บทความเรื่อง “ความหวังใจท่ามกลางทะเลทรายแห่งชีวิต” โดย จอย นัฟทาลี
ชีวิตคนเรามีเส้นทางของการเดินทาง นับจากจุดสตาร์ทออกมาจากท้องแม่
เราก็ได้พบเจอเรื่องราวมากมายผ่านฤดูกาลของชีวิตที่วนเวียนเข้ามา ทั้งฤดูแห่งความสุข และฤดูแห่งความทุกข์
ฤดูกาลแห่งการหัวเราะและฤดูกาลแห่งการร้องไห้
สิ่งนี้วนเวียนผ่านเข้ามาในชีวิตให้มนุษย์อย่างเราได้ลิ้มรสไปจนตลอดเส้นทางของชีวิต
อันที่จริงชีวิตคนเราก็น่าตื่นเต้นอยู่มิใช่น้อย
เนื่องด้วยเราไม่รู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นเบื้องหน้าชีวิตของเราบ้าง พระเจ้ามิได้ทรงให้มนุษย์มีดวงตาที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในวันพรุ่งนี้
แต่กระนั้นก็ทรงสอนให้เราทั้งหลายวางหัวใจของเราไว้ใน “ความไว้วางใจ”
พระองค์
ในพระธรรมสดุดี 22 ดาวิดอยู่ในสภาวะทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด
ดาวิดถึงขนาดกล่าวออกมาอย่างน่ารันทดใจว่า “ พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย”
ดาวิดร้องทูลต่อพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน แต่กระนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ทรงตอบ หลายคนอาจอยู่ในช่วงเวลาที่เรียกว่า “ทะเลทรายของชีวิต”
ดังเช่นที่ ดาวิดได้เผชิญ ปัญหาการเงิน
ชักหน้าไม่ถึงหลังในแต่ละเดือน ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว
ปัญหาการงาน หรือสิ่งอื่นใด และคิดไปว่า “พระองค์ทรงเมินเฉยที่จะช่วยข้าพระองค์
และต่อถ้อยคำคร่ำครวญของข้าพระองค์”
แม้จะมีเสี้ยวนาทีที่ดาวิดคิดว่า พระเจ้าทรง “เมินเฉย”
ต่อท่านเสียแล้ว แต่กระนั้นสิ่งที่ดาวิดตอบสนองอย่างรวดเร็วในท่ามกลางความคิดแง่ลบที่เข้ามาในยามเจ็บปวดที่สุดของชีวิตนั้นกลับเป็นการกระทำที่น่าทึ่ง
เราเห็นอะไรบ้างจากตัวดาวิด ?
1. สู้กับความคิดแง่ลบที่เข้ามา – ดาวิดสวนกลับความคิดของตัวเองทันทีว่า
“ถึงอย่างไร พระองค์ก็ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์
พระองค์ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล”
เราเคยสวนกลับความคิดที่ไม่ถูกต้อง ความคิดที่ทำให้เราล้มเหลว
อ่อนกำลังหรือไม่ ?
2. หวังใจในพระเจ้าด้วยการหวนมองประสบการณ์ในอดีต - ดาวิดมองย้อนกลับไป
และเกิดความมั่นใจ “บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายวางใจในพระองค์
เขาทั้งหลายวางใจ และพระองค์ทรงช่วยกู้เขา” เราน่าจะบอกกับตัวเองว่า
“พระเจ้าเคยนำย่างเท้าของข้าพเจ้าให้รอดมาแล้วอย่างไร
พระเจ้าก็จะทรงทำเช่นนั้นต่อไปในชีวิตของข้าพระองค์”
3. มองเห็นพระคุณพระเจ้าในชีวิตและพึ่งพาพระองค์ต่อไป -“ถึงกระนั้นพระองค์ทรงเป็นผู้นำข้าพระองค์ออกมาจากครรภ์มารดา
และทรงให้ข้าพระองค์ปลอดภัยอยู่ที่อกแม่
ตั้งแต่คลอดข้าพระองค์ก็ต้องพึ่งพระองค์
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ตั้งแต่ข้าพระองค์ยังอยู่ในครรภ์มารดา”
ใช่ เราต้องพึ่งพระองค์อย่างถึงที่สุด
ดังพระธรรมสุภาษิตบทที่ 3 บอกว่า “จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้าและอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง”
4. ตั้งใจจะสรรเสริญ ถวายพระสิริแด่พระเจ้า และบอกเล่าพระนามพระเจ้าให้ผู้คนได้รับรู้อย่างไม่หยุดหย่อน- “ข้าพระองค์จะบอกเล่าพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน…”
ในยามทุกข์ยาก เราก็ไม่หยุดสรรเสริญพระองค์ การสรรเสริญพระเจ้าจะอยู่ที่ริมฝีปากของเราเสมอไปเป็นนิตย์
5. มั่นใจในพระเจ้าและรู้ว่าจะได้รับการช่วยกู้ให้ผ่านพ้นความทุกข์ยากไปได้อย่างแน่นอน- “เพราะพระองค์มิได้ทรงดูถูกหรือสะอิดสะเอียนต่อความทุกข์ยากของผู้ที่ทุกข์ใจ
และพระองค์มิได้ทรงซ่อนพระพักตร์จากเขา เมื่อเขาร้องทูล พระองค์ทรงฟัง”
ในท่ามกลางปัญหา ดาวิด “รู้จักพระเจ้า” อย่างแท้จริง
และท่านรู้ว่า “พระเจ้าทรงพึ่งพาได้”
ชีวิตของท่านจึงเดินหน้าต่อไป ด้วยความหวังใจ เช่นกันวันนี้ ความหวังใจของเรา
“อยู่ในพระเจ้าเท่านั้น” จงทอดสมอหัวใจไว้ในพระเจ้าเถิด
เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ไว้วางใจได้ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น