10 พฤศจิกายน 2555

คำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนคิสเลฟ(Kislev)

สวัสดีครับเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ในวันนี้ขอแบ่งปันบทความในเรื่อง "คำอธิษฐานอวยพรประจำเดือนคิสเลฟ(Kislev - כִּסְלֵו,)"  เดือนนี้เป็นเดือนที่  9 หากนับตามปฏิทินฮีบรูแบบศาสนา (Ecclesiastical year) เป็นเดือนที่ 3ตามปฏิทินฮีบรูแบบราชการ(Civil year)  เดือนนี้จะ มี 29 วัน ระหว่างวันที่ 15 พ.ย. - 13 ธ.ค. 2012 หรือปี 5773 ตามปฏิทินฮีบรู)
 ในเดือนนี้เทศกาลสำคัญคือ "ฮานุกกะห์ (Hanukkah)" เทศกาลแห่งแสงไฟของชาวยิว (festival of lights)ในภาษาโรมันใช้คำว่า "คานุกกะห์(Chanukah)อยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 9 ธ.ค.-16 ธ.ค.เป็นเวลา 8 วัน (สามารถอ่านบทความ Hanukkah(ฮานุกกะห์) เทศกาลแสงสว่างแห่งความหวังใจ ได้)

มีพี่น้องคริสเตียนหลายท่าน สอบถามผมว่า "ทำไมเราต้องมีการฉลองในวันต้นเดือน (Rosh Chodesh) ทำไมต้องมีการถวายผลแรก ทำไมต้องมีการเชื่อถือเรื่องดูดวงจันทร์หรือดวงดาวต่างๆตามแบบปฏิทินฮีบรู?"
 

ผมได้สรุปความเข้าใจเรื่องการฉลองในวันต้นเดือน (Rosh Chodesh)สามารถเข้าไปอ่านได้ใน บทความ เรื่อง "ความเข้าใจเกี่ยวกับผลแรกในวันต้นเดือน (Rosh Chodesh)"

อยากหนุนใจไว้ดังนี้ว่า เราไม่ได้เลียนแบบความเป็นยิว หรือพยายามเป็นคนยิว เพราะเราไม่สามารถเป็นแบบคนยิวได้ เราไม่จำเป็นต้องไปทำตามพิธีของชาวยิว หรือไปเข้าสุหนัตแบบยิว สิ่งที่สำคัญมากกว่า "การเข้าสุหนัต" คือ "การเข้าสนิท"
เราต้องเข้าสนิทในพระเจ้าแบบคนยิว เราเชื่อในพระเจ้าของอิสราเอล เราต้องปรับความคิดของเราเข้าสู่เวลาของพระเจ้า คนที่เข้าใจวาระเวลาของพระเจ้า ก็คือ คนยิว เช่นชนเผ่าอิสสาคาร์(Issachar) พวกเขาเข้าใจวาระเวลาของพระเจ้า 
ดังนั้นเราจึงต้องปรับเวลาของเราเข้าสู่เวลาของพระเจ้า ในปัจจุบันเราอาจจะใช้ปฏิทินสากลคือแบบโรมัน เพื่อรู้เวลาของโลก แต่ในชีวิตในฝ่ายวิญญาณเราต้องปรับเวลาของเราเข้าสู้วาระเวลาของพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงกำหนดวาระเวลาต่างๆ โดยให้เราเห็นได้จากหมายสำคัญต่างๆ เช่นดวงจันทร์ ดวงดาวนั้นมีความหมายพระวจนะบอกว่า ดวงสว่างบนฟ้าเป็นหมายสำคัญ(sign) ที่จะบอกให้รู้ว่าอยู่ในฤดูกาลใดนั่นคือ บอกให้รู้ว่า ถึงวาระ ฤดู ที่จะต้องทำสิ่งใด

ปฐก.1:14 พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างบนฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้ดวงสว่างเป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี
Gen. 1:14 God said, “Let there be lights in the expanse of the sky to separate the day from the night, and let them be signs to indicate seasons and days and years,

คนยิวในสมัยก่อน ดูหมายสำคัญ(sign) เรื่องเวลาของพระเจ้า ว่าพระเจ้าเคลื่อนให้ทำอะไร โดยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพวกเขาทำความเข้าใจกับการเคลื่อนของดวงสว่างบนฟ้าแต่อำนาจมืดได้ทำให้คนหลงไป ด้วยการครอบงำ บิดเบื้อนให้กลายเป็นเรื่องโหราศาสตร์cแบบจักรราศี(Horoscope)และเมื่อพูดถึงเรื่องดวงดาว คริสเตียนกลับรีบปฏิเสธ เพราะความกลัวว่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น แม้แต่ในสมัยที่พระเยซูคริสต์ประสูติ พวกโหราจารย์(wise men)ยังดูการเคลื่อนดวงดาว จนได้มาพบกับพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่พวกเขารอคอย (มธ.2)

ดังนั้นโดยสรุปคือ เราต้องทำการศึกษาเรื่องหมายสำคัญต่างๆเช่น ดวงจันทร์ และดวงดาวแบบ"โหราศาสตร์"  Astrology ไม่ใช่แบบ Horoscope ไม่ใช่เพื่อการดูดวงชะตาแบบหมอดู ริวจิตสัมผัส แต่นี่เป็นดูแล้วคิดพินิจพิเคราะห์ แบบเรียลจิตวิญญาณ (real spirit)
เพราะว่า คำว่า "โหราศาสตร์" ตรงกับภาษากรีกว่า Astrology เป็นคำศัพท์เฉพาะมาจากคำว่า Astro ซึ่งแปลว่า ดวงดาว กับอีกคำหนึ่งว่า Logic ซึ่งแปลว่า ตรรกศาสตร์ เมื่อนำคำทั้งสองมารวมกันเป็น Astrology แปลว่า ศิลปะที่ว่าด้วยดวงดาวที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์

คำว่า "โหราศาสตร์" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้คำจำกัดความไว้ว่า โหร แปลว่า หมอดูฤกษ์ ผู้ชำนาญทางดาราศาสตร์เกี่ยวกับการพยากรณ์ โหราศาสตร์ แปลว่า ตำราว่าด้วยวิชาโหร
ฉะนั้นในความเชื่อของคนทั่วไป คือ มนุษย์เกิดและดำรงอยู่ได้ด้วยกรรมหรือผลแห่งกรรม โหราศาสตร์ คือ เครื่องมือช่วยให้สามารถอ่านกรรมของแต่ละคนได้ เริ่มตั้งแต่อุปนิสัยใจคอ จุดเด่นจุดด้อย วาสนา โชค และเคราะห์ของแต่ละชีวิต
แต่สำหรับคริสเตียนเราไม่มีโชคชะตาราศี ไม่ต้องถือฤกษ์ยาม เราถือฤกษ์สะดวก ตามความเหมาะสมและปรับตัวตามบริบทความเป็นอยู่ของเรา

ยกตัวอย่างเช่น ในคริสตจักรแห่งพระบัญชา(UCC) เราก็มีการจัดอธิษฐานและนมัสการเพื่อฉลองต้นเดือน(Rosh Chodesh)แต่เราปรับตามความเหมาะสมโดยใช้ในวันอาทิตย์แรกของแต่ละเดือนตามปฏิทินโรมัน เพื่อความสะดวกและพี่น้องในคริสตจักรสามารถจดจำได้ และในทุกต้นเดือนเป็นช่วงที่เงินเดือนออก พี่น้องจะนำทรัพย์มาถวายเป็นการถวายผลแรก พร้อมกับสิบลดและการถวายอื่นๆตามความสมัครใจ

อัครทูตเปาโลได้อธิบายเรื่องนี้ไว้ในพระธรรม โคโลสี 2:15-18
15 พระองค์ทรงปลดเทพผู้ครองและศักดิเทพเสีย พระองค์ได้ทรงประจานเขา และชนะเขาโดยกางเขนนั้น
16 เหตุฉะนั้นอย่าให้ผู้ใดพิพากษาปรักปรำท่านในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล วันต้นเดือน(Rosh Chodesh)หรือวันสะบาโต
17 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของเหตุการณ์ที่จะมีมาในภายหลัง แต่กายนั้นเป็นของพระคริสต์
18 อย่าให้ผู้ใดตัดสิทธิ์ของท่าน ด้วยเขาทำทีถ่อมตัวลง กราบไหว้ทูตสวรรค์ ใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต ผยองขึ้นเปล่าๆตามความคิดของเนื้อหนัง


ฉะนั้นในวันนี้เรามีการประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม และไม่ใช่จุดยืนในความเชื่อที่จะต้องมากถกเถียงกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นเงาที่เล็งถึงพระเยซูคริสต์ และเราต้องเข้าใจในเรื่องวาระเวลาและเทศกาลต่างๆเป็นช่วงเวลาที่พระเจ้ากำหนดให้ไว้เพื่อให้คนของพระเจ้ามานัดพบกับพระองค์(Divine Appointment)

ในการเรียนสัมมนา Issachar Camp ที่ผ่านมา ทำให้เราได้เข้าใจมากขึ้นในเรื่องของประทานแบบผู้ทำนาย หรือ Seer ในพระธรรม 1ซามูเอล 9:9
ในอิสราเอลสมัยเดิม เมื่อคนใดจะไปทูลถามพระเจ้า เขากล่าวว่า "มาเถิด ให้เราไปหาผู้ทำนายกัน" เพราะผู้ที่ในสมัยนี้เราเรียกว่าผู้เผยพระวจนะนั้น ในสมัยเดิมเขาเรียกว่า
ผู้ทำนาย

1 Samuel 9:9 (kjv) Beforetime in Israel,when a man went to enquire of God, thus he spake, Come, and let us go to the seer: for he that is now called a Prophet was beforetime called a Seer.  


แม้ในปัจจุบัน เราอาจจะยังไม่เป็น The Seer เป็นแต่ เดอะ ซีเอ๋อ มองแล้วยังเอ๋อๆ งงอยู่ ยังเห็นไม่ค่อยชัเจน ขอหนุนใจว่า "เห็นมัวๆ ดีกว่ามั่วเห็นๆ" ฝึกฝนต่อไปและพัฒนาของประทานที่เป็นเมล็ดพันธ์ในชีวิตวันหนึ่งมันจะงอกงามเป็นต้นกล้าที่เติบโต พระเจ้าจะประทานสายตาในฝ่ายวิญญาณให้เราได้เห็นและรู้จักพระองค์มากขึ้น
1โครินธ์ 13:11-12
11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย
12 เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า

สำหรับในเดือนนี้ขอนำ "ความหมายของเดือนในเชิงการเผยพระวจนะ" ทั้งนี้เพราะวาระเวลาและสิ่งต่างๆที่พระเจ้าทรงสร้าง มีการสำแดงการเผยพระวจนะเพื่อถวายพระเกียรติพระสิริแด่พระเจ้า 
สดุดี 19:1-2
1 ฟ้าสวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้า และภาคพื้นฟ้าสำแดงพระหัตถกิจของพระองค์
2 วันส่งถ้อยคำให้แก่วัน และคืนแจ้งความรู้ให้แก่คืน  

แต่ผมขอใช้คำว่า "คำอธิษฐานอวยพรประจำเดือน" เพื่อให้เรานำสิ่งเหล่านี้มาอธิษฐานป่าวประกาศในแต่ละเดือน เป็นการเริ่มต้นเดือนใหม่ ด้วยพระพรจากพระเจ้าดังนี้ครับ
(ศึกษาและเรียบเรียงข้อมูลจาก http://www.arise5.com/#/hebrew-months)

1.เดือนแห่งเผ่าเบนยามิน เบนยามินเป็นเพียงหนึ่งเดียวใน 12 คนที่เกิดในดินแดนอิสราเอล ดังนั้นจงเฝ้าดูอิสราเอล สิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นเพื่อเปลี่ยนวิถีทางของเขา

2.เดือนที่จะพัฒนายุทธศาสตร์สงครามของคุณ เดือนที่จะรับการสำแดงเชิงเผยพระวจนะสำหรับสงคราม คุณจะได้รับการสำแดงเชิงเผยพระวจนะสำหรับยุทธศาสตร์ต่างๆ เบนยามินนั้นตะลันต์ในเรื่องศิลปะการยิงธนูมากที่สุด(ซึ่งเล็งถึงยุทธศาสตร์ด้านการเผยพระวจนะ) ในพระธรรม ปฐมกาล 49:27 "ฝ่ายเบนยามินเป็นสุนัขป่าที่ล่าเหยื่อ เวลาเช้าก็กินเหยื่อเสีย เวลาเย็นก็แบ่งปันของที่แย่งชิงไว้" พระเจ้าทรงประสงค์จะให้ยุทธศาสตร์กับเราเพื่อโจมตีศัตรูและทำให้เรามั่งคั่ง
ในค่ายอิสสาคาร์ที่ผ่านมา เมื่อเราเรียนรู้ในปีปฏิทินฮีบรูปี 5773 เป็นปีแห่งตัวอักษร Ayin และ Gimel เมื่อเราลองนำตัวอักษร 2 ตัวนี้มาต่อกัน จะเป็นภาพของหัวลูกศร จึงเป็นปีแห่งการเผยพระวจนะแบบลูกธนูที่พุ่งเข้าใส่ศัตรูคือผีมาร วิญญาณชั่ว

อิสยาห์ 49:2 พระองค์ทรงทำปากของข้าพเจ้าเหมือนดาบคม พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในร่มพระหัตถ์ของพระองค์พระองค์ทรงทำข้าพเจ้าให้เป็นลูกศรขัดมัน พระองค์ทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้เสียในแล่งของพระองค์

3.เดือนที่จะพุ่งตรงไปและเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว(A month to shoot straight and move quickly) อย่าเถลไถลไปรอบๆ หยุดความสูญเสียของคุณไว้ตรงนี้แล้วเคลื่อนผ่านไปข้างหน้า  เป็นช่วงเวลาที่จะพุ่งให้ไกลสู่เป้าหมาย

4.เดือนแห่งราศีธันว์ (นักธนู) นี่เป็นเวลาต่อสู้กับราชอาณาจักรและวัฒนธรรม จงเฝ้าดูอิสราเอล อเมริกา และประเทศที่ทำสนธิสัญญา ระหว่างประเทศร่วมกัน(covenant nation) (จงเฝ้าดูประเทศอเมริกาที่มีการเลือกตั้งและได้ประธานาธิบดีคนใหม่แล้วและจับตาประเทศอิสราเอลที่จะมีการเลือกตั้งผู้นำประเทศต่อไป)

5.เดือนที่จะเข้าสู่ระดับใหม่แห่งการวางใจและพักสงบ ถ้าเราเชื่อมต่อกับพระเจ้าและสิ่งที่พระองค์บัญชา (เช่น มีใจขอบพระคุณในทุกสิ่ง) แล้วเราจำเป็นต้องเชื่อว่าเราสามารถจัดทัพและยุทธศาสตร์ใหม่และมีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งหลายได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังรู้สึกในความกดดันด้านการเงิน จงอย่ากังวลใจ แต่เลือกที่จะขอบพระคุณแทน ให้แน่ใจว่าคุณมีใจขอบพระคุณในทุกสถานการณ์ยากลำบากที่คุณเผชิญ 
 
1เธสะโลนิกา 5:18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย


โคโลสี 3:17 และเมื่อท่านจะกระทำสิ่งใดด้วยวาจาหรือด้วยกายก็ตาม จงกระทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูเจ้า และขอบพระคุณพระบิดาเจ้า โดยพระองค์นั้น

6.เดือนแห่งตัวอักษร Samekh(ס)ซึ่งดูคล้ายกับวงกลม เล็งถึงความวางใจ ความมั่นใจ การสนับสนุน และการบรรจบ เราอยู่ในฤดูกาลแห่งการพัฒนาความวางใจและความเชื่อมั่น ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ถูกพัฒนา คุณจะพบว่าตัวคุณเองวนอยู่ในวงจรเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และจะไม่ทะลวงเข้าสู่สิ่งใหม่เลย ลองสำรวจชีวิตของยาโคบและโยเซฟ สิ่งต่างๆก็บรรจบลงสำหรับยาโคบเมื่อเขากลับไปที่คานาอันหลังจากทำงานให้กับลาบัน 20 ปี โยเซฟก็ถูกเชื่อมกลับเข้าสู่ครอบครัวของเขาอีกครั้ง

7.เดือนที่จะทบทวนระบบการสนับสนุนของคุณ คุณสนับสนุนใคร ใครสนับสนุนคุณ ใครบ้างเป็นเพื่อนของคุณ

8.เดือนแห่งสายรุ้ง เราต้อง "ทำสงคราม" เพื่อสันติภาพ หลักพระคัมภีร์อันนี้สำคัญมากที่เราจะต้องตระหนักรู้ สันติสุขไม่ใช่ว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นมาเอง เราต้องเลือกที่จะยืนมั่นในความเชื่อ ความชื่นชม และการขอบพระคุณ

9.เดือนแห่งความรู้สึกสงบและมีสันติสุข คุณได้ผ่านอุทกภัยมา พระเจ้าไม่ประสงค์ให้คุณเผชิญมันอีกครั้ง สงครามไม่ใช่แค่การปะทะกับความยุ่งเหยิงสับสนรอบตัวเรา เราต้องเป็นฝ่ายรุก มองให้เห็นว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และมีสันติสุขได้ท่างกลางปัญหานั้น

10.เดือนแห่งความฝัน พระเจ้าได้รวบรวมสิ่งต่างๆไว้ตลอดปี และเดี๋ยวนี้พระองค์กำลังปลดปล่อยสิ่งเหล่านั้นออกมาทางนิมิตในเวลากลางคืน

จงฝันไปกับพระเจ้า และพระเจ้าจะประทานความเข้าใจในการตีความหมายของความฝันให้กับคุณ (จดจำคำสอนในค่ายอิสสาคาร์ เราจะได้รับการสำแดงจากพระเจ้าผ่านความฝัน)

11.คุณอาจจะต้องให้พระเจ้าเยียวยาบาดแผลของคุณเพื่อคุณจะได้หลับได้ดีขึ้น (ความฝันบางอย่างนั้นเพียงแค่พระเจ้าทรงฉายซ้ำความทรงจำในบางสิ่ง ถ้าคุณเคยประสบสิ่งนี้ ก็จงทูลต่อพระองค์ให้เยียวยาคุณจากบาดแผลนั้น แล้วพระองค์จะทรงกระทำ) "พระองค์ประทานแก่ผู้ที่รักของพระองค์ ให้หลับสบาย" (สดด. 127:2)

12.เดือนแห่งช่องท้อง/ครรภ์/ท้องน้อย/แม่น้ำแห่งพระเจ้า มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องระหว่างความเงียบสงบและความสมบูรณ์ กับความสามารถที่จะเข้าใจระดับมาตรฐานใหม่ของคุณ ฝนชุกปลายฤดูนั้นเริ่มเมื่อเดือนกันยายน (เทศกาลอยู่เพิง) และตอนนี้มันกำลังเป็นแม่น้ำที่หลั่งไหล จงคิดถึงแม่น้ำของพระเจ้าในพระธรรม อสค.47 การเปิดเผยสำแดงกำลังดำเนินต่อเนื่อง จากลึกระดับข้อเท้า ระดับเข่า จนสู่การแหวกว่ายไปได้ พระเจ้าต้องการนำเราอยู่ในแม่น้ำนี้ ดังนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องเดินเลย

สายน้ำนั้นเล็งถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในเทศกาลอยู่เพิง ปุโรหิตจะทำพิธีตักน้ำจากสระสิโลอัม พระเยซูได้กล่าวคำเผยพระวจนะว่าพระองค์ทรงเป็นน้ำแห่งชีวิตและพระองค์จะประทานพระวิญญาณแห่งพระสัญญาของพระองค์
ยอห์น 7:37-39
37 ในวันสุดท้ายของงานเทศกาลซึ่งเป็นวันใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนและประกาศว่า "ถ้าผู้ใดกระหาย ผู้นั้นจงมาหาเราและดื่ม
38 ผู้ที่วางใจในเราตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า "แม่น้ำที่มีน้ำธำรงชีวิต จะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น""
39 สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณ ซึ่งผู้ที่วางใจในพระองค์จะได้รับ เหตุว่ายังไม่ได้ประทานพระวิญญาณให้ เพราะพระเยซูยังมิได้ประสบเกียรติกิจ

ในเดือนนี้ขออธิษฐานให้เราก้าวลงลึกมากขึ้นในประสบการณ์แห่งการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ลึกมากขึ้น จนไหลท่วมท้นในชีวิตของเรา สรรเสริญพระเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น