15 กันยายน 2560

ผู้พิพากษา ในกรอบความคิดแบบฮีบรู ไม่ใช่ผู้ลงโทษ

บทความ เรื่อง "ผู้พิพากษา ในกรอบความคิดแบบฮีบรู ไม่ใช่ผู้ลงโทษ" 

โดย Philip Kavilar

        เมื่อกล่าวถึง ผู้พิพากษา พวกเรามักนึกถึง คนที่นั่งอยู่ในบัลลังก์ของศาล เพื่อพิจารณาความผิดของจำเลย แล้วกำหนดโทษให้กับจำเลย นี่เป็นกรอบความคิดของผู้พิพากษาในความคิดของคนทั่วไป ทว่า ในพระคัมภีร์หรือในกรอบความคิดแบบฮีบรู ได้กล่าวถึงผู้พิพากษาในอีกมิติ 

            ผู้พิพากษา มาจากภาษาอังกฤษคือคำว่า Judge ซึ่งบางครั้งคำว่า Judge สามารถแปลเป็น “ผู้วินิจฉัย” ก็ได้ พระคัมภีร์ภาษาไทยก็ได้แปลชื่อพระธรรม Judge ว่า “ผู้วินิจฉัย” ในพระธรรมผู้วินิจฉัยนี่เอง ที่พวกเราจะค้นพบถึง กรอบความคิดของพระคัมภีร์เกี่ยวกับคำว่า ผู้พิพากษาหรือผู้วินิจฉัย

            ในพระธรรมผู้วินิจฉัย มักจะเป็นเหตุการณ์ของคนอิสราเอลที่กำลังตกต่ำและมีปัญหา และในทันใดนั้น ก็เกิดวีรบุรุษขึ้นมา โดยวีรบุรุษเหล่านี้เป็นบุคคลที่เห็นถึงปัญหาของคนอิสราเอลในขณะนั้น ทว่าพวกเขาไม่ได้หยุดอยู่กับการเห็นปัญหา แต่พวกเขาได้รับการเจิมจากพระเจ้าและนำการปลดปล่อยคนอิสราเอลให้หลุดพ้นจากปัญหาในยุคนั้นๆ วีรบุรุษที่ช่วยกู้อิสราเอลในแต่ละยุคนั้น พระคัมภีร์ได้เรียกคนเหล่านั้นว่า Judge อันแปลว่า ผู้วินิจฉัย หรือ ผู้พิพากษา ในกรอบความคิดของพระคัมภีร์ ผู้พิพากษา จึงไม่ใช่ผู้ที่อยู่บนบัลลังก์ศาล แล้วกำหนดโทษให้กับจำเลย ในกรอบความคิดของพระคัมภีร์ ผู้พิพากษา หมายถึง ผู้ที่เห็นถึงปัญหาหรือความผิดของผู้คน แล้วเข้าไปช่วยกู้คนเหล่านั้นให้พ้นจากปัญหาและพันธนาการ

            ตัวอย่างเด็ดๆของ ผู้พิพากษา ก็คือ พระเยซู การเป็นผู้พิพากษาของพระเยซู ไม่ได้หมายถึง การนั่งอยู่บนบัลลังก์แล้วคอยกำหนดโทษให้กับผู้คน แต่การเป็นผู้พิพากษาของพระเยซูก็คือ การที่พระองค์ทรงเห็นถึงปัญหาและความบาปของมนุษย์ แล้วพระองค์ก็ทรงเสด็จลงมาบังเกิดเพื่อปลดปล่อยผู้คนให้เป็นอิสระ การเป็นผู้พิพากษาของพระเยซูคือการที่พระองค์เสด็จลงมาช่วยกู้ ไม่ใช่เอาแต่นั่งอยู่บนบัลลังก์ แน่นอนในอนาคตหลังจากยุคพันปี พระเยซูจะทรงกำหนดโทษให้กับผู้ที่ไม่เชื่อ ณ พระที่นั่งใหญ่สีขาว กระนั้น พันธกิจหลักของพระเยซู ไม่ใช่การกำหนดโทษ แต่เป็นการช่วยกู้

            เมื่อเพื่อนๆเห็นถึงปัญหาของสังคมหรือปัญหาของคริสตจักร พันธกิจแห่งการเป็นผู้พิพากษาของเพื่อนๆไม่ใช่การเห็นถึงปัญหาแล้วเอาแต่บ่นหรือกล่าวโทษ แต่พันธกิจแห่งการเป็นผู้พิพากษาก็คือ การเข้าไปช่วยกู้ผู้คนที่อยู่ในปัญหาเหล่านั้น การที่เพื่อนๆเห็นถึงปัญหาใดในสังคม เพื่อนๆไม่ได้มีพันธกิจในการบ่นหรือกล่าวโทษผู้คน แต่พันธกิจของเพื่อนๆคือเข้าไปช่วยกู้ผู้คนและสังคมให้พ้นจากปัญหาเหล่านั้น

เมื่อเพื่อนๆเห็นถึงปัญหาในโบสถ์ หลายครั้งหลายครา พระเจ้าทรงให้เพื่อนๆเห็นปัญหา เพื่อที่ว่าเพื่อนๆจะทำหน้าที่แห่งการเป็นผู้พิพากษา นั่นคือ การเข้าไปช่วยกู้ผู้คนให้พ้นจากปัญหาเหล่านั้น หลายครั้งหลายครา ปัญหาที่เพื่อนๆมองเห็นหรือปัญหาที่เพื่อนๆรู้สึกตระหนักมากๆ มักจะเป็นปัญหาที่พระเจ้าทรงอยากให้เพื่อนๆไปช่วยกู้ หลายครั้ง ภาระที่อยู่ในหัวใจของเรา หรือ ปัญหาที่เรามองเห็น มักจะเป็นขอบเขตแห่งการพันธกิจที่พระเจ้าประทานให้กับเพื่อนๆเพื่อไปช่วยกู้

บางที เพื่อนๆอาจสงสัยว่า พระเจ้าอยากจะให้เพื่อนๆทำพันธกิจอะไรหรือรับใช้ในด้านไหน? คำตอบหรือเส้นทางแห่งพันธกิจที่พระเจ้ามอบให้กับเพื่อนๆก็คือ การเข้าไปช่วยกู้ในปัญหาที่เพื่อนๆมองเห็นนั่นแหละ หากเพื่อนๆไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเข้าไปช่วยกู้อย่างไรดี จุดเริ่มต้นที่ดีในการทำพันธกิจแห่งการเป็นผู้พิพากษาก็คือ การอธิษฐานเผื่อเป็นประจำ เอาหล่ะ ให้พวกเรามาเป็นผู้พิพากษากันเถิด!


คำขอบคุณ
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคุณ Kainos การมีอยู่ของคุณช่วยเสริมสร้างผมในหลายๆทาง โดยเฉพาะเรื่องของการเขียน

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับ Harold Eberle เกร็ดต่างๆในหนังสือของคุณช่วยเสริมสร้างผมอย่างดีเยี่ยม

1 ความคิดเห็น:

  1. ยอห์น 3 :17-19
    17 เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงใช้พระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อจะพิพากษาโลก
    แต่เพื่อช่วยโลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
    18 ผู้ที่เชื่อในพระบุตรก็ไม่ต้องถูกพิพากษา
    แต่ผู้ที่มิได้เชื่อก็ต้องถูกพิพากษาอยู่แล้ว
    เพราะเขามิได้เชื่อในพระนามพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า
    19 หลักของการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว
    แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง
    เพราะกิจการของเขาชั่ว

    ตอบลบ