20 พฤษภาคม 2553

พลิกฟื้นชุมชน พลิกวิกฤตเป็นโอกาสการอวยพระพรของพระเจ้า

พลิกฟื้นชุมชน พลิกวิกฤตเป็นโอกาส การอวยพระพรของพระเจ้า
(Transformation : turning the crisis as an opportunity for receiving blesses.)

(บทความนี้ลงในข่าวคริสตชน วันที่ 25 มิ.ย.2010)
http://groups.google.com/group/christianthai/browse_frm/thread/15e7816e7f778fed#

จากเหตุการณ์บ้านเมืองไทยของเราในปัจจุบันที่เกิดเหตุวินาศกรรม ทั้งเหตุไฟไหม้อาคารห้างสรรพสินค้า ธนาคารและสถานที่ราชการหลายแห่ง นำมาซึ่งการสูญสียทั้งทรัพย์สิน และขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต

ผู้คนอยู่ในสถาวะโศกเศร้า “เราจะอยู่กันอย่างไร” เป็นประโยคที่ถูกตามกัน อาคารสถานที่อาจจะพอซ่อมสร้างใหม่ได้ แต่สภวะทาง จิตใจต้องใช้ระยะเวลาในการเยียวยา นานพอสมควร สภาพบ้านเมืองของเราอยู่ในสภาวะวิกฤตการณ์อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ผมในฐานะของคริสตชนคนไทยคนหนึ่ง ขอเสนอความคิดเห็นว่า เราน่าจะใช้โอกาสนี้พลิกฟื้นชุมชน โดยเริ่มต้นจากชุมชนใกล้ตัว ทั้งครอบครัว โรงเรียนและชุมชนศาสนา

การรื้อฟื้นจริยธรรมต้องเป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อการเยียวยารักษาประเทศไทยจะเกิดขึ้น

ผมเชื่อว่าเมื่อเราลุกขึ้นช่วยกันพลิกฟื้นชุมชน จะเห็นสิ่งที่ดีงามเกิดขึ้นและเมื่อเราช่วยกันร้องทูลอธิษฐานอย่างวิงวอน องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสดับฟัง และพระองค์จะให้อภัยแก่บาปของเราและจะรักษาแผ่นดินของเราให้หาย ให้คืนกลับสู่สภาพดี

หนังสือ หนึ่งในพระวิญญาณเพื่อการพลิกฟื้นชุมชนของ รูธ รุยบอล (Root Ruibal) ได้เขียนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองคาลี เมืองที่เต็มไปด้วยความบาปของประเทศโคลัมเบีย และบทบาทของคริสเตียนที่นั่น ที่ได้ลุกขึ้นเอาจริงเอาจังในการอธิษฐานเผื่อเมือง

เธอกล่าวว่า “เมืองคาลีตกอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง เป็นที่รู้จักดีว่าเมืองคาลีมีขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการอาชญากรรมที่เป็นระบบที่สุดในโลก เนื่องจากการฆาตกรรม การลักพาตัว การทรมาน และอื่น ๆ ตอนแรกดูเหมือนไม่มีใครสนใจความเป็นไปของเมือง ความเจริญทางวัตถุทำให้พวกเขาไม่เห็นสภาพที่แท้จริงของเมือง แต่ต่อมามันกลายเป็นความวิตกทางสังคมที่มากและเพิ่มขึ้น”

นี่จึงเป็นสาเหตุให้กลุ่มคริสเตียนเริ่มต้นจับกลุ่มกันติดตามความเป็นไปของเมือง พวกเขากล่าวว่า “เมืองของเราจะพินาศฝ่ายวิญญาณหากไม่มีการแทรกแซงที่รุนแรง”

กลุ่มศิษยาภิบาลจากที่ต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้พบปะกัน ได้เริ่มต้นพูดคุยกันถึงปัญหาของเมือง และเริ่มมีการจัดการอธิษฐานเพื่อเมืองอย่างแท้จริงพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงเคลื่อนไหวในเมือง ดังนั้นจึงมีการจัดอธิษฐานโต้รุ่งหลายต่อหลายครั้ง
พวกเขาอธิษฐานเพื่อต่อต้านความบาปทุกรูปแบบ ทั้งอธิษฐานต่อต้านการฉ้อโกง อธิษฐานขอการยุติความรุนแรง อธิษฐานเผื่อปัญหายาเสพติดให้หมดไป

จากการอธิษฐานเล็ก ๆ กลายเป็นการรวมพลังที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนกลับไปด้วยภาระใจว่า จะลุกขึ้นปกป้องเมืองคาลีและยังมีการแยกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และอธิษฐานตามที่สำคัญทั่วเมือง

รูธ รุยบอล กล่าวว่า “เมื่อคนแห่งความเชื่อเพียงไม่กี่คนพบกัน เพื่ออธิษฐานเผื่อชุมชนก็จะมีฤทธิ์เดช อย่าดูหมิ่นวันเล็กน้อย เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มตอบคำอธิษฐานเหล่านั้น คนอื่นจะถูกดึงดูดเข้ามา คนเพียงสองคนหรือสามคนร่วมใจกันอธิษฐานและอดอาหารก็เพียงพอที่จะจุดไฟ และการพลิกฟื้นเมืองคาลีก็ได้ค่อย ๆ เกิดขึ้น เมื่อทุกคนลุกขึ้นเพื่อเมืองอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน


นี่เป็นตัวอย่างของคริสเตียนในเมืองคาลี ประเทศโคลัมเบีย ที่มีใจปรารถนาจะมีส่วนช่วยกันพลิกฟื้นเมืองให้บริสุทธิ์ เป็นเมืองที่น่าอยู่และสงบสุข

ในพระวจนะของพระเจ้าในหนังสือพงศวารบันทึกไว้ว่า

2 พศด.7:14-15
14 ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและ
แสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่
บาปของเขาและจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย
15 และตาของเราจะลืมอยู่และหูของเราจะฟังคำอธิษฐานซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้


พระธรรมตอนนี้ เป็นพระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้แก่ซาโลมอนว่า หากชนอิสราเอลกระทำความผิดบาป การพิพากษาลงโทษของพระเจ้าก็จะมาถึงชุมชนของเขา ไม่ว่าจะเป็นการกันดารอาหาร โรคระบาด หรือแมลงศัตรูพืชระบาด อันเป็นสภาพของความสูญเสีย และเสียหายต่อทั้งแผ่นดินอิสราเอล แต่หากประชาชนหันหลังกลับจากบาปและกลับมาแสวงหาพระเจ้า พระองค์จะทรงรักษาแผ่นดินให้หาย และนำการอวยพรของพระเจ้ากลับคืนมา จากพระธรรมตอนนี้ เราสามารถเห็นถึงวิถีของการพลิกฟื้นชุมชน ให้พ้นจากสภาพความผิดบาป ความเสื่อมโทรม กลับมาเป็นชุมชนที่บริสุทธิ์และเต็มเปี่ยมด้วยการอวยพรของพระเจ้า อันเป็นน้ำพระทัยที่พระเจ้ามีต่อชีวิตของเราได้ ดังนี้

หนทางสู่การพลิกฟื้นชุมชน (The ways to transform the community)

เราจะนำการพลิกฟื้นมาสู่ชุมชนที่เราอยู่ได้อย่างไร

1. การพลิกฟื้นชุมชนเริ่มต้นที่คนของพระเจ้า (ข้อ 14) (Transformation starts from the people of God)

พระวจนะกล่าวว่า “ถ้าประชากรของเราผู้ซึ่งเขาเรียกกันโดยชื่อของเรานั้นจะถ่อมตัวลง และอธิษฐานและแสวงหาหน้าของเรา และหันเสียจากทางชั่วของเขา เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขา และจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย”

การพลิกฟื้นชุมชนต้องเริ่มต้นที่คนของพระเจ้า เนื่องจากสภาพความเสื่อมโทรมทั้งทางวัตถุ และทางจริยธรรมในสังคมนั้น ล้วนเกิดจากความผิดบาป และพระเจ้าไม่สามารถอวยพรชุมชนนั้นได้ คนของพระเจ้าจึงจำเป็นต้องนำความชอบธรรมของพระเจ้าลงมา โดยการถ่อมตัวลงอธิษฐานแสวงหาพระเจ้า และหันเสียจากความบาป ลุกขึ้นทำการดีเพื่อสังคมและคนรอบข้าง ดังที่พระเจ้าทรงตั้งเราไว้ให้เป็นเกลือและแสงสว่าง เริ่มต้นจากตัวเราเอง จนสามารถส่งอิทธิพลที่ดีต่อคนทั้งสังคมได้

ทุกคนในชุมชนต้องมีส่วนช่วยกัน (ข้อ 15) Everyone in the community must participate

พระวจนะกล่าวว่า “...ซึ่งเขาทั้งหลายอธิษฐาน ณ สถานที่นี้” เห็นได้ว่า ไม่เพียงแต่ผู้เชื่อเพียงคนเดียว แต่ทุกคนในชุมชนมีส่วนช่วยกันในการพลิกฟื้นชุมชน แม้ว่าการริเริ่มอาจจะเริ่มที่คนหนึ่งคน แต่หากจะทำให้การพลิกฟื้นชุมชนมีพลังต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในสังคม โดยหนุนใจกันและกันให้มากขึ้นในการมาอธิษฐานเผื่อชุมชนที่เราอยู่ สารภาพบาปเผื่อชุมชน และร่วมแรงร่วมใจทำสิ่งดีที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนในภาคปฏิบัติ

เราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกัน ในบทบาทที่เราเป็นอยู่ ทำในสิ่งที่เราเป็นให้ดีที่สุด เมื่อทุกคนทำบทบาทของเราเราก็จะเป็นเหมือนฟันเฟืองที่เป็นกลไกลขับเคลื่อนการทำงานของเครื่องจักรให้ทำงานต่อไปได้ หากส่วนหนึ่งหยุดทำงาน เครื่องจักรก็จะรับผลกระทบไปด้วย

จอร์จ วอลตัน ลูคาส จูเนียร์ (George Walton Lucas, Jr.) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์
ผู้อำนวยการสร้าง ผู้เขียนบทภาพยนตร์ ชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ชุดไตรภาคสตาร์ วอร์ส และอินเดียน่า โจนส์
ได้กล่าวว่า “ผมไม่เสียใจกับสิ่งที่ผมทำลงไป แต่เสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำมากกว่า”
“I regret not things I have done; only those I have yet to do”


บางครั้งเราจะเป็นคนที่เสียใจเสมอเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นไปแล้วเราจะต้องเสียใจที่เราไม่ได้ทำในสิ่งที่เราตั้งใจจะทำ มันสายเกินไปที่จะพูดอย่างนั้น

2.พระเจ้าทรงเป็นคำตอบของการพลิกฟื้นชุมชน (ข้อ 14ค) (God is the answer of transformation.)

เมื่อเราทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่ด้วยหัวใจปรารถนาการพลิกฟื้นชุมชนแล้ว พระเจ้าตรัสว่า “...เราก็จะฟังจากสวรรค์ และจะให้อภัยแก่บาปของเขา และจะรักษาแผ่นดินของเขาให้หาย”

พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงพระสัญญาของพระเจ้าที่จะฟัง ให้อภัยและรักษาแผ่นดินให้หาย พระเจ้าจะนำการพลิกฟื้นชุมชน
การพลิกฟื้นชุมชนของพระเจ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เสียหายให้กลับเป็นดี

คำว่า “รักษาให้หาย” ในภาษาเดิมมาจากคำว่า “รา-ฟา” ให้ความหมายถึง การเยียวยารักษา การซ่อมแซมให้กลับดีดังเดิม เราทั้งหลายกล่าวพระนามของพระเจ้าว่า “พระเยโฮวาห์ ราฟา พระผู้เป็นแพทย์ที่ประเสริฐ” และพระองค์ทรงนำการเกิดผลที่ดีมาสู่ชุมชน

ถ้าคนลุกขึ้นกลับใจ ไม่ดำเนินในความบาป ในความอธรรม พระเจ้าจะช่วยให้สังคมนั้น ชุมชนนั้น กลับมาดำเนินชีวิตที่ดีดังเดิมได้

“ทำให้ดีดังเดิม” มีหมายความว่า เป็นครอบครัว เป็นชุมชน เป็นสังคมที่สงบสุขได้

ชุมชนจะทวีความสงบสุขได้มากขึ้นเพียงไร อยู่ที่ว่าคนกลับใจจากบาปมากเท่าไร

ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นคริสเตียน เริ่มต้นที่เราสิครับที่จะลุกขึ้นฉายแสง นำความสว่างไปถึงชีวิตของผู้คน ดังที่พระวจนะในพระธรรม อิสยาห์บทที่ 60 บอกว่า “จงลุกขึ้นฉายแสง” นำสัจธรรมของพระเยซูคริสต์ไปนั่งในหัวใจของทุกคน ทั้งโดยทางตรง คือ การประกาศข่าวประเสริฐ และโดยทางอ้อม คือ การเป็นเกลือและแสงสว่าง ทำดีเพื่อสังคม
ทุกสิ่งเป็นไปได้ ถ้าเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำมัน

อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) กล่าวว่า “เมื่อแน่ใจว่ายืนถูกที่แล้ว ยืนให้มั่น”
“Be sure you put feet is the right place, then stand firm”


วันนี้ขอให้เรารักษาความมุ่งมั่นของเราไว้ สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้จะเป็นไปได้ ด้วยมือของเราที่นำการเปลี่ยนแปลง พลิกฟื้นชุมชน พลิกวิกฤตสู่โอกาสแห่งการอวยพระพรของพระเจ้า

พระเจ้าจะอวยพรความตั้งใจของเรา และจะนำชุมชนกลับคืนสู่สภาพดี คือเป็นชุมชนที่มีจริยธรรมดีงาม สงบสุข มีการเกิดผล และเจริญรุ่งเรือง
………………………………………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น