Yad Vashem อนุสรณ์สถาน Holocaust Memorial |
ซึ่งผมแบ่งปันจากสมุดบันทึกการเดินทางของผม ที่จดไว้ในการเดินทางไปที่นั่นในช่วงวันที่ 28 ส.ค.- 5 ก.ย.12
บทความตอนนี้กล่าวถึงเหตุการณ์วันที่ 5ก.ย.12 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่ประเทศอิสราเอลก่อนจะเดินทางกลับเมืองไทย
ก่อนนอนเมื่อคืนที่ผ่านมา ผมรู้สึกใจหายเหมือนกัน ที่ต้องเดินทางกลับเมืองไทย ทั้งที่ผมเองก็ได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งเหมือนกัน แต่ไม่เคยเป็นแบบนี้ เพราะเมื่อจะได้เดินทางกลับเมืองไทยจะรู้สึกว่าดีใจ เพราะไม่มีที่ใดอุ่นใจเหมือนบ้านเรา แต่ครั้งนี้รู้สึกอาลัยและไม่อยากจะกลับ แต่ก็จำต้องกลับเพราะต้องมีภารกิจที่จะต้องกลับมาทำงานสะสางงานที่ค้างไว้ แบบนี้ใช่ไหม ที่เรียกว่า "ความผูกพันในจิตวิญญาณ" ในดินแดนพันธสัญญาของพระบิดา พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ
ในเช้าวันที่ 5 ก.ย.12 คณะของเราเก็บข้าวของและ Check out ออกจากโรงแรม แม้แต่บริกรชาวยิวที่โรงแรมยังเดินมาส่งและกล่าวคำว่า "Goodbye,my friend from Thailand"
ผมโบกมือลาจากบนรถบัส ในใจของผมบอกกับพวกเขาว่า "ผมจะกลับมาอย่างแน่นอน"
บ่อน้ำของนางมารีย์ (Mary’s well) |
ภารกิจในนี้ เราเดินทางไปสถานที่แรกคือบ่อน้ำของนางมารีย์ (Mary’s well)เป็นสถานที่นางมารีย์ ผู้เป็นมารดาของพระเยซูได้พบกับนางอลีซาเบธมารดาของยอห์น บัพติศโต ผู้หญิง 2 ท่านนี้เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปรานใช้ครรภ์ของเธอเป็นที่ประสูติสำหรับผู้รับใช้ของพระเจ้า
สถานนี้มีความหมายในฝ่ายวิญญาณเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวที่ต้องการได้บุตร เดินทางมาอธิษฐาน ณ สถานที่นี้ ที่นี่มีน้ำพุไหลออกมาตลอดทั้งปี น้ำพุเป็นสัญลักษณ์เล็งถึง "น้ำธำรงชีวิต" พระเยซูคือน้ำพุแห่งชีวิตที่ผู้แสวงหาจะไม่หิวกระหายอีกเลย เราใช้เวลาอธิษฐานร่วมกันและเราเดินทางต่อไปสถานที่ อนุสรณ์สถานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว 6 ล้านคน (Yad Vashem-ยาด วาเชม) จุดประสงค์ในการไปเพื่อเราจะสามารถเข้าใจการต่อสู้ของชาวยิวตลอดประวัติศาสตร์ของชนชาติของพระเจ้า และเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว หรือที่เรียกว่า "Holocaust(โฮโลคอสต์)"
หอเก็บประวัติผู้เสียชีวิตใน Holocaust |
Yad Vashem (ยาด วาเชม) คือองค์กรที่่รวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ Holocaustก่อตั้งเมื่อปี 1953
ทหารเยอรมันฆ่าคนยิวและฝังในหลุมที่คนยิวขุดหลุมเอง |
ในปีค.ศ.1933 ฮิตเลอร์ได้โยนความผิดและปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในเยอรมันในเวลานั้นว่าเป็นความผิดของชาวยิว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ เหตุการณ์ไฟไหม้ การที่เยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่1อีกสาเหตุหนึ่งที่พวกเขาใส่ไฟชาวยิว คือ พวกชาวยิวเป็นคนที่จับพระเยซูคริสต์ตรึงกางเขน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกยิวจึงกลายเป็นตัวอันตราย ในสายตาของชาวยุโรป จำเป็นกำจัดให้สิ้นซาก
ในความจริงแล้วชาวยิวไม่ได้เป็นคนที่จับพระเยซูตรึงกางเขน แต่เป็นพวกโรมันต่างหาก แม้แต่พระเยซูคริสต์ยังอธิษฐานต่อพระบิดาขอให้พระองค์ให้อภัยกับพวกเขา เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป (ลก.23:34)
หอรำลึกที่สร้างจำลองเป็นโรงปล่อยแก๊สสังหารชาวยิว |
คณะเราได้เดินเข้าไปชมสถานที่นี้ ซึ่งห้ามมิให้ถ่ายภาพภายในอาคาร Yad Vashem ซึ่งจำลองสถานที่ค่ายกักกันชาวยิว ที่เรียกว่า "เกทโต-Ghetto" พวกเขาจับกุมชาวยิวมาเป็นนักโทษบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาสและปล่อยให้ตายโดยการอดอาหาร เผชิญความหนาวเย็น และโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นอกจากนี้ชาวยิวบางส่วนที่ไม่สามารถทำงานได้ก็จะถูกนำไปทรมานและฆ่าทิ้ง โดยวิธีการฆ่าที่เลือดเย็นที่สุดคือ การจับคนยิวและลวงว่าจะให้ไปอาบน้ำ พวกยิวรู้สึกสดชื่นที่ได้อาบน้ำ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา พวกเขาก็ปล่อยแก๊สพิษสังหารชาวยิวแบบโหดร้าย
คงไม่ต้องบรรยายเลยว่า คณะของเราเดินชมสถานที่ใน Yad Vashem ใบหน้าของพวกเราจะเป็นเช่นไร มันเป็นอะไรที่พูดไม่ออกและบอกไม่ถูก
ผมสัญญาในใจเลยว่า "สถานที่นี้จะเป็นสถานที่เดียวในประเทศอิสราเอล ที่จะไม่กลับมาชมอีก เพราะมันสะเทือนใจมาก"
คนยิวต้องมาตายกว่า 6 ล้านคน รวมถึงเด็กเล็กๆที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ พวกเขาต้องมาตายเพราะข้อหา คือ พ่อแม่เป็นชาวยิว
สิ่งที่น่าเศร้าใจมากคือ ผู้นำประเทศต่างๆที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ(UN) หรือผู้นำทางศาสนาต่างๆ กลับไม่ออกมาแสดงตัวปกป้องหรือยืนเคียงข้างคนยิวเลย ทั้งที่คนยิวเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับมวลมนุษยชาติมากมาย นักวิทยาศาสตร์เชื้อสายยิวพวกเขาคิดค้นสิ่งประดิษฐ์มาก พวกเขาได้รับรางวัลโนเบลมากที่สุด รวมถึงรางวัลโนเบลสันติภาพ แต่พวกเขากลับไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการคือ "สันติภาพ-Shalom"
หากผู้นำประเทศต่างๆหรือผู้นำทางศาสนาต่างๆ ออกมาพูดอะไรบางอย่าง คนยิวอาจจะไม่ต้องตายมากมายถึงเพียงนี้
คำถามคือ พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ พระองค์หายไปไหนในช่วงนั้น?
คำตอบคือ พระองค์ทรงอยู่กับพวกเขาเสมอในทุกสถานการณ์ไม่ว่าร้ายหรือดี
ถ้อยคำเผยพระวจนะของพระเจ้าผ่านทางเอเสเคียลได้กล่าวไว้ว่า
อสค.37:13-14 13 โอ ประชากรของเราเอ๋ย เจ้าจะทราบว่า เราคือพระเจ้า ในเมื่อเราเปิดหลุมศพของเจ้า และยกเจ้าออกมาจากหลุมศพของเจ้า
14 และเราจะบรรจุวิญญาณของเราไว้ในเจ้า และเจ้าจะมีชีวิต และเราจะวางเจ้าไว้ในแผ่นดินของเจ้า แล้วเจ้าจะทราบว่าเราคือพระเจ้าได้ลั่นวาจาแล้ว และเราได้กระทำ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ"
ถ้อยคำนี้เป็นจริง เพราะเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ฝ่ายอักษะคือเยอรมัน เป็นฝ่ายแพ้สงคราม ผู้นำประเทศในสมัยนั้นที่เป็นอาชญากรสงครามพวกเขาได้รับกรรมที่เขาก่อไว้โดยการถูกสั่งประหาร เชลยสงครามชาวยิวได้รับการปล่อยตัวให้กลับบ้าน แต่พวกเขาไม่สามารถกลับบ้านของเขาในยุโรปได้แล้ว เพราะบ้านของเขาถูกยึดไป และเพื่อนบ้านก็ไม่ต้อนรับแล้ว ที่เดียวที่เขาจะกลับได้คือ บ้านที่แท้จริงของเขา คือ "ดินแดนแห่งพระสัญญา" ที่พวกชาวยิวได้กระจัดกระจายไปที่ต่างๆทั่วโลก ตั้งแต่ปี ค.ศ.70
ในปี 1947 ชาวยิวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ Holocaust ได้เดินทางกลับบ้านโดยทางเรือ โดยเรือนั้นมีชื่อว่า "อพยพ(Exodus)" พวกเขาอพยพออกจากบาบิโลนกลับบ้านในดินแดนแห่งพระสัญญา"
และในปี ค.ศ. 1948 รัฐอิสราเอลได้รับการสถาปนาขึ้นอย่างเป็นทางการ
บทเพลงแห่งความหวัง ฮาทิกวาห์ "Hatikvah"( הַתִּקְוָה)ดังก้องออกมาจากปากของพวกเขา เมื่อยืนตรงเคารพธงชาติ
ความหวังของพวกเขาคือ พระยาเวห์ พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ แม้จะมีคนพยายามฆ่าเพื่อล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเขาในฝ่ายกายภาพ แต่ไม่สามารถฆ่าวิญญาณจิตของพวกเขาที่จงรักภักดีและรักพระยาเวห์ด้วยสุดใจได้
ไม่ว่าจะเผชิญสถานการณ์ใดพวกเขารู้ว่า พระยาเวห์ของพวกเขามีคำตอบที่ดีให้เขาเสมอเมื่อพวกเขาอธิษฐานวิงวอน จงนิ่งเสีย โอ คนอิสราเอลจงฟัง เชมา ยิสราเอล Shema Yisrael! ฉธบ.6:4-6
4 "โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิดพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทั้งหลายเป็นพระเจ้าเดียว
5 พวกท่านจงรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสิ้นสุดกำลังของท่าน
6 และจงให้ถ้อยคำที่ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่านในวันนี้อยู่ในใจของท่าน
ทุกวันนี้ยังประเทศต่างๆจ้องที่จะทำลายล้างและลบประเทศอิสราเอล ออกจากแผนที่โลก พวกเขายังคงจะต้องปกป้องดินแดนแห่งนี้ ซึ่งเป็นดินแดนแห่งพระสัญญา
รวมถึงเหตุการณ์ Holocaust มีหลายประเทศที่ปฎิเสธว่าเหตุการณ์เหล่านี้มันไม่มีจริง หรือไม่ก็ปฎิเสธว่า จำนวนคนที่ตายจากเหตุการณ์นี้มันไม่เยอะมากมายเป็นล้านคน และทุกวันนี้ องค์กร Yad Vashem (ยาด วาเชม)ยังคงทำงานหนักต่อไปเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ Holocaustก่อตั้งเมื่อปี 1953 กว่า 60 ปีที่ผ่านไป ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น เริ่มล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นคำพยานที่สำคัญที่จะต้องรวบรวมไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้โลกได้ระลึกถึงสิ่งที่เป็นความปรารถนา คือ "สันติภาพ" เพราะสงครามมีแต่ความสูญเสีย คนยิวที่ตายไป 6 ล้านคน เวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน มีคนยิวในประเทศอิสราเอลอยู่ 6 ล้านคน นี่คือสิ่งที่ทดแทนกลับมาที่ต้องใช้เวลานานกว่า 60 ปี
สดด.122:6 จงอธิษฐานขอสันติภาพให้แก่เยรูซาเล็ม ว่า ขอบรรดาผู้ที่รักเธอจงจำเริญ
ผมขอยืนเคียงข้างอิสราเอลพี่น้องในพันธสัญญา
นมัสการร่วมกันที่ Emmaus |
เมื่อเราออกจาก Yad Vashem อ.Susan ให้เราอธิษฐานเผื่อทำลายวิญญาณความแค้น ความเกลียดชัง อย่าให้สิ่งนี้ยังอยู่ในชีวิตของเรา เพราะพระเยซูคริสต์มาสิ้นพระชนม์ให้กับเราทั้งหลาย ความรักของพระองค์นำมาซึ่งการอภัยอย่างสมบูรณ์
หลังจากนั้นคณะของเราเดินทางต่อไปยังเมืองเอมมาอูส (Emmaus)สถานที่พระเยซูปรากฎตัวกับสาวก 2 คน หลังจากเป็นจากความตายแล้ว พวกเขาจับพระเยซูคริสต์ไม่ได้แล้วพระองค์ได้รับประทานอาหารกับเขา ทำให้เขาระลึกได้และพระองค์ก็จากพวกเขาไป(ลก.24:10-31)
คณะเราได้ร่วมนมัสการและขอบคุณพระเจ้าสำหรับตลอดการเดินทางมาประเทศอิสราเอลผมได้อธิษฐานกับพระเจ้าว่าขอพระองค์เข้ามาสามัคคีธรรมกับผมเสมอ และขอให้ตาของผมไม่ฝ้าฟางเห็นถึงการสำแดงของพระองค์เสมอ และขอให้ไม่หลงลืมพระองค์
หลังจากนั้นคณะของเราทางสู่เมืองเทลอาวีฟ ไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาดสด ไปรับประทานอาหารเย็นที่ภัตตาคารจีน China Sea ขอบคุณพระเจ้า ทำให้คิดถึงอาหารไทยเลยทีเดียว ขอบคุณสำหรับอาจารย์ Susan Watson ขอบคุณคุณ Avi ขอบคุณบริษัททัวร์ Sa-El และ Bethel ที่นำเราให้สัมผัสพระทัยพระบิดาที่อิสราเอล
หลังจากรับประทานอาหาร เราเดินทางสู่สนามบินเบนกูเรียล เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย
ผมเชื่อว่า เมื่อเราได้มาที่ประเทศอิสราเอล ชีวิตของเราจะไม่กลับไปเหมือนเดิม และเชื่อว่า เราจะต้องอยากกลับมาอีกครั้ง ผมขอรับประกัน :)
ภาพสุดท้ายที่ประเทศอิสราเอล ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าและวันพรุ่งนี้มันก็ต้องขึ้นมาใหม่ ทำให้เรายังมีความหวังใจในพระยาเวห์เสมอ "Hatikvah"( הַתִּקְוָה) |
มาลาคี 1:11 พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงที่ดวงอาทิตย์ตก นามของเราก็ใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย และเขาถวายเครื่องหอมและของถวายที่บริสุทธิ์แด่นามของเราทุกที่ทุกแห่ง เพราะว่านามของเรานั้นใหญ่ยิ่งท่ามกลางประชาชาติ
(สามารถกลับไปอ่านในครั้งที่ผ่านมาได้ตาม link นี้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น