23 พฤษภาคม 2560

ภาษาแปลกๆ ไม่ใช่แค่เสียงที่เปล่งออกมาลอยๆ

ภาษาแปลกๆ ไม่ใช่แค่เสียงที่เปล่งออกมาลอยๆ โดย Haiyong Kavilar

 ( 1 โครินธ์ 13:1 ) แม้​ข้าพ​เจ้า​จะ​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ ที่​เป็น​ภา​ษา​มนุษย์​หรือ​ทูต​สวรรค์​ได้ แต่​ไม่​มี​ความ​รัก ข้าพ​เจ้า​เป็น​เหมือน​ฆ้อง​หรือ​ฉาบ​ที่​กำ​ลัง​ส่ง​เสียง

        จากข้อพระคัมภีร์นี้ บริบทหลักคือเรื่องของความรัก ทว่าข้อพระคัมภีร์นี้ยังบอกเป็นนัยว่า ภาษาแปลกๆ สามารถเป็นภาษาของทูตสวรรค์หรือภาษาของมนุษย์ก็ได้ 
          ในภาษากรีกเองคำว่า ภาษาแปลกๆ มาจากศัพท์คำว่า glossa ซึ่งศัพท์คำนี้จะแปลว่า ลิ้น ก็ได้หรือ ภาษา ก็ได้ ฉะนั้นภาษาแปลกๆจึงเป็นถ้อยคำภาษาที่มีเนื้อความ ไม่ใช่แค่การเปล่งเสียงออกมาลอยๆเท่านั้น ใน (1 โครินธ์ 14:9-10) เปาโลก็ได้เน้นย้ำอีกว่า ภาษาแปลกๆ เป็นถ้อยคำภาษาที่มีความหมาย

ภาษาแปลกๆโดยทั่วไปแล้ว มักจะเป็นหนึ่งในภาษาบนโลกนี้ที่มนุษย์ใช้กัน มีคำพยานจากมิชชันนารีมากมายที่เล่าว่า ขณะที่มิชชันนารีกำลังพูดภาษาแปลกๆที่ประเทศหนึ่งอยู่ คนท้องถิ่นในประเทศนั้นกลับรู้ความหมายของภาษาแปลกๆที่มิชชันนารีพูด เนื่องจากว่าภาษาแปลกๆที่มิชชันนารีพูดนั้น คือภาษาถิ่นของคนในประเทศนั้นพอดี ทว่าตัวมิชชันนารีที่พูดภาษาแปลกๆกลับไม่รู้ความหมายของภาษาที่ตนพูดเลย

        ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสค้นคว้าเกี่ยวกับการแปลภาษาแปลกๆจากคำเทศนาและหนังสือหลายๆเล่ม ในบรรดาหนังสือที่ผมใช้ค้นคว้านั้น มีอยู่เล่มหนึ่งที่ผมชอบเป็นพิเศษ หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า Tongues Interpret & Prophecy (ภาษาแปลกๆ การแปล และการเผยพระวจนะ) เขียนโดย Don Basham (ดอน บาแชม) หนังสือเล่มนี้นอกจากจะให้ข้อแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับภาษาแปลกๆและการแปลแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังบรรจุคำพยานที่เลอค่ามากมาย


        เนื่องจากว่าอีกไม่นานก็ใกล้ถึงวันเพนเทคอสแล้ว ผมจึงขอเล่าคำพยานเกี่ยวกับภาษาแปลกๆและการแปลที่น่าตื่นเต้นจากหนังสือเล่มนี้ เพื่อจะให้เพื่อนๆได้เห็นว่าภาษาแปลกๆไม่ได้เป็นเสียงที่เปล่งออกมาลอยๆ แต่เป็นถ้อยคำภาษาที่มีความหมาย

"เมื่อผม[ดอน บาแชม]อยู่นิวซีแลนด์ในเดือนมิถุนายน ปี 1970 ผมได้ประสบการณ์กับการอัศจรรย์เรื่องภาษาแปลกๆและการแปลถึงสองครั้ง ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ ศาสนจารย์ชาร์ล ซิมสัน นักเทศน์และครูสอนพระคัมภีร์ที่ผมทำพันธกิจด้วยได้มาร่วมรับใช้ที่นิวซีแลนด์ก่อนหน้าผมไม่กี่เดือน ครั้งหนึ่งในระหว่างการประชุมที่ชาร์ลจัดขึ้น มีชายคนหนึ่งได้ลุกขึ้นมาและพูดภาษาแปลกๆ แล้วชาร์ลก็ได้ปลดปล่อยคำแปลออกมา ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีคริสเตียนชาวเมารีที่ได้อยู่ในการประชุมนั้น (ชาวเมารี คือชาวพื้นเมืองของนิวซีแลนด์ในยุคก่อนที่ชาวอังกฤษจะเข้ามา ปัจจุบันนี้ชาวเมารีเป็นกลุ่มคนส่วนน้อยในประเทศนิวซีแลนด์) ได้เล่าให้ฟังว่า ภาษาแปลกๆที่ชายคนนั้นพูดในที่ประชุมนั้นเป็นภาษาของชาวเมารี และคำแปลที่ชาร์ลปลดปล่อยออกมานั้น ก็เป็นคำแปลที่ถูกต้องด้วย ทว่าทั้งชาร์ลและชายผู้ที่พูดภาษาแปลกๆไม่ได้มีความรู้พื้นฐานอะไรเกี่ยวกับภาษาเมารีเลย

อีกเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจเกิดขึ้นกับศิษยาภิบาลชาวนิวซีแลนด์สองคน ซึ่งพวกเขาได้แบ่งปันเรื่องราวของพวกเขาให้ผมฟัง เรื่องราวของพวกเขามีอยู่ว่า ขณะที่พวกเขากำลังทำพันธกิจการอธิษฐานเผื่อเพื่อให้ผู้คนได้รับการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็มีชายคนหนึ่งเป็นคริสเตียนชาวเมารี แต่ชายคนนี้ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษและแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ทำให้ชายคนนี้ไม่สามารถที่จะเข้าใจคำสอนหรือรับการเสริมสร้างจากพันธกิจของพวกเขาได้

ทันใดนั้น หนึ่งในผู้ทำพันธกิจคนหนึ่งได้เริ่มพูดภาษาแปลกๆออกมาและวางมือบนพี่น้องชาวเมารีคนนี้ และคริสเตียนชาวเมารีคนนี้ก็เริ่มยิ้มพร้อมผงกศีรษะลงด้วยด้วยความตื่นเต้น ต่อจากนั้นไม่นานคริสเตียนชาวเมารีคนนี้ก็เปิดปากและพูดภาษาแปลกๆออกมา

เมื่อทำพันธกิจเสร็จเรียบร้อย ก็มีผู้รับใช้คนหนึ่งที่รู้ภาษาเมารีเล่าให้ฟังว่า ตอนที่แอล[ผู้ทำพันธกิจที่วางมือให้กับคริสเตียนชาวเมารี] พูดภาษาแปลกๆอยู่ ถ้อยคำที่แอลพูดออกมานั้นเป็นภาษาเมารี ซึ่งแอลได้พูดภาษานี้ออกมาอย่างเหนือธรรมชาติเพราะปกติแล้วแอลไม่มีความรู้ภาษาเมารีเลย ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อหาของภาษาแปลกๆที่แอลพูดก็เป็นข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้คริสเตียนชาวเมารีที่รับการวางมือนั้นได้เข้าใจว่าเขาจะรับการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้อย่างไร คริสเตียนชาวเมารีผู้นั้นจึงได้เปิดปากและเริ่มพูดภาษาแปลกๆออกมา

ความน่าตื่นตาตื่นใจก็คือ แอลผู้ซึ่งแทบจะพูดภาษาเมารีไม่ได้เลย กลับให้ข้อแนะนำของการรับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นภาษาเมารี อันเป็นข้อแนะนำเดียวกันกับที่เขาสอนเป็นภาษาอังกฤษพอดี”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น