06 มิถุนายน 2560

เวลตันกับพันธสัญญาอันประเสริฐกว่า

เวลตันกับพันธสัญญาอันประเสริฐกว่า โดย Haiyong Kavilar

ที่ผ่านมา ผมไม่ได้เห็นความสำคัญของความรักสักเท่าใด จากประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ของประทานเกิดผลก็คือ ปัญญาแม้ว่าผู้เผยพระวจนะที่มีชื่อเสียงหลายท่าน (เช่น คริส แวลโลตัน, แพททรีเซีย คิง, ฌอว์น บอลซ์) จะเน้นย้ำเน้นหนาว่า ความรักเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกเห็นค่าของความรักสักเท่าใด จากประสบการณ์ของผม ผมรู้สึกว่า เพียงแค่ผมพึ่งปัญญาและข้อแนะนำจากผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ในด้านการเผยพระวจนะ ผมก็สามารถรับมือกับคำเผยพระวจนะและปลดปล่อยคำเผยพระวจนะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากแล้ว

แม้ว่าผู้เผยพระวจนะที่มีชื่อเสียงหลายท่านได้ให้ความสำคัญกับความรัก ทว่าคำแนะนำในเรื่องความรักจากผู้เผยพระวจนะเหล่านี้ก็ไม่สามารถจูงใจผมได้มากนัก เหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะ เหตุผลในการจูงใจเหล่านั้นมักจะเป็นมาจากประสบการณ์และความรู้สึก แต่ไม่ได้ใช้เหตุผลจากพระคัมภีร์มากนัก เนื่องจากตัวผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับพระคัมภีร์มาก ดังนั้นการที่จะจูงใจผมในเรื่องใด ก็ควรใช้เหตุผลจากพระคัมภีร์ประกอบกับการอรรถาธิบายที่มีเหตุผล การใช้เพียงประสบการณ์ประกอบกับข้อพระคัมภีร์เล็กๆน้อยๆอาจไม่จูงใจคนอย่างผมสักเท่าไร


โจนาธาน เวลตัน (Jonathan Welton)
และแล้ว วีรบุรุษคนหนึ่งก็มาถึง วีรบุรุษของผมคนนี้เป็นนักวิชาการ เป็นอัครทูต และเป็นผู้เผยพระวจนะด้วย วีรบุรุษของผมคนนั้นก็คือ โจนาธาน เวลตัน เนื่องจากที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าผู้เผยพระวจนะที่มีชื่อเสียงหลายท่าน เน้นในเรื่องของประสบการณ์และความรู้สึกมาก แต่ไม่เน้นในเรื่องของวิชาการทางพระคัมภีร์สักเท่าไร ในทางตรงกันข้าม เมื่อผมสังเกตเห็นนักวิชาการทางพระคัมภีร์หลายท่านที่มีชื่อเสียง แม้ผมจะเห็นถึงความสามารถในทางวิชาการของพวกเขา แต่ในเรื่องเกี่ยวกับการเผยพระวจนะแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีประสบการณ์สักเท่าไร ทว่า โจนาธาน เวลตัน เป็นผู้หนึ่งที่มีทั้งด้านการเผยพระวจนะและด้านวิชาการผสมผสานกัน ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รู้จักกับอัครทูตคนนี้

ในเรื่องของความรักแล้ว โจนาธาน เวลตัน สามารถโน้มน้าวใจให้ผมเห็นความสำคัญของความรักมากขึ้น เขา(เวลตัน)สามารถโน้มน้าวใจผมในเรื่องความรักได้มากยิ่งกว่าผู้เผยพระวจนะที่มีชื่อเสียงหลายๆท่าน สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมเห็นความสำคัญของความรักก็คือ ระบบการตีความพระคัมภีร์ที่เวลตันได้คิดค้นขึ้นมา ซึ่งมีชื่อว่า ศาสนศาสตร์พันธสัญญาอันประเสริฐกว่า (Better Covenant Theology)

ศาสนศาสตร์พันธสัญญาอันประเสริฐกว่าอธิบายว่า เมื่อพระคริสต์สำเร็จการไถ่ที่กางเขน พันธสัญญาแห่งโมเสสก็เป็นอันสิ้นสุด ส่วนพันธสัญญาแห่งดาวิดกับพันธสัญญาแห่งอับราฮัมก็ลุล่วง เมื่อพันธสัญญาใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นที่กางเขน ธรรมบัญญัติของโมเสสทั้งหมด (613 ข้อ) ก็เป็นอันยุติ

คริสเตียนเรามักจะคุ้นเคยกับพระมหาบัญญัติสองข้อนั่นคือ รักพระเจ้าสุดใจกับการรักเพื่อนบ้าน แต่พระมหาบัญญัติสองข้อนี้เป็นเพียงการสรุปรวบยอดของบัญญัติ 613 ข้อในพันธสัญญาเดิม แต่ในพันธสัญญาใหม่ พระเยซูผู้ซึ่งเป็นคนกลางแห่งพันธสัญญา ได้กำหนดบัญญัติไว้เพียงข้อเดียวคือ จงรักซึ่งกันและกัน และเนื้อความต่างๆจากจดหมายฝากของเหล่าอัครทูตก็มีรากฐานมาจากพระบัญญัติข้อเดียวนี้

        ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เวลตันได้ประกาศถึงเสาหลัก 10 ประการสำหรับศาสนศาสตร์พันธสัญญาอันประเสริฐกว่า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้


เสาหลัก 10 ประการของศาสนศาสตร์พันธสัญญาอันประเสริฐกว่า

เสาหลักที่1 การบังเกิดของพระเยซู เป็นการสำเร็จพันธสัญญาแห่งอับราฮัม (มัทธิว 1:1, กาลาเทีย 3:6, กิจการ 3:24-26)

เสาหลักที่2 การตายของพระเยซู เป็นการสถาปนาพันธสัญญาใหม่ (ฮีบรู 9:14-15)

เสาหลักที่3 พันธสัญญาใหม่กระทำโดยพระบิดาในฐานันดรของพระเจ้า และพระบุตรในฐานันดรของมหาปุโรหิตแบบเมลคีเซเดค

เสาหลักที่4 การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์และการประทับบนบัลลังค์ในสวรรค์ของพระเยซู เป็นการสำเร็จพระสัญญาแห่งอาณาจักรของดาวิด (มัทธิว 1:1, กิจการ 2:29-36)

เสาหลักที่5 การล่มสลายของพระวิหารในปี คศ.70 เป็นการขจัดพันธสัญญาเดิมอย่างถาวร และทำให้ข้อพระคัมภีร์ (ฮีบรู 8:13) สำเร็จ ( ดูเพิ่มเติมได้ใน ฮีบรู 7:12, 10:9)

เสาหลักที่6 ระหว่างกางเขนจวบจน คศ.70 กินเวลา 40 ปี ซึ่งในช่วง 40 ปีนี้เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านแห่งพันธสัญญาของคริสตจักรในยุคแรก (กิจการ 6:13-15, 21:21; กาลาเทีย 4:28-30)

เสาหลักที่7 ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ พันธสัญญาเดิมกับพันธสัญญาใหม่ดำรงอยู่อย่างควบคู่กัน
(
1 โครินธ์ 2:6, ฮีบรู 8:13, 9:8-10; 1 ยอห์น 2:8)

เสาหลักที่8 วาระสุดท้าย และ การสิ้นยุค คือช่วงศตวรรษที่1 ซึ่งหมายถึงวาระสุดท้ายของพันธสัญญาเดิมและการสิ้นสุดของยุคพันธสัญญาเดิม

เสาหลักที่9 ระบบศักดินาและระบบญาติมิตรของพันธสัญญาแห่งโมเสสก็ไม่เป็นที่บังคับอีกต่อไป ทั้ง เทศกาลต่างๆ สะบาโต กฏหมายแพ่ง ระเบียบทางพิธีกรรม รวมถึงกฏเกณฑ์ทางศีลธรรม ทั้งหมดนี้ถูกขจัดเรียบร้อยแล้ว (โคโลสี 2:16-17; เอเฟซัส 2:15; กาลาเทีย 4:10-11, 5:6; ฮีบรู 9:9-10)

เสาหลักที่10 พระบัญญัติของพันธสัญญาใหม่คือ จงรักซึ่งกันและกันอย่างที่เราได้รักท่านทั้งหลาย (ยอห์น 13:34, 15:12, 15:17; 1 โครินธ์ 9:19-22; 1 ยอห์น 3:23; 2 ยอห์น 1:6)


แหล่งข้อมูลแนะนำเพิ่มเติม
หนังสือ Understanding the Whole Bible เขียนโดย Jonathan Welton



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น