06 ตุลาคม 2560

พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มีความรู้สึก

บทความเรื่อง "พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มีความรู้สึก" โดย Philip Kavilar

ปัญหาหนึ่งที่เพื่อนๆบางคนมีเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็คือ ความรู้สึกที่มองว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพลังงานหรือฤทธิ์เดช โดยไม่ได้มองว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคลที่ดีใจได้หรือเสียใจได้ หากเพื่อนๆไม่ได้รู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นบุคคล โอกาสที่เพื่อนๆจะรู้สึกสนิทสนมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เป็นไปได้ยาก คนเราจะรู้สึกสนิทสนมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็ต้องเกิดจากการตระหนักว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นสิ่งของหรือพลังงาน แต่พระองค์เป็นบุคคลที่มีความรู้สึกและความคิดเป็นของตัวเอง 
ในที่นี้ผมมุ่งเน้นให้เพื่อนๆได้เกิดความเข้าใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคลที่มีความรู้สึก พระองค์ทรงยินดีไปกับเพื่อนๆได้และรู้สึกทุกข์ไปกับเพื่อนๆได้ โดยเนื้อหาในบทความนี้ผมจะดึงมาจากบางส่วนของหนังสือ Systematic Theology for the New Apostolic Reformation (ศาสนศาสตร์ระบบสำหรับการปฏิรูปเรื่องอัครทูตครั้งใหม่) ที่เขียนโดย Harold Eberle (ฮาร์โรลด์ เอเบอร์เล)
           พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นบุคคล และพระองค์ทรงเป็นพระภาคที่สามของตรีเอกานุภาพ  

พระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระเจ้าพระบิดา
พระนาม “พระวิญญาณบริสุทธิ์” กับ “พระวิญญาณของพระเจ้า” มีการใช้สลับกันไปในพระคัมภีร์ เช่น (มัทธิว 12:28,32) นี่หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กับพระวิญญาณของพระเจ้า คือบุคคลเดียวกัน
 มีข้อพระคัมภีร์หลายข้อที่แสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระเจ้าพระบิดา เช่น ใน (ยอห์น 15:26) พระเยซูได้อธิบายว่า “…คือ​พระ​วิญ​ญาณ​แห่ง​ความ​จริง​ซึ่ง​มา​จาก​พระ​บิดา​นั้น...” หรือใน (สดุดี 104:30) ก็ได้กล่าวในทิศทางเดียวกัน การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดานั้น แสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มีเนื้อแท้ที่ไม่ต่างไปจากพระบิดา พระบิดากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้าด้วย
เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดา และพระองค์ได้ทรงเทพระวิญญาณมายังโลกนี้ตาม (กิจการ 2:33) เห็นได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดาโดยถ่ายเทลงมาผ่านพระบุตร ด้านหนึ่งจึงกล่าวได้ว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดาและพระบุตร

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคล
ต่อมาพวกเราจำต้องตระหนักว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคล ไม่ใช่ฤทธิ์เดชหรือพลังงานที่ออกมาจากพระบิดา
มีวิธีหลายๆวิธีที่พวกเราใช้แยกแยะว่าอะไรเป็นบุคคลและอะไรเป็นสิ่งของ สิ่งหนึ่งที่บุคคลมีแต่สิ่งของไม่มีก็คือความปรารถนา ซึ่งเห็นได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีความปรารถนา เมื่อเปาโลอธิบายเกี่ยวกับของประทานใน (1 โครินธ์ 12:11) เขากล่าวว่า “พระ​วิญ​ญาณ​องค์​เดียว​กัน​ทรง​ทำ​และ​จัดสรร​สิ่ง​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด​แก่​แต่​ละ​คน​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​[ความปรารถนา]พระ​องค์” นอกจากนี้พวกเรายังเห็นถึงความปรารถนาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงห้ามเปาโลในการทำพันธกิจ ณ บางพื้นที่ ตาม (กิจการ 16:6-7) การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีความปรารถนาของตัวเองชี้ให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคลจริงๆ
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีพันธกิจที่แตกต่างไปจากพระบิดาและพระบุตร ซึ่งพระเยซูได้อธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์หลังจากที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
(ยอห์น 14:16) เรา​จะ​ทูล​ขอ​พระ​บิดา และ​พระ​องค์​จะ​ประ​ทาน​ผู้​ช่วย​อีก​ผู้​หนึ่ง​ให้​กับ​พวก​ท่าน เพื่อ​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​ตลอด​ไป
จากพันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นทั้งผู้ปลอบโยน ผู้ให้คำปรึกษา ผู้ช่วยเหลือ ผู้ให้กำลังใจ
เปาโลได้เขียนใน (1 โครินธ์ 2:10) ว่า “…เพราะ​ว่า​พระ​วิญ​ญาณ​ทรง​หยั่ง​รู้​ทุก​สิ่ง​แม้​เป็น​ความ​ล้ำ​ลึก​ของ​พระ​เจ้า” นี่ชี้ให้เห็นถึงพระลักษณะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่หยั่งรู้ถึงความล้ำลึกของพระเจ้าพระบิดา
ในพระคัมภีร์มีหลายครั้งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดพันธกิจต่างๆ เช่นใน (กิจการ 13:2) เขียนไว้ว่า
(กิจการ 13:2) ...พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​ตรัส​สั่ง​ว่า “จง​ตั้ง​บาร​นา​บัส​กับ​เซา​โล​ไว้​สำ​หรับ​งาน​ที่​เรา​เรียก​ให้​พวก​เขา​ทำ​นั้น
นี่ไม่ได้หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงริเริ่มทำกิจที่ขัดกับความปรารถนาของพระเจ้าพระบิดา แต่ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้เปิดเผยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำกิจต่างๆเฉกเช่นบุคคลคนหนึ่ง
ในพระคัมภีร์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงถูกเรียกด้วยสรรพนามที่เป็นบุคคล เช่น “พระองค์”(He หรือ Him) พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ถูกเรียกโดยสรรพนาม “มัน”(It) อันเป็นสรรพนามของวัตถุ ด้วยสรรพนามที่เป็นบุคคลแสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นมากกว่าฤทธิ์เดชของพระบิดา พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่สามของตรีเอกานุภาพ
  
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเท่าเทียมกับพระบิดาและพระบุตร
ก่อนหน้านี้ พวกเราได้เห็นถึงข้อพระคัมภีร์หลายข้อที่ชี้ถึงสามบุคคลในตรีเอกานุภาพ อันเป็นเรื่องที่ได้กล่าวไว้แล้ว แต่ให้พวกเรามาดูการกล่าวถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์กับพระบิดาและพระบุตรในพระคัมภีร์ โดยดูจากลำดับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ ซึ่งแท้จริงแล้วมีบางข้อพระคัมภีร์ที่ให้พระนามพระบิดาเขียนขึ้นก่อนเป็นลำดับแรก บางข้อพระคัมภีร์ก็เขียนให้พระนามพระบุตรขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก และบางข้อพระคัมภีร์ก็ได้เขียนพระนามของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นก่อนเป็นลำดับแรก ตัวอย่างเช่นใน (มัทธิว 28:19) ได้กล่าวถึงพระบิดาเป็นลำดับแรก
(มัทธิว 28:19) เพราะ​ฉะนั้น ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออก​ไป​และ​นำ​ชน​ทุก​ชาติ​มา​เป็น​สา​วก​ของ​เรา จง​บัพ​ติศ​มา​พวก​เขา​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​บิดา พระ​บุตร และ​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์
ใน (2 โครินธ์ 13:14) ได้กล่าวถึงพระบุตรก่อนเป็นลำดับแรก
(2 โครินธ์ 13:14) ขอ​ให้​พระ​คุณ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า และ​การ​มี​ส่วน​กัน​ที่​มา​จาก​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์ จง​ดำ​รง​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทุก​คน​เถิด
ใน (1 โครินธ์ 12:4-6) ได้กล่าวถึงพระวิญญาณเป็นลำดับแรก
(1 โครินธ์ 12:4-6) ของ​ประ​ทาน​นั้น​มี​ต่างๆ กัน แต่​มี​พระ​วิญ​ญาณ​องค์​เดียว​กัน การ​ปรน​นิ​บัติ​มี​ต่างๆ กัน แต่​มี​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​องค์​เดียว​กัน กิจ​กรรม​มี​ต่างๆ กัน แต่​มี​พระ​เจ้า​องค์​เดียว​กัน​เป็น​ต้น​เหตุ​แห่ง​กิจ​กรรม​ทั้ง​หมด​ใน​ทุก​คน
ถ้าพระบิดาใหญ่กว่าพระบุตรและพระวิญญาณ ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ก็ควรจะขึ้นต้นด้วยพระบิดาก่อนเสมอ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ แม้ว่าพวกเราจะกำหนดว่าพระบุตรทรงเป็นพระภาคที่สองและพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระภาคที่สาม แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วทั้งพระบุตรกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเท่าเทียมกับพระบิดาปัญหาหนึ่งที่เพื่อนๆบางคนมีเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็คือ ความรู้สึกที่มองว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพลังงานหรือฤทธิ์เดช โดยไม่ได้มองว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคลที่ดีใจได้หรือเสียใจได้ หากเพื่อนๆไม่ได้รู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นบุคคล โอกาสที่เพื่อนๆจะรู้สึกสนิทสนมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เป็นไปได้ยาก คนเราจะรู้สึกสนิทสนมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็ต้องเกิดจากการตระหนักว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้เป็นสิ่งของหรือพลังงาน แต่พระองค์เป็นบุคคลที่มีความรู้สึกและความคิดเป็นของตัวเอง
ในที่นี้ผมมุ่งเน้นให้เพื่อนๆได้เกิดความเข้าใจว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคลที่มีความรู้สึก พระองค์ทรงยินดีไปกับเพื่อนๆได้และรู้สึกทุกข์ไปกับเพื่อนๆได้ โดยเนื้อหาในบทความนี้ผมจะดึงมาจากบางส่วนของหนังสือ Systematic Theology for the New Apostolic Reformation (ศาสนศาสตร์ระบบสำหรับการปฏิรูปเรื่องอัครทูตครั้งใหม่) ที่เขียนโดย Harold Eberle (ฮาร์โรลด์ เอเบอร์เล)
          พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นบุคคล และพระองค์ทรงเป็นพระภาคที่สามของตรีเอกานุภาพ
  
พระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระเจ้าพระบิดา
พระนาม “พระวิญญาณบริสุทธิ์” กับ “พระวิญญาณของพระเจ้า” มีการใช้สลับกันไปในพระคัมภีร์ เช่น (มัทธิว 12:28,32) นี่หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์กับพระวิญญาณของพระเจ้า คือบุคคลเดียวกัน

มีข้อพระคัมภีร์หลายข้อที่แสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระเจ้าพระบิดา เช่น ใน (ยอห์น 15:26) พระเยซูได้อธิบายว่า “…คือ​พระ​วิญ​ญาณ​แห่ง​ความ​จริง​ซึ่ง​มา​จาก​พระ​บิดา​นั้น...” หรือใน (สดุดี 104:30) ก็ได้กล่าวในทิศทางเดียวกัน การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดานั้น แสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มีเนื้อแท้ที่ไม่ต่างไปจากพระบิดา พระบิดากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้าด้วย

เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระองค์ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดา และพระองค์ได้ทรงเทพระวิญญาณมายังโลกนี้ตาม (กิจการ 2:33) เห็นได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดาโดยถ่ายเทลงมาผ่านพระบุตร ด้านหนึ่งจึงกล่าวได้ว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์มาจากพระบิดาและพระบุตร

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคล
ต่อมาพวกเราจำต้องตระหนักว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคล ไม่ใช่ฤทธิ์เดชหรือพลังงานที่ออกมาจากพระบิดา

มีวิธีหลายๆวิธีที่พวกเราใช้แยกแยะว่าอะไรเป็นบุคคลและอะไรเป็นสิ่งของ สิ่งหนึ่งที่บุคคลมีแต่สิ่งของไม่มีก็คือความปรารถนา ซึ่งเห็นได้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีความปรารถนา เมื่อเปาโลอธิบายเกี่ยวกับของประทานใน (1 โครินธ์ 12:11) เขากล่าวว่า “พระ​วิญ​ญาณ​องค์​เดียว​กัน​ทรง​ทำ​และ​จัดสรร​สิ่ง​เหล่า​นี้​ทั้ง​หมด​แก่​แต่​ละ​คน​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​[ความปรารถนา]พระ​องค์” นอกจากนี้พวกเรายังเห็นถึงความปรารถนาของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงห้ามเปาโลในการทำพันธกิจ ณ บางพื้นที่ ตาม (กิจการ 16:6-7) การที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีความปรารถนาของตัวเองชี้ให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคลจริงๆ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงมีพันธกิจที่แตกต่างไปจากพระบิดาและพระบุตร ซึ่งพระเยซูได้อธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์หลังจากที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์

(ยอห์น 14:16) เรา​จะ​ทูล​ขอ​พระ​บิดา และ​พระ​องค์​จะ​ประ​ทาน​ผู้​ช่วย​อีก​ผู้​หนึ่ง​ให้​กับ​พวก​ท่าน เพื่อ​จะ​อยู่​กับ​ท่าน​ตลอด​ไป

จากพันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นทั้งผู้ปลอบโยน ผู้ให้คำปรึกษา ผู้ช่วยเหลือ ผู้ให้กำลังใจ

เปาโลได้เขียนใน (1 โครินธ์ 2:10) ว่า “…เพราะ​ว่า​พระ​วิญ​ญาณ​ทรง​หยั่ง​รู้​ทุก​สิ่ง​แม้​เป็น​ความ​ล้ำ​ลึก​ของ​พระ​เจ้า” นี่ชี้ให้เห็นถึงพระลักษณะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่หยั่งรู้ถึงความล้ำลึกของพระเจ้าพระบิดา

ในพระคัมภีร์มีหลายครั้งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นผู้ริเริ่มให้เกิดพันธกิจต่างๆ เช่นใน (กิจการ 13:2) เขียนไว้ว่า

(กิจการ 13:2) ...พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​ตรัส​สั่ง​ว่า “จง​ตั้ง​บาร​นา​บัส​กับ​เซา​โล​ไว้​สำ​หรับ​งาน​ที่​เรา​เรียก​ให้​พวก​เขา​ทำ​นั้น

นี่ไม่ได้หมายความว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงริเริ่มทำกิจที่ขัดกับความปรารถนาของพระเจ้าพระบิดา แต่ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้เปิดเผยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำกิจต่างๆเฉกเช่นบุคคลคนหนึ่ง

ในพระคัมภีร์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงถูกเรียกด้วยสรรพนามที่เป็นบุคคล เช่น “พระองค์”(He หรือ Him) พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ถูกเรียกโดยสรรพนาม “มัน”(It) อันเป็นสรรพนามของวัตถุ ด้วยสรรพนามที่เป็นบุคคลแสดงให้เห็นว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นมากกว่าฤทธิ์เดชของพระบิดา พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่สามของตรีเอกานุภาพ

 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเท่าเทียมกับพระบิดาและพระบุตร
ก่อนหน้านี้ พวกเราได้เห็นถึงข้อพระคัมภีร์หลายข้อที่ชี้ถึงสามบุคคลในตรีเอกานุภาพ อันเป็นเรื่องที่ได้กล่าวไว้แล้ว แต่ให้พวกเรามาดูการกล่าวถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์กับพระบิดาและพระบุตรในพระคัมภีร์ โดยดูจากลำดับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ ซึ่งแท้จริงแล้วมีบางข้อพระคัมภีร์ที่ให้พระนามพระบิดาเขียนขึ้นก่อนเป็นลำดับแรก บางข้อพระคัมภีร์ก็เขียนให้พระนามพระบุตรขึ้นก่อนเป็นอันดับแรก และบางข้อพระคัมภีร์ก็ได้เขียนพระนามของพระวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นก่อนเป็นลำดับแรก ตัวอย่างเช่นใน (มัทธิว 28:19) ได้กล่าวถึงพระบิดาเป็นลำดับแรก
(มัทธิว 28:19) เพราะ​ฉะนั้น ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​ออก​ไป​และ​นำ​ชน​ทุก​ชาติ​มา​เป็น​สา​วก​ของ​เรา จง​บัพ​ติศ​มา​พวก​เขา​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​บิดา พระ​บุตร และ​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์
ใน (2 โครินธ์ 13:14) ได้กล่าวถึงพระบุตรก่อนเป็นลำดับแรก
(2 โครินธ์ 13:14) ขอ​ให้​พระ​คุณ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า และ​การ​มี​ส่วน​กัน​ที่​มา​จาก​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์ จง​ดำ​รง​อยู่​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ทุก​คน​เถิด
ใน (1 โครินธ์ 12:4-6) ได้กล่าวถึงพระวิญญาณเป็นลำดับแรก
(1 โครินธ์ 12:4-6) ของ​ประ​ทาน​นั้น​มี​ต่างๆ กัน แต่​มี​พระ​วิญ​ญาณ​องค์​เดียว​กัน การ​ปรน​นิ​บัติ​มี​ต่างๆ กัน แต่​มี​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​องค์​เดียว​กัน กิจ​กรรม​มี​ต่างๆ กัน แต่​มี​พระ​เจ้า​องค์​เดียว​กัน​เป็น​ต้น​เหตุ​แห่ง​กิจ​กรรม​ทั้ง​หมด​ใน​ทุก​คน
ถ้าพระบิดาใหญ่กว่าพระบุตรและพระวิญญาณ ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ก็ควรจะขึ้นต้นด้วยพระบิดาก่อนเสมอ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ แม้ว่าพวกเราจะกำหนดว่าพระบุตรทรงเป็นพระภาคที่สองและพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระภาคที่สาม แต่ว่าในความเป็นจริงแล้วทั้งพระบุตรกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเท่าเทียมกับพระบิดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น