บทความเรื่อง เพลงชาวโลกเป็นมลทินจริงหรือ ? โดย Philip Kavilar
มีศัพท์คำหนึ่งที่ไม่ปรากฏในพระคัมภีร์แต่ก็เป็นศัพท์ที่มีคนใช้กัน ก็คือคำว่า “เพลงชาวโลก”คำนี้มักจะหมายถึงเพลงรักหรือเพลงทั่วๆไปที่ไม่ใช่เพลงนมัสการการที่ผู้เชื่อใช้คำนี้มักจะสะท้อนถึงความหมายที่ว่าเพลงทั่วๆไปถือเป็นสิ่งไม่บริสุทธิ์
ในความคิดของบางคนมองว่าเพลงทั่วไปเป็นของฝ่ายโลกเป็นของมลทินบางคนจึงรู้สึกผิดเมื่อฟังเพลงทั่วไปและรู้สึกผิดเมื่อเพลิดเพลินไปกับเพลงเหล่านั้น ความรู้สึกผิดแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในศาสนาคริสต์เท่านั้นแต่เกิดขึ้นในหลายๆศาสนาด้วย โดยเฉพาะศาสนาที่มีการแยกทางโลกกับทางธรรมศาสนาเหล่านี้มักจะมองว่าเพลงทั่วไปเป็นตัวชักจูงผู้คนให้ห่างจากทางธรรมมีบางนิกายถึงขั้นมองว่าการร้องเพลงเป็นความบาปเลยทีเดียวแต่ก่อนผมก็เคยมีความคิดที่ว่าเพลงทั่วไปเป็นของฝ่ายโลก เป็นสิ่งมลทิน
จนกระทั่งผมได้ศึกษากรอบความคิดแบบฮีบรูหลังจากนั้นความคิดของผมก็เปลี่ยนไป เมื่อผมได้เข้าใจกรอบความคิดแบบฮีบรูผมยิ่งทึ่งในพระปัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เนรมิตสร้างสรรพสิ่งโดยมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง เพลงรักหรือเพลงทั่วๆไปไม่ได้เป็นสิ่งมลทินแต่เพลงรักหลายๆเพลงสะท้อนถึงความรักที่พระคริสต์มีต่อคริสตจักรสะท้อนถึงหัวใจที่สั่นไหวของพระองค์เมื่อได้พบเจ้าสาวที่พระองค์ทรงรักเป็นที่ทราบกันดีว่าพระคัมภีร์ ให้ภาพของความรักระหว่างพระบิดากับคนของพระองค์เป็นพ่อกับลูกและให้ภาพของความรักระหว่างพระคริสต์กับคนของพระองค์เป็นเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเมื่อเพลงรักได้ถูกประพันธ์ขึ้นเพลงเหล่านี้ได้สะท้อนถึงหลักความจริงฝ่ายวิญญาณที่พระคริสต์มีต่อคริสตจักร แม้ว่าเพลงเหล่านี้จะประพันธ์โดยผู้ไม่เชื่อก็ตามเพราะสัญชาตญาณฝ่ายวิญญาณเรื่องความรักระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรถูกปลูกฝังอยู่ในมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างทุกคนผู้เชื่อจึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรือต้องสารภาพบาปเมื่อฟังเพลงรักทั่วๆไป
จนกระทั่งผมได้ศึกษากรอบความคิดแบบฮีบรูหลังจากนั้นความคิดของผมก็เปลี่ยนไป เมื่อผมได้เข้าใจกรอบความคิดแบบฮีบรูผมยิ่งทึ่งในพระปัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เนรมิตสร้างสรรพสิ่งโดยมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง เพลงรักหรือเพลงทั่วๆไปไม่ได้เป็นสิ่งมลทินแต่เพลงรักหลายๆเพลงสะท้อนถึงความรักที่พระคริสต์มีต่อคริสตจักรสะท้อนถึงหัวใจที่สั่นไหวของพระองค์เมื่อได้พบเจ้าสาวที่พระองค์ทรงรักเป็นที่ทราบกันดีว่าพระคัมภีร์ ให้ภาพของความรักระหว่างพระบิดากับคนของพระองค์เป็นพ่อกับลูกและให้ภาพของความรักระหว่างพระคริสต์กับคนของพระองค์เป็นเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเมื่อเพลงรักได้ถูกประพันธ์ขึ้นเพลงเหล่านี้ได้สะท้อนถึงหลักความจริงฝ่ายวิญญาณที่พระคริสต์มีต่อคริสตจักร แม้ว่าเพลงเหล่านี้จะประพันธ์โดยผู้ไม่เชื่อก็ตามเพราะสัญชาตญาณฝ่ายวิญญาณเรื่องความรักระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรถูกปลูกฝังอยู่ในมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างทุกคนผู้เชื่อจึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรือต้องสารภาพบาปเมื่อฟังเพลงรักทั่วๆไป
กรอบความคิดแบบฮีบรูมองว่าสรรพสิ่งในโลกกายภาพสะท้อนถึงพระคริสต์ในฝ่ายวิญญาณและจุดสูงสุดจุดหนึ่งของพระคัมภีร์ก็คือ การสมรสระหว่างพระเมษโปดกกับเจ้าสาว
เท่าที่ผมสังเกตภาพยนตร์หรือละครแทบทุกเรื่องต้องจบลงที่การแต่งงานระหว่างพระเอกกับนางเองเพลงทั่วไปหลายๆเพลงก็เป็นเพลงที่เน้นเกี่ยวกับความรักระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวถ้าเรามองสื่อบันเทิงเหล่านี้ในกรอบความคิดแบบฮีบรูเราจะมองเห็นว่าสื่อบันเทิงต่างๆในโลกกำลังสะท้อนถึงความรักระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรพระเจ้าทรงให้ความรักของพระคริสต์กับเจ้าสาวถูกฝังลึกอยู่ในจิตของมนุษย์จนเรื่องราวของความรักนี้สะท้อนออกมาในสื่อบันเทิงต่างๆหลังจากที่ผมได้เข้าใจกรอบความคิดแบบฮีบรู ผมจึงไม่รู้สึกผิดเมื่อฟังเพลงทั่วไปแต่กลับรู้สึกทึ่งถึงพระปัญญาของพระเจ้าที่ให้เพลงเหล่านี้สะท้อนถึงความรักของพระคริสต์และคริสตจักรซึ่งเป็นจุดสูงสุดอย่างหนึ่งของพระคัมภีร์
เท่าที่ผมสังเกตภาพยนตร์หรือละครแทบทุกเรื่องต้องจบลงที่การแต่งงานระหว่างพระเอกกับนางเองเพลงทั่วไปหลายๆเพลงก็เป็นเพลงที่เน้นเกี่ยวกับความรักระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาวถ้าเรามองสื่อบันเทิงเหล่านี้ในกรอบความคิดแบบฮีบรูเราจะมองเห็นว่าสื่อบันเทิงต่างๆในโลกกำลังสะท้อนถึงความรักระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรพระเจ้าทรงให้ความรักของพระคริสต์กับเจ้าสาวถูกฝังลึกอยู่ในจิตของมนุษย์จนเรื่องราวของความรักนี้สะท้อนออกมาในสื่อบันเทิงต่างๆหลังจากที่ผมได้เข้าใจกรอบความคิดแบบฮีบรู ผมจึงไม่รู้สึกผิดเมื่อฟังเพลงทั่วไปแต่กลับรู้สึกทึ่งถึงพระปัญญาของพระเจ้าที่ให้เพลงเหล่านี้สะท้อนถึงความรักของพระคริสต์และคริสตจักรซึ่งเป็นจุดสูงสุดอย่างหนึ่งของพระคัมภีร์
คำขอบคุณ
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคุณKainosการเขียนเมลไปหาท่าน ช่วยขัดเกลาทักษะการเขียนของผมได้ดีทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น