พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมฉลองเทศกาลปัสกา(Passover)
ปัสกาเป็นเทศกาลที่ชนชาติอิสราเอลระลึกถึงวันที่ได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของอียิปต์ (อพยพ 12)
พระยาห์เวห์ทรงใช้โมเสสนำชนชาติอิสราเอลไปยังแผ่นดินคานาอันที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้ชนชาติของพระองค์
12 วันรุ่งขึ้น เมื่อมหาชนที่มาร่วมงานเทศกาล(ปัสกา)นั้นได้ยินว่าพระเยซูเสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม
13 พวกเขาก็ถือทางอินทผลัมพากันออกไปต้อนรับพระองค์ร้องว่า โฮซันนา ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า คือ พระมหากษัตริย์แห่งอิสราเอลทรงพระเจริญ ”
14 และพระเยซูทรงพบลูกลาตัวหนึ่ง จึงทรงลานั้นดังคำที่เขียนไว้ว่า
15 “ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวเลย จงดู กษัตริย์ของเธอเสด็จมา ประทับบนลูกลา”
การที่พระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาที่กรุงเยรูซาเล็ม เป็นไปตามเป้าประสงค์ของพระบิดาที่กำหนดให้พระเยซูคริสต์เป็นแกะปัสกา ที่ถูกฆ่าเพื่อให้โลหิตหลั่งออกเพื่อไถ่นำความรอดมาสู่คนทั้งหลาย
กรุงเยรูซาเล็ม นครแห่งสันติภาพจะสงบสุขเพราะพระเมสสิยาห์(Messiah) ที่คนยิวรอคอย พระองค์เข้ามาถึงแล้ว
กรุงเยรูซาเล็ม นครแห่งสันติภาพจะสงบสุขเพราะพระเมสสิยาห์(Messiah) ที่คนยิวรอคอย พระองค์เข้ามาถึงแล้ว
ตามคำเผยพระวจนะของเศคาริยาห์ กล่าวว่า “ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร่าเริงอย่างยิ่งเถิด โอ บุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย จงโห่ร้อง ดูเถิด กษัตริย์ของเธอเสด็จมาหาเธอ ทรงความยุติธรรมและความรอด พระองค์ทรงอ่อนสุภาพและทรงลา ทรงลูกลา” (เศคาริยาห์ 9:9)
เมื่อพระเยซูคริสต์ได้เสด็จเข้าในเยรูซาเล็ม คนยิวที่รอคอยการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์(Messiah) พวกเขาต้องการแต่งตั้งพระเยซูคริสต์ให้เป็นกษัตริย์ของพวกเขา เพราะประชาชนเห็นการอัศจรรย์ที่พระองค์ทำและพวกเขาคิดว่าพระเยซูคริสต์สามารถนำการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของโรมัน
ประชาชนต่างร้องว่า “โฮซันนา” ซึ่งภาษาเดิมหมายความว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดเถิด” “ขอทรงโปรดให้รอดเดี๋ยวนี้เถิด”
การเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มครั้งนี้
พระเยซูคริสต์ได้เปิดเผยความจริงว่า พระองค์ทรงเดินทางไปสู่เป้าประสงค์ของพระบิดาเพื่อช่วยเราให้รอดจากการเป็นทาสของความบาป ความตาย ไปสู่ความเป็นไทในพระองค์ พระองค์ทรงมาเป็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดของโลกของมวลมนุษยชาติ
การทรงลาของพระเยซูคริสต์ เป็นหมายสำคัญที่บ่งบอกว่า พระองค์เสด็จมาเป็นกษัตริย์ที่จะครองจิตใจของมนุษย์ด้วยความรัก ความถ่อมใจด้วยใจเชื่อฟังเป้าประสงค์ของพระบิดา ตามถ้อยคำจากพระธรรม
ฟิลิปปี 2:3-11
“ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทาน พระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ เพื่อเพราะพระนามนั้นทุกเข่าในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบพระเยซู และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า”
การทรงลาของพระเยซูคริสต์ เป็นหมายสำคัญที่บ่งบอกว่า พระองค์เสด็จมาเป็นกษัตริย์ที่จะครองจิตใจของมนุษย์ด้วยความรัก ความถ่อมใจด้วยใจเชื่อฟังเป้าประสงค์ของพระบิดา ตามถ้อยคำจากพระธรรม
ฟิลิปปี 2:3-11
“ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ แต่ได้กลับทรงสละ และทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทาน พระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์ เพื่อเพราะพระนามนั้นทุกเข่าในสวรรค์ ที่แผ่นดินโลก ใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกลงกราบพระเยซู และเพื่อทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า อันเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระบิดาเจ้า”
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ เป็นพระผู้ช่วยที่จะแบกภาระและรับเอาความผิดบาปของเราทั้งหลาย ดั่งเช่น ลาเป็นพาหนะที่ใช้แบกและขนสัมภาระต่างๆ
ก่อนที่พระเยซูจะถูกจับไปตรึงที่กางเขนในเทศกาลปัสกา มีการรับประทานขนมปังไร้เชื่อ(Matzah) และพระเยซูคริสต์ทรงตั้งพิธีมหาสนิทขึ้นเพื่อให้ระลึกสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา
ลูกา 22:14-17
14เมื่อถึงเวลา พระองค์ประทับลงและเสวยพร้อมกับพวกอัครทูต
15 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เรามีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับประทานปัสกานี้กับท่านก่อนที่เราจะต้องทนทุกข์
16 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่รับประทานปัสกานี้อีกจนกว่าจะสำเร็จ ความหมายของปัสกานั้นในแผ่นดินของพระเจ้า”
17 พระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้วตรัสว่า “จงรับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่ม
18 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มจากผลของเถาองุ่นอีกต่อไปจนกว่าแผ่นดินของพระเจ้าจะมา”
19 พระองค์ทรงหยิบขนมปัง เมื่อขอบพระคุณแล้วก็ทรงหักส่งให้พวกเขา ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย จงทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา”
20 เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่โดยโลหิตของเรา
ก่อนที่พระเยซูจะถูกจับไปตรึงที่กางเขนในเทศกาลปัสกา มีการรับประทานขนมปังไร้เชื่อ(Matzah) และพระเยซูคริสต์ทรงตั้งพิธีมหาสนิทขึ้นเพื่อให้ระลึกสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา
ลูกา 22:14-17
14เมื่อถึงเวลา พระองค์ประทับลงและเสวยพร้อมกับพวกอัครทูต
15 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เรามีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะรับประทานปัสกานี้กับท่านก่อนที่เราจะต้องทนทุกข์
16 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่รับประทานปัสกานี้อีกจนกว่าจะสำเร็จ ความหมายของปัสกานั้นในแผ่นดินของพระเจ้า”
17 พระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้วตรัสว่า “จงรับถ้วยนี้ไปแบ่งกันดื่ม
18 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มจากผลของเถาองุ่นอีกต่อไปจนกว่าแผ่นดินของพระเจ้าจะมา”
19 พระองค์ทรงหยิบขนมปัง เมื่อขอบพระคุณแล้วก็ทรงหักส่งให้พวกเขา ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย จงทำอย่างนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเรา”
20 เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยและทรงทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่โดยโลหิตของเรา
พันธสัญญาใหม่นี้ คือ พันธสัญญาแห่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไข พระเยซูคริสต์มาตายเพื่อเราที่กางเขน พระเยซูแบกความบาปผิดทุกสิ่งไปแทนเราแล้ว เราได้รับการผ่านเว้น(Passover)จากความตาย
พระเยซูคริสต์จึงเป็นอาหารแห่งชีวิต เพื่อเราจะมีชีวิตโดยพระองค์ ตามเป้าประสงค์ของพระบิดา
ยอห์น 6:35-40
35 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย
35 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย
36 แต่เราก็บอกพวกท่านแล้วว่า ท่านเห็นเราแล้วแต่ไม่วางใจ
37 สารพัดที่พระบิดาประทานแก่เราจะมาหาเรา และคนที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่เลย
38 เพราะว่าเราลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา
39 และพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามานั้นก็คือ ให้เรารักษาทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบไว้กับเรา ไม่ให้หายไปสักสิ่งเดียว แต่ทำให้เป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย
40 เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตรและวางใจพระองค์มีชีวิตนิรันดร์ และเราเองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย”ขอบคุณพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์และฟื้นขึ้นจากความตายเป็นการถวายผลแรกในเทศกาลปัสกา
1 โครินธ์ 15:20-25
20 แต่บัดนี้ พระคริสต์ทรงถูกทำให้เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว และทรงเป็นผลแรกของพวกที่ล่วงหลับไป
21 เพราะว่าในเมื่อความตายเกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่ง การเป็นขึ้นจากความตายก็เกิดขึ้นโดยมนุษย์คนหนึ่งเช่นกัน
22 เพราะว่า เช่นเดียวกับที่ทุกคนต้องตายโดยเกี่ยวเนื่องกับอาดัม ทุกคนก็จะได้รับชีวิตโดยเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์
23 แต่ว่าจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก ต่อจากนั้นก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ในเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา
24 แล้วก็จะเป็นเวลาอวสานซึ่งพระคริสต์จะทรงมอบอาณาจักรแด่พระเจ้าพระบิดา และจะทรงทำลายภูตผีที่ครอบครองทั้งหมด ภูติผีที่มีสิทธิอำนาจและที่มีฤทธานุภาพ
25 เพราะว่าพระคริสต์ทรงต้องครอบครองจนกว่าพระเจ้าจะทรง ปราบศัตรูทั้งหมดให้อยู่ใต้พระบาทของพระคริสต์
พระเยซูคริสต์ได้ก้าวออกมาจากหลุมแห่งความตายในเทศกาลปัสกา เพื่อประกาศชัยชนะให้เรายึดมั่นในสิ่งที่พระองค์ทำ เราจึงต้องก้าวตามพระองค์ไปสู่ความก้าวหน้าที่ผ่านอุปสรรคในชีวิต
"ความก้าวหน้า ไม่ใช่เพียงการก้าวให้ทันโลก หรือก้าวล้ำตามใคร หากแต่เป็นก้าวไกลในความเชื่อ และก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่เป้าประสงค์ลิขิตของพระเจ้า"
พระเยซูคริสต์ทรงก้าวเดินมายังกรุงเยรูซาเล็ม ทรงลูกลา และก้าวเดินไปสู่ไม้กางเขนด้วยชัยชนะ
ขอพระเจ้าอวยพรในช่วงเทศกาลปัสกาในปี 2017 ที่จะมาถึงในช่วงเย็นวันที่ 10 - 18 เมษายนนี้นะครับ
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นช่วง Passion week คือสัปดาห์ระลึกถึงการทนทุกข์ของพระเยซูคริสต์ มีสิ่งใดที่เป็นข้อคิด ติดตามบทความในครั้งต่อไปได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น