บทความเรื่อง "กรอบความคิดแบบฮีบรู" #1 โดย Philip Kavilar (Haiyong)
ชาโลมครับเพื่อนๆ
ช่วงที่ผ่านมามีเรื่องหนึ่งที่ได้เปลี่ยนความคิดผมไปมากและเป็นเรื่องหนึ่งที่ผมอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆฟัง
ก็คือเรื่องกรอบความคิดแบบฮีบรู (Hebrew Mindset) เราทุกคนที่เป็นชาวต่างชาติมักจะได้รับอิทธิพลจากกรอบความคิดแบบกรีก
(Greek Mindset) มาอย่างไม่รู้ตัว
มีเพียงชนชาติอิสราเอลที่ถูกปลูกฝังกรอบความคิดแบบฮีบรู
ด้วยกรอบความคิดแบบฮีบรูนี่เองที่ทำให้ชาวยิวมีอิทธิพลต่อโลกในหลายด้าน
กรอบความคิดแบบกรีกได้รับอิทธิพลมาจากปรัชญาของเพลโต
ที่แยกโลกฝ่ายวิญญาณกับโลกฝ่ายกายภาพออกจากกัน
กรอบความคิดแบบกรีกมองว่าโลกฝ่ายวิญญาณเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แต่โลกฝ่ายกายภาพเป็นสิ่งมลทิน
ด้วยกรอบความคิดนี้ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่าฝ่ายวิญญาณ เช่น การอธิษฐาน การนมัสการ
และการมาคริสตจักร เป็นสิ่งบริสุทธิ์ ส่วนฝ่ายกายภาพ เช่น การทำงานอาชีพ
การกินอาหาร และการใช้เงิน เป็นสิ่งมลทิน
กรอบความคิดแบบกรีกนี้สะท้อนอยู่ในหลายๆศาสนาที่มักจะพาให้ผู้คนออกจากโลก(ฝ่ายกายภาพ)
เพื่อให้ใส่ใจแต่ทางธรรม(ฝ่ายวิญญาณ)อย่างเดียว
กรอบความคิดแบบกรีกนี้ยังมีผลต่อศาสนาคริสต์ด้วย
ทำให้ชาวคริสต์บางท่านใส่ใจแต่ชีวิตการอธิษฐานและการมาคริสตจักร
ส่วนชีวิตการทำงานกลับละเลยและไม่กล้าที่จะมีความสุขกับสิ่งของทางกายภาพที่พระเจ้าทรงสร้างมา
กรอบความคิดแบบฮีบรูมองว่าโลกฝ่ายกายภาพกับโลกฝ่ายวิญญาณนั้นเชื่อมติดกันและแยกกันไม่ออก
กรอบความคิดแบบฮีบรูมองว่าโลกฝ่ายวิญญาณและโลกฝ่ายกายภาพเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ทั้งคู่
กรอบความคิดแบบฮีบรูมองว่าโลกฝ่ายกายภาพเป็นการทรงสร้างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า
โลกฝ่ายกายภาพจึงเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ในสายตาของพระเจ้า
ดังนั้นในกรอบความคิดแบบฮีบรู การทำงานอาชีพ การกินอาหาร และการใช้เงิน
ไม่ได้เป็นสิ่งมลทินแต่ประการใด สิ่งเหล่านี้ก็บริสุทธิ์พอๆกับการอธิษฐาน
การนมัสการ และการมาคริสตจักร แท้จริงแล้วรากศัพท์คำหนึ่งของคำว่า นมัสการ ในภาษาฮีบรูยังหมายถึง
การทำงาน ด้วย ดังนั้นกรอบความคิดแบบฮีบรูจึงมองว่าการทำงานอาชีพเป็นสิ่งบริสุทธิ์และเป็นการนมัสการพระเจ้า
ด้วยกรอบความคิดแบบฮีบรูที่มองว่าโลกฝ่ายกายภาพกับโลกฝ่ายวิญญาณเชื่อมติดกัน
โลกฝ่ายกายภาพจึงสะท้อนถึงสิ่งต่างๆในโลกฝ่ายวิญญาณ เช่น
สถาบันครอบครัวถูกสร้างมาเพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระบิดากับพระบุตร
น้ำถูกสร้างมาเพื่อสะท้อนว่าพระคริสต์ทรงเป็นการชำระและการดับกระหาย
แผ่นดินถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสะท้อนว่าพระคริสต์ทรงเป็นฐานที่มั่นของสิ่งต่างๆ
แท้จริงแล้วสรรพสิ่งในโลกกายภาพล้วนสะท้อนถึงพระคริสต์ทั้งนั้น เช่น
อาหารสะท้อนถึงพระคริสต์ทรงเป็นอาหารแท้ แสงสว่างสะท้อนถึงพระคริสต์ทรงเป็นความสว่างแท้
บ้านที่เราอาศัยก็สะท้อนถึงพระคริสต์ทรงเป็นที่พักอาศัยแท้ของเรา
สีต่างๆในโลกฝ่ายกายภาพก็สะท้อนถึงพระคริสต์ เช่น
สีแดงเล็งถึงพระโลหิตของพระคริสต์ สีทองเล็งถึงพระสิริของพระคริสต์
สีฟ้าเล็งถึงพระคริสต์ทรงเป็นสิ่งของฝ่ายสวรรค์ สรุปได้ว่าสรรพสิ่งถูกสร้างโดยพระองค์และเพื่อพระองค์
นี้แหละคือพระปัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เนรมิตสร้างสรรพสิ่งโดยมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง
(โคโลสี 1:16) เพราะว่าโดยพระองค์[พระคริสต์]ทุกสิ่งได้รับการทรงสร้างขึ้น
ทั้งสิ่งที่อยู่บนท้องฟ้าและบนแผ่นดินโลก ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น… ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์[พระคริสต์]และเพื่อพระองค์[พระคริสต์]
พ่อผู้ที่เป็นบิดาฝ่ายกายภาพเป็นแบบเล็งของพระเจ้าที่เป็นพระบิดาฝ่ายวิญญาณ
อาหารฝ่ายกายภาพที่เรากินก็เป็นแบบเล็งของพระคริสต์ที่เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ
แม้แต่บ้านฝ่ายกายภาพก็เป็นแบบเล็งของพระคริสต์ที่เป็นบ้านและที่พักฝ่ายวิญญาณ
สรุป
โลกฝ่ายกายภาพกับโลกฝ่ายวิญญาณไม่ได้แยกจากกันตามกรอบความคิดแบบกรีก
แต่โลกฝ่ายกายภาพกับโลกฝ่ายวิญญาณพัวพันกันและเป็นหนึ่งเดียวกัน
สรรพสิ่งในโลกฝ่ายกายภาพไม่ได้เป็นสิ่งมลทิน แต่สะท้อนถึงหลักความจริงหลายๆอย่างในฝ่ายวิญญาณด้วย
ขอขอบคุณ
คุณ
Munin
สำหรับการวาดรูปประกอบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น