31 พฤษภาคม 2561

การแปลภาษาแปลกๆกับการเผยพระวจนะ (เบื้องต้น)

การแปลภาษาแปลกๆกับการเผยพระวจนะ (เบื้องต้น)โดย Philip Kavilar

การฟื้นฟูที่ถนนอาซูซ่าในปี 1906 ได้ทำให้ภาษาแปลกๆเป็นเรื่องปกติฉันใด
การฟื้นฟูในอนาคต ก็จะทำให้การแปลภาษาแปลกๆเป็นเรื่องปกติฉันนั้น

            ที่ผ่านมา ผมก็ได้ศึกษาและค้นคว้าเกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆมาพอควร ระหว่างเส้นทางของการค้นคว้านี้ ผมก็ได้พบกับพี่น้องหลายท่านที่แปลภาษาแปลกๆได้ ทว่า ด้วยวัฒนธรรมของโบสถ์และด้วยความเข้าใจที่ไม่ชัดเจน ทำให้พี่น้องหลายท่านไม่ได้มีโอกาสในการแปลภาษาแปลกๆ ผมได้รู้จักกับพี่น้องหลายท่าน ที่หลายครั้งหลายครา เมื่อเขาได้ยินภาษาแปลกๆของผู้อื่น แล้วเขาก็ล่วงรู้อย่างกว้างๆว่า ภาษาแปลกๆที่คนอื่นพูดอยู่นั้นมีความหมายเกี่ยวกับอะไร และผมก็สันนิษฐานว่า เพื่อนๆบางท่านก็คงเคยมีประสบการณ์ทำนองนี้ด้วย



            ความเข้าใจที่ไม่ครบถ้วนประการหนึ่งที่ทำให้การแปลภาษาแปลกๆไม่ค่อยมีให้เห็นก็คือ ความเข้าใจที่คิดว่า บางคนเท่านั้นที่มีของประทานการแปลภาษาแปลกๆ ถ้าใครไม่มีของประทานอันนี้ ก็ไม่สามารถที่จะแปลภาษาแปลกๆได้เลย จริงอยู่ว่าใน (1 โครินธ์ 12:10) ได้อธิบายว่า การแปลภาษาแปลกๆเป็นของประทานอย่างหนึ่ง แต่หากพวกเราเข้าใจว่า ถ้าเราไม่มีของประทานนี้ แล้วเราก็ไม่สามารถแปลภาษาแปลกๆได้เลย พวกเราก็อาจพลาดไปเสียแล้ว

การเผยพระวจนะเป็นของประทานหรือว่าทุกคนก็ทำได้?
       
เมื่อพิจารณาถึงการเผยพระวจนะ ใน (1 โครินธ์ 12) ก็ได้อธิบายว่า การเผยพระวจนะเป็นของประทานอย่างหนึ่ง ทว่า ใน (1 โครินธ์ 14) ก็ได้เขียนไว้ว่า ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้ ข้อพระคัมภีร์หนึ่งเขียนว่า การเผยพระวจนะเป็นของประทาน แต่อีกข้อพระคัมภีร์หนึ่งกลับเขียนว่า ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้
             ประเด็นเกี่ยวกับการเผยพระวจนะนี้ สามารถสรุปได้ว่า ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้เพราะผู้เชื่อทุกคนมีศักยภาพที่จะรับข่าวสารจากพระวิญญาณ (ดู 1 โครินธ์ 14:31) แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)ที่จะเผยพระวจนะได้เก่งและเรียนรู้ได้รวดเร็ว การที่พระคัมภีร์เขียนว่า การเผยพระวจนะเป็นของประทานอย่างหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าคนที่มีของประทานเท่านั้นถึงจะเผยพระวจนะได้ แต่หมายความว่าคนที่มีของประทานด้านนี้จะเผยพระวจนะได้เก่งและเรียนรู้ได้เร็ว ส่วนคนที่ไม่มีของประทานด้านการเผยพระวจนะก็สามารถเผยพระวจนะได้ เพียงแต่อาจจะไม่คล่องแคล่วหรือเรียนรู้ได้ไม่เร็วนัก ปกติเวลามีสัมมนาที่สอนเกี่ยวกับการเผยพระวจนะ จะมีบางคนที่เรียนรู้ได้เร็วและสามารถเผยพระวจนะได้คล่องแม้ว่าผู้สอนจะสอนเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ก็มีบางคนที่กว่าจะเผยพระวจนะได้คล่องก็อาจต้องใช้เวลามากหน่อย ทั้งนี้ก็เพราะทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้ แต่จะมีบางคนที่สามารถเรียนรู้ได้เร็วและปลดปล่อยถ้อยคำเผยพระวจนะได้คล่องแคล่ว

ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้
แต่บางคน(ที่มีของประทาน)จะเผยพระวจนะได้คล่องและเรียนรู้ได้เร็ว

เกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆ 

ในเรื่องเกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆก็เช่นกัน แม้ว่าพระคัมภีร์จะอธิบายว่า การแปลภาษาแปลกๆเป็นของประทาน แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า คนที่มีของประทานเท่านั้นถึงจะแปลภาษาแปลกๆได้ แต่หมายความว่า คนที่มีของประทานด้านการแปลภาษาแปลกๆจะสามารถเรียนรู้เรื่องนี้ได้ไวและสามารถแปลภาษาแปลกๆได้คล่อง กระนั้นคนที่ไม่มีของประทานด้านนี้ก็สามารถแปลภาษาแปลกๆได้เช่นกัน เพียงอาจจะไม่คล่องแคล่วหรืออาจต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนรู้มากหน่อย จากประสบการณ์ของผมที่เคยสอนเรื่องการแปลภาษาแปลกๆ ผมก็พบว่า มีนักเรียนบางคนที่เรียนรู้และเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ผมสอนหรือแนะนำนิดๆหน่อยๆก็สามารถแปลภาษาแปลกๆได้แล้ว แต่ก็มีนักเรียนบางคนที่เข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่เร็วนักและอาจมีการตะตุกตะกักบ้างในการแปลภาษาแปลกๆ แต่ความตะกุกตะกักนี้ก็ลดลงได้ถ้ามีโอกาสได้แปลบ่อยๆ

            สำหรับการเผยพระวจนะนั้น ทุกคนสามารถเผยพระวจนะได้ แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)ที่จะเผยพระวจนะได้เก่งและเติบโตในการเผยพระวจนะได้เร็ว สำหรับการแปลภาษาแปลกๆก็คล้ายคลึงกับการเผยพระวจนะ นั่นคือหลายคนสามารถแปลภาษาแปลกๆได้ แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)ที่จะแปลภาษาแปลกๆได้คล่องและเติบโตในการแปลภาษาแปลกๆได้รวดเร็ว

หลายคนสามารถแปลภาษาแปลกๆได้
แต่จะมีบางคน(ที่มีของประทาน)จะแปลภาษาแปลกๆได้คล่องและเรียนรู้ได้เร็ว

ข้อพระคัมภีร์ใน (1 โครินธ์ 14:13) บอกเป็นนัยว่า คนที่พูดภาษาแปลกๆได้ก็มีแนวโน้มที่จะแปลได้ด้วย และจากสถิติที่ผมค้นคว้ามา ผมก็พบว่า คนที่แปลภาษาแปลกๆได้ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพูดภาษาแปลกๆได้ด้วย น้อยนักที่จะแปลภาษาแปลกๆได้แต่กลับพูดภาษาแปลกๆไม่ได้ ดังนั้น หากเพื่อนๆสามารถพูดภาษาแปลกๆได้ ก็มีแนวโน้มที่ว่าเพื่อนๆก็จะแปลภาษาแปลกๆได้ด้วย

แล้วจะเริ่มต้นแปลภาษาแปลกๆได้อย่างไร? เปาโลได้ให้ข้อแนะนำเบื้องต้นไว้ในจดหมายโครินธ์ว่า   (1 โครินธ์ 14:13) ฉะนั้น​คน​ที่​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ ก็​ควร​อธิษ​ฐาน​ขอ​ให้​แปล​ได้​ด้วย

จุดเริ่มต้นที่สำคัญของการแปลภาษาแปลกๆก็คือ การอธิษฐานขอให้แปลได้เหตุผลหนึ่งที่บางคนสามารถพูดภาษาแปลกๆได้แต่กลับแปลไม่ได้ ก็เพราะไม่ได้อธิษฐานขอ อย่างที่ยากอบได้เขียนไว้ใน (ยากอบ 4:2) ว่า ท่าน​ไม่​มี​เพราะ​ไม่​ได้​ขอ

ผู้เชื่อหลายคนมีศักยภาพในการแปลภาษาแปลกๆอยู่ ยิ่งถ้าคนที่พูดภาษาแปลกๆได้อยู่แล้ว โอกาสที่พวกเขาจะแปลได้ก็สูงมาก ทว่า เนื่องจากการไม่ได้อธิษฐานขอ เนื่องจากไม่ได้มีการสอนที่ครบถ้วน และเนื่องจากการขาดคำแนะนำที่ดี ทำให้การแปลภาษาแปลกๆที่หลายๆคนมีอยู่นั้นไม่ได้รับการสำแดงออกมา

คำอธิษฐาน
            พระบิดาของพวกเรา ในนามพระเยซูคริสต์ พวกเราป่าวประกาศว่า
ถึงวาระแล้ว ที่การแปลภาษาแปลกๆจะเกิดขึ้นในคริสตจักร
นี่เป็นวาระผู้คนจะได้รับการสอนและแนะแนวทางในเรื่องนี้
พระบิดาของพวกเรา ประทานปัญญาและการสำแดงแก่พวกเรา
เพื่อการแปลภาษาแปลกๆที่หลายคนมีอยู่นั้นจะลุกโชนขึ้นมา
          การแปลภาษาแปลกๆจงเป็นเรื่องปกติในคริสตจักร
                   ให้ผู้คนมีความเข้าใจและคุ้นเคยต่อสิ่งเหล่านี้ ในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน 

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
หนังสือ Your Spiritual Gifts Can Help Your Church Grow เขียนโดย C. Peter Wagner
หนังสือ New Covenant Prophetic Ministry เขียนโดย Jim & Carolyn Welton

29 พฤษภาคม 2561

โหมโรง ยลโฉม 32 ทีมฟุตบอลโลก 2018

ใกล้จะเปิดฉากแล้ว สำหรับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่รายการหนึ่งของมนุษยชาติที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอย เพราะ 4 ปีมีหนเดียว   นั่นคือ การแข่งขันฟุตบอลโลก(FIFA World cup)  ครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิถุนายน - 15 กรกฎาคม  2018  ที่ประเทศรัสเซีย     

            ฟุตบอลโลกหนนี้มีทีมชาติต่างๆ ส่งเข้าแข่งขันทั้งหมด 208 ทีม และได้แข่งขันห้ำหั่นกันในรอบคัดเลือกทั่วโลกเพื่อจะได้เป็นตัวแทนจากทวีปต่างๆ จนได้ 32 ทีมสุดท้าย  เพื่อชิงความเป็นเจ้าลูกหนังโลก     เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา  มีการจับสลากแบ่งกลุ่ม  เราจะมายลโฉม 32 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายว่า ทีมใดพบกับทีมใด  ดังนี้
 กลุ่ม A  ประกอบด้วยทีมชาติ รัสเซีย (เจ้าภาพ), ซาอุดิอาระเบีย ตัวแทนจากทวีปเอเชีย,  อียิปต์ เดอะมัมมี่ รีเทิร์น กลับสู่ฟุตบอลโลกอีกครั้ง และทีมจอมโหด อุรุกวัย อดีตแชมป์โลก 2 สมัย  
กลุ่ม B  เป็นกลุ่มแห่งความตาย (group of death ) ของฟุตบอลโลกหนนี้เลย  เพราะประกอบด้วย โปรตุเกส  แชมป์ฟุตบอลยูโรป, สเปน ทีมกระทิงดุอดีตแชมป์โลก , โมร็อคโก และอิหร่าน  
กลุ่ม C ประกอบด้วย ทีมตราไก่ฝรั่งเศส, ทีมจิงโจ้ ออสเตรเลีย และเปรู   คงจะได้ลุ้นกันสนุกจนถึงนัดสุดท้ายว่าทีมใดจะเข้ารอบต่อไป
กลุ่ม D ประกอบด้วย อาร์เจนติน่า นำโดยซุปเปอร์สตาร์อย่าง ลีโอเนล  เมสซี่  , ไนจีเรีย ทีมอินทรีมรกต ,ไอซ์แลนด์  และ โครเอเชีย
 กลุ่ม E   ประกอบด้วยทีมชาติบราซิล , สวิตเซอร์แลนด์ , คอสตาริก้า และเซอร์เบีย  โดยทีมแซมบ้า บราซิล เจ้าของแชมป์โลก 5 สมัย  เป็นทีมสีสันเจ้าประจำของฟุตบอลโลก
กลุ่ม F ประกอบด้วยทีมเยอรมนี(แชมป์เก่า) , เม็กซิโก , สวีเดน และเกาหลีใต้    ทีมอินทรีเหล็ก เยอรมัน  ถือว่าเป็นทีมตัวเต็ง เพราะเป็นทีมอันดับ 1 ตามการจัดอันดับของ FIFA 
กลุ่ม G  ประกอบด้วยทีมชาติเบลเยี่ยม , ปานามา , ตูนิเซีย , และทีมสิงโตคำราม อังกฤษ  ถือเป็นทีมขวัญใจมหาชน ของแฟนบอลเมืองไทย 
กลุ่ม H ประกอบด้วยทีมชาติโปแลนด์ , เซเนกัล , โคลอมเบีย และญี่ปุ่น  เป็นกลุ่มที่น่าสนุกเพราะทุกทีมฝีเท้าสูสีกัน
ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายหนนี้ ณ ดินแดนหมีขาว คงจะทำให้เหล่าแฟนบอลกลายเป็นหมีแพนด้า  เพราะขอบตาดำเนื่องจากอดหลับอดนอนนั่งเฝ้าจอรอดูบอล      แฟนบอลไทยเราได้ชมการถ่ายทอดสดครบทั้ง 64 นัด โดยจะถ่ายทอดสดผ่านทาง ทรูฟอร์ยู ช่อง 24, อัมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 และช่อง 5    
 นี่เป็นแค่การโหมโรงเท่านั้น  เชื่อว่าทีมชาติต่างๆทั้ง 32 ทีมคงจะจัดผู้เล่นชุดใหญ่ไฟกระพริบ  ส่งซุปเปอร์สตาร์ตัวชูโรงของทีมลงกันอย่างครบครัน  สตาร์ดังจะกลายเป็นสตาร์ดับไหม  ทีมไหนอ่อนแอก็แพ้ไป    ไม่อยากจะคาดเดาอะไรไปก่อน หรือทำนายล่วงหน้าว่าทีมใดจะเป็นแชมป์โลก  เกรงว่าจะออกตัวแรง    
แต่ผมเชื่อว่าเจ้าภาพคงจะนำสัตว์ต่างๆมาเป็นสีสันมาทำนายผลกัน    หรืออาจจะใช้คุกกี้เสี่ยงทาย ทำนายผล    แต่คนที่จะต้องเสี่ยงตาย คือนักเล่นพนันบอลทั้งหลาย เพราะฟุตบอลโลกมักจะมีทีมม้ามืดอยู่เป็นประจำ
ครั้งนี้ทีมใดจะเป็นม้าตีนปลาย เข้าป้ายได้แชมป์โลก ติดตามชมกันต่อไป เช่นเดียวกันทุกปี ผมจะนำข้อคิดและเกร็ดความรู้จากฟุตบอลโลก มาแบ่งปันให้อ่านกันในบทความครั้งต่อไปนะครับ 

25 พฤษภาคม 2561

งานวิจัยเรื่อง การอธิษฐานกับโรคหัวใจ

งานวิจัยเรื่องการอธิษฐานกับโรคหัวใจ เรียบเรียงโดย Philip Kavilar 
(ตัดตอนมาจากหนังสือ “เมื่อคริสตจักรอธิษฐาน” เขียนโดย ซี. ปีเตอร์ แวกเนอร์”


เกี่ยวข้องกับผลการทดลองที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการอธิษฐานเผื่อผู้ป่วย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจชื่อ แรนดอล์ฟ ซี เบิร์ด จากโรงพยาบาลซานฟรานซิสโกเจนเนรัลฮอสปิทอล... เบิร์ดได้แบ่งคนไข้โรคหัวใจ 400 คน ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 200 คน ไม่มีคนอื่นที่รู้ว่าคนไข้คนใดอยู่ในกลุ่มไหนแม้แต่ตัวคนไข้เองหรือแพทย์คนอื่น และกลุ่มหนึ่งได้รับการอธิษฐานเผื่อจากคริสเตียนที่บังเกิดใหม่แล้ว ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งไม่ได้รับการอธิษฐาน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มที่ได้รับการอธิษฐานเผื่อจะมีปัญหาซับซ้อนน้อยกว่าและตายน้อยกว่า


อย่างที่บางคนได้สอนไว้ว่า เมื่อคุณได้อธิษฐานเผื่อผู้ป่วยไปแล้ว ย่อมมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่นอน !

15 พฤษภาคม 2561

คำเผยพระวจนะวันประกาศเอกราชอิสราเอล

คำเผยพระวจนะโดย ดร.ชัค เพียร์ซ

นี่เป็นสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์ ไม่เพียงแค่วันนี้จะเป็นการครบรอบ 70 ปีของการเป็นประเทศอิสราเอลเท่านั้น แต่เป็นการที่ประเทศสหรัฐอเมริกายอมรับกรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลด้วยการเปิดสถานทูตอเมริกาในเมืองนี้ เราสามารถสั
มผัสความตื่นเต้นในย่านฟ้าอากาศ นี่เป็นการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และประเทศทั้งสองได้ถูกระดับขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่เพียงประเทศถูกยกระดับเท่านั้น แต่ประชากรแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าได้ถูกยกระดับขึ้นด้วย!
อย่าให้เราอยู่ในพันธนาการด้วยโครงสร้างเดิมฉุดหน่วงเราไว้ แต่จงป่าวประกาศว่านี่เป็นสัปดาห์แห่งการทะลุทะลวงเข้าไปในพื้นที่ใหม่!



This is such a historic week. Not only is today the 70th Anniversary of Israel’s statehood, but it also marks the United States’ recognition of Jerusalem as the capital of Israel with the opening of the US Embassy in that city. We can sense the excitement in the air. There is a new alignment between Heaven and earth, and nations are shifting as never before. However, not only are nations shifting but God’s covenant people are shifting! 
Do not let captivity structures hold you, but declare this is your week for breaking into your new place!

https://www.facebook.com/chuckdpierce/photos/a.394261582775.170554.100953092775/10155552799067776/?type=3&theater

09 พฤษภาคม 2561

วันแห่งการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์(Ascension Day)


หากนับตามปฏิทินของชาวยิวแล้ว ในวันที่ 10 พ.ค.2018 นี้ เป็นวันระลึกถึงวันแห่งการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์(Ascension Day)

ในปี 2018 เราได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาในช่วงวันที่ 30 มี..-เม.ย.เราได้สัมผัสถึงชัยชนะและฟ้าสวรรค์กำลังเปิด เพื่อเทพระสิริของพระเจ้าลงมา เป็นการประกาศชัยชนะในวันแห่งการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์

เมื่อนับไป 40 วันหลังจากวันแรกของเทศกาลปัสกา จะเป็นวันที่10 พ.ค. เป็นวันที่เราได้ระลึกถึงวันแห่งการเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์(Ascension Day) 


หลังจากวันนี้นับไปอีก  10 วันจะเป็นวันหลังจากปัสกา 50 วัน จะตรงกับวันที่ 20 พ.ค. เราจะเฉลิมฉลองเทศกาล Pentecost หรือ Shavu'ot 

เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็งลงมาที่ห้องชั้นบนในกจ.สรรเสริญพระเจ้า! กว่า2,000 ปีมาแล้ว แต่การทรงสถิตของพระองค์ยังอยู่ในชีวิตผู้เชื่อเสมอ

ภายหลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนกางเขนและทรงฟื้นพระชนม์ขึ้นจากความตาย  พระเยซูคริสต์ได้ทรงอยู่กับสาวกของพระองค์อีก 40 วันเพื่อสั่งสอนสาวก สิ่งที่เป็นสาระสำคัญคือการสอนในเรื่องแผ่นดินสวรรค์ และพระองค์ทรงกำชับใน 2 สิ่งที่เป็นพระมหาบัญชาคือ การออกไปประกาศและสั่งสอนสร้างสาวก 

มัทธิว 28:18-20 
18 พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า "ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
19
เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
20
สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค" 

นอกจากนี้พระองค์ยังกำชับให้สาวกอย่าออกไปไหนให้คอยที่กรุงเยรูซาเล็มจนกว่าพระวิญญาณของพระเจ้าจะเสด็จมาเพื่อให้สาวกออกไปรับใช้ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณฯ 

กิจการของอัครทูต 1:3-
3 ครั้นพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้ทรงแสดงพระองค์แก่คนพวกนั้นด้วยหลักฐานหลายอย่าง พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายระหว่างสี่สิบวัน และได้ทรงสนทนากับเขาถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
4
เมื่อพระองค์ได้ทรงพำนักอยู่กับอัครทูต จึงกำชับเขามิให้ออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่ให้คอยรับตามพระสัญญาของพระบิดา คือพระองค์ตรัสว่า "ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินจากเรานั่นแหละ
5
เพราะว่ายอห์นให้รับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่ไม่ช้าไม่นานท่านจะรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์"
6
เมื่อเขาทั้งหลายได้ประชุมพร้อมกัน เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์จะทรงตั้งราชอาณาจักรขึ้นใหม่ ให้แก่ชนอิสราเอลในครั้งนี้หรือ"
7
พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ไม่ใช่ธุระของท่าน ที่จะรู้เวลาและวาระซึ่งพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ โดยสิทธิอำนาจของพระองค์
8
แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก" 

เมื่อพระเยซูคริสต์ตรัสสั่งแล้ว พระองค์ก็ทรงสด็จขึ้นสวรรค์ไปต่อหน้าต่อตาสวรรค์ที่ภูเขามะกอกเทศ 

มาระโก 16:19 ครั้นองค์พระเยซูตรัสแก่เขาจบลงแล้ว ก็ถูกรับเข้าไปในฟ้าสวรรค์ ประทับอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า 
การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์เป็นหมายสำคัญอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าพระเจ้าทรงชอบพระทัยในทุกสิ่งที่พระองค์ได้กระทำสำเร็จตามแผนการแห่งพันธสัญญาใหม่ของพระเจ้า

กิจการของอัครทูต 2:3336
33 เหตุ​ฉะนั้น​เมื่อ​ทรง​เชิด​ชู​พระ​องค์​ขึ้นอยู่​ที่​พระ​หัตถ์​เบื้อง​ขวา​ของ​พระ​เจ้า และ​ครั้น​พระ​องค์​ได้​ทรง​รับ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​จาก​พระ​บิดา​ตาม​พระ​สัญญา ​พระ​องค์​ได้​ทรง​เท​ฤทธิ์​เดช​นี้​ลง​มา ดังที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน และ​เห็น​แล้ว​

34 เหตุ​ว่า​ท่าน​ดาวิด​ไม่ได้​ขึ้น​ไป​ยัง​สวรรค์​แต่​ท่าน​ได้​กล่าว​ว่า ‘พระ​เจ้า​ตรัส​กับ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​ข้าพเจ้า​ว่า จง​นั่ง​ขวามือ​ของ​เรา 
35 จนกว่า​เรา​จะ​กระทำ​ให้​ศัตรู​ของ​เจ้า​อยู่​ใต้​เท้า​เจ้า ’
36 เหตุ​ฉะนั้น ให้​พงศ์​พันธุ์​อิสราเอล​ทั้ง​ปวง​ทราบ​แน่นอน​ว่า ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​ยก​พระ​เยซู​นี้ ซึ่ง​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ตรึง​ไว้​ที่​กางเขน​นั้น ทรง​ตั้งขึ้น​ให้​เป็น​ทั้ง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​และ​เป็น​พระ​คริสต์​”


พระเจ้าได้ยกชูพระองค์และได้ประทานมงกุฎแห่งสง่าราศีและเกียรติยศให้กับพระองค์

 ฮีบรู 2:แต่เราก็เห็นพระเยซู ผู้ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ต่ำกว่าทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่งนั้น ทรงได้รับพระสิริและพระเกียรติเป็นมงกุฎ เพราะที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมาน ทั้งนี้โดยพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงได้ทรงชิมความตายเพื่อมนุษย์ทุกคนเพื่อพระนามที่เหนือล้ำยิ่งกว่านามชื่อทั้งปวง 

ฟิลิปปี 2:9 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ 


สิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุให้เราทั้งหลายที่เป็นสาวกของเยซูพระคริสต์ได้เฉลิมฉลองในวันแห่งการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์และเราทั้งหลายต้องออกไปประกาศเรื่องข่าวประเสริฐนี้จนสุดปลายแผ่นดิน


พระเยซูชาวเมืองนาซาเร็ธ (Nazarethเป็นเมืองเล็กๆ และไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญ แม้แต่ในพระคัมภีร์ยังได้บันทึกไว้ว่า ฟิลิปและนาธานาเอล ได้รับคำเล่าลือถึงเรื่องพระเยซูชาวเมืองนาซาเร็ธ แม้แต่นาธานาเอลยังดูหมิ่นเลยว่า "สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ"

แต่สิ่งที่ดีของเมืองนี้คือ พระเยซูคริสต์ พระองค์สำแดงทำให้ทั้งฟิลิปและนาธานาเอลหันมาติดตามเป็นสาวกของพระองค์ และพวกเขาได้เห็นสิ่งอัศจรรรย์ตามพระสัญญาของพระเยซูคริสต์คือ พวกเขาได้เห็นการเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูคริสต์
ยอห์น 1:44-51 
   44   ฟีลิปมาจากเบธไซดาเมืองของอันดรูว์และเปโตร
   45   ฟีลิปไปหานาธานาเอลบอกเขาว่า  "เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในหนังสือธรรมบัญญัติ  และที่พวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึง  คือ  พระเยซู  ชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ"
   46   นาธานาเอลถามเขาว่า  "สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ"  ฟีลิปตอบว่า  "มาดูเถิด"
   47   พระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลมาหา  พระองค์จึงตรัสถึงเรื่องของตัวเขาว่า  "ดูเถิด  ชนอิสราเอลแท้  ในตัวเขาไม่มีอุบาย"
   48   นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า  "พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร"  พระเยซูตรัสตอบเขาว่า  "ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน  เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น  เราเห็นท่าน"
   49   นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า  "รับบี  พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า  พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล"
   50   พระเยซูตรัสตอบเขาว่า  "เพราะเราบอกท่านว่า  เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้นท่านจึงเชื่อหรือ ท่านจะได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก"
   51   และพระองค์ตรัสกับเขาว่า  "เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า  ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเบิกออก  และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์"

เมื่อเราเชื่อเราจะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ฟิลิปและนาธานาเอล ท่านมีความเชื่อจึงได้เห็นหมายสำคัญนี้ ผิดกับพวก​ธรรมาจารย์และพวกฟาริสีมีความรู้แต่ขาดความเชื่อ  พวกเขาต้องการแสวงหาหมายสำคัญแต่พระเยซูคริสต์ตรัสกับพวกเขาว่า "เขาจะได้เห็นการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์เท่านั้น และพวกเขาไม่กลับใจจะถูกพิพากษา 

มัทธิว 12:38-41
38 คราว​นั้น​มี​บาง​คน​ใน​พวก​ธรรมาจารย์ และ​พวก​ฟาริสีมา​ทูล​พระ​องค์​ว่า “อาจารย์​เจ้า​ข้า พวก​ข้าพเจ้า​อยากจะ​เห็น​หมาย​สำคัญ​จาก​ท่าน”
39 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “คน​ชาติ​ชั่ว​และ​คิด​ทรยศ​ต่อ​พระ​เจ้า​แสวงหา​หมาย​สำคัญ และ​จะ​ไม่​ทรง​โปรด​ให้​หมาย​สำคัญ​แก่​เขา เว้น​ไว้​แต่​หมาย​สำคัญ​ของ​โย​นาห์​ผู้เผย​พระ​วจนะ​
40 ด้วย​ว่า โย​นาห์​ได้​อยู่​ใน​ท้อง​ปลา​มหึมา​สาม​วัน สาม​คืน ฉัน​ใด บุตร​มนุษย์​จะ​อยู่​ใน​ท้อง​แผ่นดิน สาม​วัน​สาม​คืน​ฉัน​นั้น​
41 ชน​ชาวนี​นะเวห์​จะ​ลุก​ขึ้น​ใน​วัน​พิพากษา​พร้อม​กับ​คน​ยุค​นี้ และ​จะ​เป็น​ตัวอย่าง​ให้​คน​ยุค​นี้​ได้รับ​โทษ ด้วย​ว่า​ชาวนี​นะเวห์​ได้​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่ เพราะ​คำ​ประกาศ​ของ​โย​นาห์ และ​ซึ่ง​ใหญ่​กว่า​โย​นาห์​มี​อยู่​ที่นี่​

ชาวนีนะเวห์กลับใจพ้นจากการพิพากษาด้วยคำประกาศจากโยนาห์  เราทั้งหลายพ้นจากการถูกพิพากษาด้วยข่าวประเสริิฐเรื่องการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ 

เราทั้งหลายที่เป็นผูู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทั้งคนยิวและคนต่างชาติจึงเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อเพื่อจะดำเนินชีวิตให้พร้อม รอคอยการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์
  

ในวันนี้แม้ว่าพระเยซูคริสต์จะมาบังเกิดในโลกนี้แบบถ่อมพระทัย และจากโลกนี้ไปด้วยเสด็จขึ้นสวรรค์ไปแบบเงียบๆ  มีคนเห็นเพียงไม่กี่คน  แต่ในวันสุดท้ายที่พระองค์จะเสด็จมามาแบบยิ่งใหญ่ ปรากฎท่ามกลางฟ้าสวรรค์ เสด็จมาแบบจอมกษัตราที่ทุกตาจะเห็น  ทุกหัวเข่าจะคุกเข่าลงกราบและทุกลิ้นจะสารภาพว่า "พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า ขอทรงเสด็จมารับผู้ที่เชื่อไปสู่สวรรค์ของพระองค์" 

ขอให้ผู้ที่เสด็จมาในพระนามพระเจ้า ทรงพระเจริญ ! Baruch haba b'shem Adonai!


01 พฤษภาคม 2561

พระวิญญาณแห่งพันธสัญญา

เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์และเฝ้าติดตามวาระเวลาของพระยาห์เวห์ เราจะทราบว่านี่เป็นช่วงเวลาต่อเนืื่องจากเทศกาลปัสกา(Passover) จนถึงเทศกาลสำคัญคือ เทศกาลสัปดาห์(Shavuot หรือ Pentecost) คือ นับจากปัสกา 7 สัปดาห์(49วัน) วันที่ 50 เป็นการฉลองผลแรกที่นับมาถวายแด่พระยาห์เวห์ แต่เป็นการถวายผลแรกที่เพิ่มพูนขึ้น เพราะในสมัยคนยิวที่อพยพในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาได้นำผลผลิตจากแผ่นดินมาทำขนมปัง 2 ก้อนเพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์
เลวีนิติ 23:15-17
15“​ตั้ง​แต่​วัน​รุ่ง​ขึ้น​จน​ถึง​วัน​สะ​บา​โต จง​นับ​ให้​ได้​ครบ 7 สัป​ดาห์​เต็มๆ คือ​นับ​จาก​วัน​ที่​พวก​เจ้า​นำ​พืช​ผล​รุ่น​แรก​เข้า​มา​ทำ​พิธี​โบก​ถวาย​เป็น​ต้น​ไป 16 นับ​ไป​ให้​ได้​ 50 วัน จน​ถึง​วัน​ถัด​จาก​วัน​สะ​บา​โต​ที่​ 7 แล้ว​เจ้า​จง​นำ​เมล็ด​ใหม่​มา​ถวาย​แด่​พระ​ยาห์​เวห์​เป็น​ธัญ​บูชา 17 จง​นำ​ขนม​ปัง 2 ​ก้อน​ทำ​ด้วย​แป้ง​สอง​กิโล​กรัม​จาก​ที่​อาศัย​ของ​พวก​เจ้า​มา​ทำ​พิธี​โบก​ถวาย ให้​ทำ​ด้วย​แป้ง​อย่าง​ดี​ใส่​เชื้อ​ปิ้ง​เป็น​ผล​รุ่น​แรก​ถวาย​แด่​พระ​ยาห์​เวห์
คนยิวจะมีการนับโอเมอร์(หม้อใส่มานา)ในแต่ละวันเพื่อระลึกถึงการจัดเตรียมมานาเป็นอาหารประจำวันในถิ่นทุรกันดาร ในเทศกาลปัสกาเป็นขนมปังไร้เชื่อ(Matzah) เนื่องจากต้องชำระเชื้อเก่าในอียิปต์ให้หมด แต่ครั้งนำขนมปังอย่างดีใส่เชื้อฟูมาคือ ขนมปังคาลาห์(Challah) จึงเป็นการอวยพรที่เพิ่มพูนมากขึ้น
(เทศกาลปัสกา คนยิวจะกินขนมปังปิ้งไร้เชื้อ (Matzah)และกินผักรสขม เพื่อระลึกถึงความขมขื่นใจที่เป็นทาสในอียิปต์  พระธรรม 1 โครินธ์ 5:7-8 อัครทูตเปาโลได้อธิบายภาพจากเทศกาลปัสกาของชาวยิวและการรับประทานขนมปังไร้เชื้อ(อพย.12:1-28,13:6-8) เพื่อให้ตระหนักว่าผู้เชื่อต้องชำระเชื้อเก่าด้วยความเชื่อใหม่ที่ได้รับการไถ่แล้วจากพระเยซูคริสต์)
สิ่งเหล่านี้เป็นภาพจริงที่สะท้อนออกจากภาพเงา(Type)ในพระธรรมอพยพบทที่ 19 และ 20 ได้บรรยายถึงเทศกาลเพ็นเทคอสต์ แก่นสาระสำคัญของพระธรรมอพยพ คือ ปัสกาคือการก้าวออกมาจากความเป็นทาสในอียิปต์แลในวันที่ 50 พวกเขาได้รับประสบการณ์ในการที่พระเจ้าทรงประทานพระบัญญัติ 10 ประการแก่พวกเขาให้ถือรักษาในเทศกาลสัปดาห์(Shavuot) หากแต่ว่าเมื่อโมเสสได้รับแผ่นศิลาพระบัญญัติบนภูเขาซีนายและท่านได้กลับลงมา ท่านเห็นว่าคนยิวหันไปไหว้กราบโคทองคำ โมเสสจึงขว้างแตกแผ่นศิลาแตกและ คนยิวตายถึง 3000 คนในคราวเดียว
อพยพ 32:28 คน​เลวี​ก็​ทำ​ตามที่​โม​เสส​สั่ง และ​ประชา​ชน​ประมาณ​ 3,000 ​คน​ตาย​ลง​ใน​วัน​นั้น
ข้อคิด คือ พระยาห์เวห์ทรงปรารถนาความสัมพันธ์แต่คนยิวต้องการกฎ เป็นกฏของการแต่งงานกับพระยาห์เวห์ที่ภูเขาซีนาย แต่เมื่อเขาทำผิดกฏและหักพันธสัญญาคือการคบชู้ไปกราบไหว้โคทองคำ ประมวลกฎประหารให้ตายแต่พระวิญญาณประทานชีวิตและเสรีภาพ
ภาพเงาในพระคัมภีร์เดิม คือ พระบัญญัติ 10 ประการแห่งความจริง ภาพจริงที่ปรากฏให้เห็นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ประสาทชีวิต (1 คร. 15:45)
ในพระคัมภีร์ใหม่ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระวิญญาณแห่งพันธสัญญาที่ทำให้ใหม่ เหมือนดังสมัยโมเสสที่ทำแตกเพราะคนยิวหักพันธสัญญา พระยาห์เวห์ทรงรักด้วยพันธสัญญานิรันดร์
2 โครินธ์ 3:3 ...แต่​ด้วย​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​พระเจ้า​ผู้​ทรง​พระ​ชนม์ ไม่​ได้​เขียน​บน​แผ่น​ศิลา แต่​เขียน​บน​แผ่น​ดวง​ใจ​มนุษย์
นพระคัมภีร์ใหม่ ในสมัยกิจการฯ พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เสด็จมาประทับเหนือเหล่าสาวก 120 คนที่รอคอยที่ห้องชั้นบนที่เยรูซาเล็ม เมื่อพระวิญญาณเสด็จมา อัครทูตเปโตรเทศนาคนกลับใจเชื่อถึง 3,000 คนในคราวเดียว

นี่คือจุดบรรจบของคำเผยพระวจนะที่สำเร็จเป็นจริง ภาพเงาในพระคัมภีร์เดิม มองไปสู่อนาคตด้วยความเชื่อและความหวังใจเล็งถึงพระคริสต์ที่จะมา แต่ภาพจริงที่ปรากฏในพระคัมภีร์ใหม่สำเร็จเป็นจริงตามคำเผยพระวจนะผ่านทางพระคริสต์ที่ทำสำเร็จแล้วที่ไม้กางเขน พระองค์ประทานพระวิญญาณในเทศกาลเพ็นเทคอสต์ (กจ.2)
เมื่อเรามองย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์ที่ไม้กางเขนด้วยความเชื่อและความหวังใจ เราจะซาบซึ้งในความรักของพระคริสต์ ที่เราได้รับพระเมตตา คือ การละเว้นสิ่งที่เราต้องได้รับคือความบาปความตาย และพระคุณในสิ่งที่เราไม่สมควรได้รับคือความรอด
ปี 2018 เทศกาลเพ็นเทคอสต์จะตรงกับวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ค.เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคริสตชนทุกคนที่วันนี้ เรามีพระวิญญาณอยู่ในชีวิตเป็นพันธสัญญาใหม่ที่มอบกับเราทุกคนด้วยความรัก เป็นพันธสัญญาทีเป็นดั่งแหวนหมั้น เราเพื่อเราจะเป็นดั่งเจ้าสาวคือคริสตจักรและได้แต่งงานกับพระเมษโปดกในวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมาในวาระสุดท้ายของโลกนี้
2 โครินธ์ 11:2 เพราะ​ว่า​ข้าพ​เจ้า​หวง​แหน​พวก​ท่าน​อย่าง​ที่​พระ​เจ้า​ทรง​หวง​แหน เพราะ​ว่า​ข้าพ​เจ้า​หมั้น​ท่าน​ไว้​กับ​สามี​คน​เดียว เพื่อ​ถวาย​พวก​ท่าน​ให้​เป็น​หญิง​พรหม​จารี​บริ​สุทธิ์​แด่​พระ​คริสต์
เอเฟซัส 1:13 ​ใน​พระ​องค์​นั้น ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เช่น​เดียว​กัน เมื่อ​ท่าน​ได้​ฟัง​สัจ​วา​ทะ คือ​ข่าว​ประเสริฐ​เรื่อง​ความ​รอด​ของ​ท่าน และ​ได้​วางใจ​ใน​พระ​องค์ ได้รับ​การ​ผนึก​ตรา​ไว้​ด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​แห่ง​พระ​สัญญา​