 3 พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เรามีความยินดี 4 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดี อย่างทางน้ำไหลที่ในเนเกบ
5 ขอให้บรรดาผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา ได้เกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องอย่างชื่นบาน


การเริ่มต้นพลิกฟื้นชุมชน อาจเริ่มต้นด้วยความเหนื่อยยาก แต่เมื่อวันเวลาแห่งความสำเร็จมาถึง เราก็จะโห่ร้องด้วยความชื่นบาน ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา ก็จะเก็บเกี่ยวความชื่นบาน
คำเผยพระวจนะจากดร.ชัค เพียซ(Chuck Pierce) ณ UCC วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2010 ช่วงเย็น (คำสอนในวันอาทิตย์หลังจากสัมมนา Refining Fire for Revival ไฟชำระสู่การฟื้นฟู)
“เราจะรื้อฟื้นแล้วเจ้าจะมีมากมาย เพราะว่าพวกเจ้าได้ยอมมอบให้เมื่อในตอนเริ่มต้น เวลานี้พวกท่านจะเริ่มต้นเก็บเกี่ยว ในที่ซึ่งศัตรูได้กัดกินไป ในครอบครัวของท่าน ในความสูญเสียในธุรกิจของท่าน พระเจ้าตรัสว่า ตอนนี้มันหันกลับแล้ว การทวีคูณการเพิ่มพูนจะลงมาเหนือท่านทั้งหลาย เราบอกกกับเจ้าเราเองจะเอาความอับอายออกจากครอบครัวของเรา เราจะเทวิญญาณของเราลงมาเหนือเจ้าในวิถีใหม่ บุตรชายบุตรหญิงของเจ้าจะเริ่มเผยพระวจนะ คนแก่จะเริ่มฝันเห็น นิมิตใหม่ ๆ จะมายังคนอายุน้อย เราจะเริ่มต้นเทพระวิญญาณของเราลงมา และความโปรดปราน และชีวิตของเจ้าจะเพิ่มพูน” หากคนที่อยู่ข้าง ๆ คุณ อยากจะถวายแต่เขาไม่มีเลย ก็ให้คุณแบ่งให้เอาบ้าง เพื่อที่เขาจะได้เริ่มต้นการทวีคูณ
เศคาริยาห์ 12.10 “และ เราจะเทวิญญาณแห่งพระคุณและการวิงวอน บนพวกเจ้า”

โชฟาร์เป็นเครื่องดนตรีจากสวรรค์ เมื่อมีการเป่าเขาสัตว์ ฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลกเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อเรายกของถวายของเราขึ้น ให้เราร้องตะโกนว่า “รื้อฟื้น”
ปีนี้พวกเจ้ากำลังก้าวข้ามไปสู่ใน การเคลื่อนไหวครั้งใหม่ของแผ่นดิน และการเคลื่อนไหวครั้งใหม่นั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เราได้นำให้ผู้นำคนใหม่ขึ้นมาแล้ว เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม เจ้าจะเข้าสู่หน้าต่างหกปี ซึ่งจะเป็นการเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่ของพระวิญญาณของเรา พระอื่น ๆ ที่เคยครอบครองประเทศนี้จะสูญเสียอำนาจของมัน ราชอาณาจักรไทยจะเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะว่าเจ้าทั้งหลายได้เรียนรู้ที่จะนมัสการ
ภายในหกปีนั้น ราชอาณาจักรไทยนี้จะเปลี่ยนแปลง ในที่ซึ่งประเทศนี้เคยเป็นที่รู้จักในชื่อหนึ่ง จะกลายมีชื่อใหม่ อาณาจักรของพระเจ้าจะขึ้นมาแทน จะผงาดขึ้นมา และมีการปกครองโดยพระวิญญาณของเรา
ดังนั้น ในที่ซึ่งกระจัดกระจาย การรื้อฟื้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ..
ข้อสรุปแนวทางปฏิบัติ
1. บรรดาผู้นำต้องพบปะกัน ผู้นำต้องก้าวเข้าไปสู่สิ่งใหม่ ผู้นำต้องเต็มใจที่จะมาเข้าแถว(Alignment) พวกคุณต้องมารวมตัวกันเหมือนสภาบนสวรรค์มีแล้ว พวกเราก็ต้องมีด้วยเหมือนกัน มาอธิษฐานและเสาะแสวงหาหน้าพระเจ้าด้วยกัน พวกเขาต้องเริ่มวางยุทธศาสตร์เพื่อให้กองทัพนั้นมีระเบียบและใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เรียกกองทัพจากที่ที่ไกลที่สุดในตอนเหนือ ใต้สุด ภายในหกปีข้างหน้านี้คุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมากมายจริง ๆ อัครทูต ผู้เผยพระวจนะ ผู้ประกาศ ศิษยาภิบาล ครูและอาจารย์
2. พวกคุณจะต้องมีการนมัสการตลอดทั่วทั้งแผ่นดินนี้ มีการประชุมเพื่อการนมัสการทั่วแผ่นดินนี้ ผู้นำจะมานมัสการร่วมกัน เดือนละครั้ง พระเจ้าเองจะเป็นผู้ให้ยุทธศาสตร์
3. พวกคุณจะต้องมีการรวมตัวระดับประเทศปีละสามครั้งเพื่อเฉลิมฉลองสิ่งที่พระ เจ้าได้ทรงกระทำ คุณจะเริ่มเห็นประเทศเปลี่ยน คุณจะเคลื่อนจากการเพิ่มพูนไปสู่การเพิ่มพูน จนกระทั่งคนทั้งโลกนี้ได้รู้ว่าพระวิญญาณของพระเจ้าได้มาเหนือประเทศไทยแล้ว
ตอนนี้เหยียบคันเร่ง เกิดแรงเหวี่ยงออกไป และเฉลิมฉลอง จนกว่าฟ้าสวรรค์จะเป็นจริงสัมผัสได้บนแผ่นดินนี้




ดังนั้นนั่นเป็นสิ่งที่เราจะทำเพื่อ“เปลี่ยนวิกฤต พลิกฟื้นชีวิต ฟื้นฟูชุมชน” เริ่มต้นที่คนของพระเจ้า
ถ่อมตัวลงอธิษฐานแสวงหาพระเจ้า หันเสียจากความบาป ทุกคนในชุมชนต้องมีส่วนช่วยกัน พระเจ้าทรงเป็นคำตอบของการพลิกฟื้นชุมชน ทรงรักษาแผ่นดินให้หาย และทรงทำให้เกิดผล
เราจะนำถ้อยคำเผยพระวจนะต่างๆมาเฝ้าอธิษฐานให้พระเจ้าได้เข้ามาพลิกฟื้นชุมชนในประเทศของเรา ถึงเวลาที่เราจะต้องตั้งแถวกองเชื่อมกับกองทัพของพระเจ้า ร่วมใจกันนมัสการแบบนมัสการในมิติสวรรค์ และเป็นเวลาที่เราจะได้นัดพบกับพระองค์(Divine Appointment) ในเทศกาลต่างๆ เพื่อรู้วาระและกาลเวลาของพระองค์




การเปลี่ยนแปลงเริ่มในวันนี้เพื่อการพลิกฟื้น ฟื้นฟูในวันข้างหน้า!


(ลงข่าวคริสตชนวันที่ 1 พ.ย.11)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น