คุยกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดย Haiyong Kavilar
ปฏิสัมพันธ์ให้ครบสามพระภาค
พระเจ้าของอิสราเอลเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียวที่มีสามพระภาคหรือสามบุคคลอันประกอบด้วย
พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้คนในพันธสัญญาเดิม
มีโอกาสในการปฏิสัมพันธ์กับพระบิดามากที่สุด แต่ยังไม่ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์มากนัก
ต่อมาเมื่อพระบุตรมาบังเกิดในนามพระเยซู
ผู้คนในอิสราเอลก็ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับพระบุตร
ท้ายสุดเมื่อพันธสัญญาใหม่ถูกสถาปนาหลังจากที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
ผู้เชื่อก็ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์
ในจดหมายฝากของเหล่าอัครทูตในพันธสัญญาใหม่ได้กล่าวถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ถึง
24 ครั้ง ทั้งๆที่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้กล่าวถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์เพียง
1 ครั้ง นี่สะท้อนให้เห็นว่าผู้เชื่อในพันธสัญญาใหม่ควรจะคุ้นเคยและเรียนรู้จักกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มากกว่าผู้คนในพันธสัญญาเดิม
ในพระคัมภีร์ได้เชื้อเชิญให้ผู้คนปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าทั้งสามพระภาค
คือทั้งพระบิดา(1 ยอห์น 1:3) พระบุตร(1 โครินธ์ 1:9) และพระวิญญาณบริสุทธิ์(2
โครินธ์ 13:14) แล้วเพื่อนๆเล่าได้ปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าครบทั้ง 3 พระภาคหรือไม่?
แม้ว่าพระบิดา
พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะเป็นหนึ่งเดียวกัน
แต่การปฏิสัมพันธ์กับพระบิดาก็ให้รสชาติแตกต่างไปจากการปฏิสัมพันธ์กับพระบุตร
การปฏิสัมพันธ์กับพระบุตรก็ให้รสชาติที่แตกต่างไปจากการปฏิสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์
การปฏิสัมพันธ์กับพระบิดาให้รสชาติของความสัมพันธ์แบบพ่อลูก
แต่การปฏิสัมพันธ์กับพระบุตรให้รสชาติของผู้เลี้ยงกับแกะหรืออาจเป็นรสชาติของเจ้านายกับผู้รับใช้ก็ได้
ส่วนการปฏิสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็จะเป็นอีกรสชาติหนึ่งที่มีเอกลักษณ์
ซึ่งการปฏิสัมพันธ์กับพระบิดาและพระบุตรก็ไม่อาจแทนที่การปฏิสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้
วิธีปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้า
การปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าไม่ว่าจะเป็นพระภาคใดก็ตาม
สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การอธิษฐาน, การคุย, การสรรเสริญ, การขอบพระคุณ
การอธิษฐานคือการที่เราร้องทูลสิ่งที่เราปรารถนา
เป็นเหมือนการยื่นคำร้องต่อพระเจ้าผู้ทรงเป็นองค์จอมกษัตริย์
ส่วนการคุยกับพระเจ้าคือการที่เราสนทนาพระเจ้าในฐานะเพื่อน บางครั้งเวลาเราเศร้า
เราก็อาจปรับทุกข์กับพระเจ้าโดยการคุยกับพระองค์โดยตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ปลอบประโลม
บางครั้งเวลาเราดีใจ
เราก็อาจคุยกับพระเจ้าอย่างสนุกๆโดยตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นพระสหาย
หรือบางครั้งยามที่เราตื่นเช้า
เราอาจทักทายกับพระเจ้าโดยกล่าวอรุณสวัสดิ์กับพระองค์
การคุยกับการอธิษฐานมีความแตกต่างกัน
การอธิษฐานเน้นในมิติของการร้องทุกข์หรือทูลขอ
แต่การคุยเน้นในมิติของการกระชับความสัมพันธ์
การปฏิสัมพันธ์กับพระเจ้าจึงไม่ควรมีแต่มิติของการอธิษฐานเท่านั้น
แต่ควรมีในมิติของการพูดคุยด้วย
พระเจ้ามิได้ทรงเป็นแค่องค์จอมกษัตริย์ที่รับเรื่องร้องขอของเราเท่านั้น
แต่ทรงเป็นพระสหายด้วย
ออกพระนามพระวิญญาณบริสุทธิ์
การคุยกับพระเจ้าไม่ว่าจะเป็นพระภาคใดก็ตาม
เริ่มต้นจากการที่เราร้องออกพระนามในพระภาคนั้นๆ เช่น ถ้าเราจะคุยกับพระบิดา
เราอาจเริ่มต้นว่า “พระบิดา วันนี้ข้าพระองค์มีความสุขจังเลย...”
หรือถ้าคุยกับพระบุตร เราก็อาจเริ่มต้นว่า “พระเยซู ข้าพระองค์รักพระองค์จังเลย...”
ส่วนการคุยกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราอาจเริ่มต้นว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์
ข้าพระองค์อยากใกล้ชิดพระองค์...” หากเพื่อนๆปรารถนาจะปฏิสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์
จุดเริ่มต้นอย่างหนึ่งคือการออกพระนามของพระองค์ก่อน จากนั้นก็สนทนากับพระองค์
เมื่อเพื่อนๆจะคุยกับพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น
ผมแนะนำให้ออกพระนามเต็มเลย (ออกพระนามว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์” ไม่ใช่แค่
“พระวิญญาณ” เฉยๆ) เพราะเมื่อเราออกพระนามพระวิญญาณบริสุทธิ์
เรากำลังบอกกับพระองค์ว่า พระองค์ทรงเป็นวิญญาณหรือบุคคลที่พิเศษสำหรับเรา
เพราะคำว่าบริสุทธิ์ในภาษาของพระคัมภีร์หมายถึงการแยกไว้เป็นพิเศษ
การที่เราใช้คำว่าบริสุทธิ์กับพระวิญญาณ
เรากำลังบอกกับพระองค์ว่าพระองค์ทรงเป็นคนพิเศษสำหรับเรา
ที่ผ่านมาเพื่อนๆบางคนอาจคุ้นเคยกับการปฏิสัมพันธ์กับพระบิดาและพระบุตร
แต่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับการปฏิสัมพันธ์ต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดังนั้นแล้ว
การเริ่มต้นคุยกับพระองค์โดยออกพระนามพระวิญญาณบริสุทธิ์ก่อน
นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสานสัมพันธ์กับพระองค์ เบนนี่ ฮินน์
(ผู้เขียนหนังสืออรุณสวัสดิ์พระวิญญาณบริสุทธิ์) ได้เอ่ยถึงการปฏิสัมพันธ์กับพระองค์ไว้ว่า
เมื่อเขาได้เข้าใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคลที่เขาสามารถปฏิสัมพันธ์ได้
เมื่อเขาตื่นขึ้นในยามเช้า เขาก็ทักทายพระองค์ว่า “อรุณสวัสดิ์
พระวิญญาณบริสุทธิ์” แล้ววันนี้เพื่อนๆได้ทักทายพระองค์แล้วหรือยัง?
พระเจ้าทรงเป็นความรัก นี่หมายว่าทั้งพระบิดา พระบุตร
และพระวิญญาณบริสุทธิ์ต่างก็เป็นความรักด้วย
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรักเพื่อนๆและปรารถนาอยากจะใกล้ชิดเพื่อนๆ
พระองค์ปรารถนาที่จะค้นลึกเข้าไปในหัวใจของเพื่อนๆ
พระองค์อยากจะปลอบประโลมและซับน้ำตายามที่เพื่อนๆทุกข์ใจ ทรงปรารถนาที่จะหัวเราะและยินดีไปกับเพื่อนๆยามที่เพื่อนๆประสบความสำเร็จ
แท้จริงพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปรารถนาที่จะใกล้ชิดกับเพื่อนๆยิ่งกว่าที่เพื่อนๆอยากจะใกล้ชิดกับพระองค์เสียอีก
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรักเพื่อนๆนะครับ พระองค์ทรงเป็นทั้งผู้ปลอบโยน
ผู้ให้กำลังใจ และเป็นพระองค์ผู้ทรงช่วยเหลือเรา
เมื่อเพื่อนๆอ่านพระคัมภีร์เพื่อนๆอาจคุยกับพระวิญญาณบริสุทธ์ก่อนว่า
“พระวิญญาณบริสุทธิ์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้เข้าใจในพระวจนะด้วย”
หรือยามที่เพื่อนๆประสบความสำเร็จ เพื่อนๆอาจคุยกับพระองค์ว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอบคุณพระองค์ที่ช่วยเหลือข้าพระองค์เสมอมา”
หรือเวลาทำงานเพื่อนๆก็อาจคุยกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอพระองค์เสริมกำลังข้าพระองค์ในการทำงานด้วย” พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงพร้อมที่จะเข้ามาช่วยเหลือเพื่อนๆและให้กำลังใจเพื่อนๆ
การสรรเสริญและการขอบพระคุณ
การสรรเสริญพระเจ้าคือการที่เรายกย่องหรีอชื่นชมพระองค์
การสรรเสริญไม่ควรจะเล็งไปที่พระบิดาเพียงพระภาคเดียวเท่านั้น
แต่ควรจะสรรเสริญทั้งพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย
ทั้งพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสมควรได้รับการสรรเสริญเหมือนกับพระบิดา
การสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น
อาจทำในรูปแบบที่เป็นทางการหรือแบบสบายๆก็ได้
ตัวอย่างของการสรรเสริญแบบเป็นทางการอาจจะสรรเสริญว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสมควรได้รับการยกย่อง
ขอให้พระนามของพระองค์ได้รับเกียรติ” ส่วนการสรรเสริญแบบสบายๆอาจจะเป็นการพูดกับพระองค์ว่า
“พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงน่ารัก ทรงดีต่อข้าพระองค์อย่างมากมาย”
การสรรเสริญพระวิญญาณบริสุทธิ์แบบสบายๆนั้น สามารถทำได้ควบคู่กับการคุยกับพระองค์
เช่น ระหว่างที่คุยกับพระองค์ เราอาจสรรเสริญพระองค์ว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ข้าพระองค์รักพระองค์
และข้าพระองค์ขอมอบหัวใจแด่พระองค์”
การขอบพระคุณพระเจ้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรจะมอบให้แด่พระบิดาเพียงพระภาคเดียวเท่านั้น ผู้เชื่อควรจะขอบพระคุณทั้งพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย
การขอบพระคุณพระเจ้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรจะมอบให้แด่พระบิดาเพียงพระภาคเดียวเท่านั้น ผู้เชื่อควรจะขอบพระคุณทั้งพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วย
การขอบพระคุณพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็อาจเริ่มต้นได้ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับการคุยกับพระองค์
ซึ่งเริ่มต้นโดยออกพระนามของพระองค์ก่อน จากนั้นจึงขอบพระคุณพระองค์ เช่น “พระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอบคุณพระองค์ที่ทรงรักและดีต่อข้าพระองค์อย่างมากมาย” หรือ “พระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเสริมกำลังข้าพระองค์ในการทำงานที่ผ่านมา” หรือ “พระวิญญาณบริสุทธิ์
ขอบคุณพระองค์ที่ทรงอยู่กับข้าพระองค์
และขอบคุณพระองค์ที่ช่วยเหลือข้าพระองค์เสมอมา”
โอ ขอให้การปฏิสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับพวกเรา
จงมีครบทั้งสามพระภาคเถิด
แนะนำหนังสือเพิ่มเติม
สำหรับเพื่อนๆที่ปรารถนาจะเข้าใจการปฏิสัมพันธ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้มากขึ้น
ผมขอแนะนำหนังสือ “อรุณสวัสดิ์ พระวิญญาณบริสุทธิ์” ที่เขียนโดย เบนนี่ ฮินน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น