27 กุมภาพันธ์ 2560

ตรีเอกานุภาพกับภาษาฮีบรู

ตรีเอกานุภาพกับภาษาฮีบรู โดย Haiyong Kavilar
พระเจ้าองค์เดียว
คำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพเป็นสิ่งที่สร้างความงุนงงให้กับผู้คนมาก แต่คำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพเป็นคำสอนที่ปรากฏเฉพาะในคริสตศาสนาเท่านั้น คำสอนเรื่องตรีเอกานุภาพดูเหมือนจะไม่ปรากฏในศาสนาอื่นๆเลย กล่าวได้ว่าตรีเอกานุภาพเป็นอัตลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของความเชื่อคริสเตียน
การกล่าวว่าพระเจ้ามีเพียงองค์เดียว แต่ปรากฏเป็นสามพระภาคนั้น อาจสร้างความงุนงงให้กับเพื่อนๆหลายท่าน อย่างไรก็ตามถ้าเพื่อนๆเข้าใจศัพท์ฮีบรูของคำว่า “องค์เดียว” ความงุนงงนี้คงคลี่คลายได้มาก

คำว่า Echad กับ Yachid

คำว่า “หนึ่ง” ในภาษาฮีบรูนั้นมีอยู่ 2 คำ คือคำว่า Echad กับ Yachid แต่ศัพท์สองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกัน โดยคำว่า Echad จะหมายถึงความเป็นหนึ่งที่เป็นกลุ่มก้อนซึ่งในกลุ่มก้อนเดียวนี้อาจมีสมาชิกหลายคนก็ได้ เช่น ในครอบครัวหนึ่งนั้น แม้จะมีครอบครัวเดียว แต่ในครอบครัวนี้ก็อาจประกอบไปด้วยสมาชิกที่เป็นพ่อ แม่ ลูก คำว่าครอบครัวเดียวนี้ จะใช้ภาษาฮีบรูว่า Echad ส่วนคำว่า Yachid จะหมายถึงความเป็นหนึ่งที่มีอยู่แค่อันเดียวจริงๆโดยไม่มีส่วนประกอบหรือสมาชิกอยู่ในนั้น

เมื่อพระคัมภีร์ใช้คำว่าพระเจ้าองค์เดียว ในภาษาฮีบรูนั้นคำว่า “องค์เดียว” มาจากคำว่า Echad ซึ่งหมายถึงความเป็นหนึ่งที่เป็นกลุ่มก้อน นั้นหมายความว่าในพระเจ้าก้อนเดียวนี้มี พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นสมาชิก อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน แต่พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็เป็นบุคคลที่แยกจากกัน เหมือนกับครอบครัวเดียวที่มีสมาชิกเป็น พ่อ แม่ ลูก แต่สมาชิกแต่ละคนในครอบครัวนี้ก็เป็นบุคคลที่แยกจากกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในพระคัมภีร์จะมีการปรากฏของพระเจ้าหลายๆพระภาคพร้อมกัน เช่น เมื่อพระเยซูรับบัพติศมาในน้ำ พระบิดาก็ตรัสจากสวรรรค์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็มาสถิตอยู่บนพระเยซู หรือแม้กระทั่งตอนนี้พระเยซูก็ประทับอยู่ด้านขวามือของพระบิดาบนสวรรค์ แท้จริงการใช้คำว่า “พระเจ้าองค์เดียว”อาจสร้างความเข้าใจผิดได้ ถ้าจะแปลให้เข้าใจง่ายขึ้นคำว่า “พระเจ้าก้อนเดียว” อาจช่วยทำให้เห็นภาพมากกว่า เพราะในภาษาฮีบรูเมื่อมีการใช้คำว่าพระเจ้าก้อนเดียวนี้ ไม่มีการใช้คำว่า Yachid เลย มีแต่ใช้คำว่า Echad


คำว่า Elohim

ในภาษาฮีบรูคำว่าพระเจ้ามาจากคำว่า Elohim ซึ่งตามรูปศัพท์แล้วคำว่า Elohim เป็นศัพท์รูปพหูพจน์ไม่ใช่เอกพจน์ นี่สะท้อนเป็นนัยว่าพระเจ้าของอิสราเอลนั้นไม่ใช่พระเจ้าที่มีแค่พระภาคเดียว แต่เป็นพระเจ้าก้อนเดียวที่ประกอบไปด้วยสามพระภาคหรือสามบุคคล

24 กุมภาพันธ์ 2560

วางชีวิตสอดคล้องกับศิโยน (Zion alignment)

บทความเรื่อง "วางชีวิตสอดคล้องกับศิโยน"(Zion alignment)
โดย อาเชอร์ อินเทรเตอร์(Asher Intrater)


ในศตวรรษแรกพันธกิจของพระคริสต์และสาวกส่วนมากจะเชื่อมโยงกับเวลาและสถานที่ แต่เมื่อข่าวประเสริฐแพร่ไปยังประชาชาติในช่วงกว่า 1,900 ปีที่ผ่านมา มีการเน้นย้ำค่อนข้างน้อยในหมู่คริสเตียนเรื่องเวลาและสถานที่ ข่าวประเสริฐประกาศที่ไหนและเวลาใดก็ได้ จะรับพระวิญญาณของพระเจ้าที่ไหนเวลาใดก็ได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้มีกายอย่างมนุษย์แต่ทรงอยู่ในเราทุกคน

อย่างไรก็ตามเมื่อเราเข้าใกล้การเสด็จกลับมาของพระเยซู เวลาและสถานที่จะมีความสำคัญอีกครั้ง พระองค์จะเสด็จมาทางกายภาพยังสถานที่แห่งหนึ่งในเวลาใดเวลาหนึ่ง สถานที่นั้นคือ ภูเขามะกอกเทศ  

เศคาริยาห์ 14:4 ใน​วัน​นั้น พระ​บาท​ของ​พระ​องค์​จะ​ทรง​ยืน​อยู่​ที่​ภูเขา​มะกอก​เทศ ซึ่ง​อยู่​หน้า​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม​ด้าน​ตะวัน​ออก และ​ภูเขา​มะกอก​เทศ​นั้น​จะ​แยก​ออก​เป็น 2 ส่วน จาก​ทิศ​ตะวัน​ออก​ไป​ทิศ​ตะวัน​ตก โดย​มี​หุบ​เขา​กว้าง​มาก​คั่น​อยู่ ภูเขา​กึ่ง​หนึ่ง​จึง​จะ​ถอย​ไป​ทาง​เหนือ และ​อีก​กึ่ง​หนึ่ง​จะ​ถอย​ไป​ทาง​ใต้


กิจการ  1:11 สอง​คน​นั้น​กล่าว​ว่า “ชาว​กา​ลิลี​เอ๋ย ทำไม​พวก​ท่าน​ถึง​ยืน​จ้อง​มอง​ฟ้า​สวรรค์? พระ​เยซู​องค์​นี้​ที่​ทรง​รับ​ไป​จาก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ขึ้น​ไป​ยัง​สวรรค์​นั้น จะ​เสด็จ​มา​อีก​ใน​ลักษณะ​เดียว​กับ​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​เห็น​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ยัง​สวรรค์​นั้น”

เวลาคือเมื่อประชาชาติ จู่โจมอิสราเอล  

เศคาริยาห์ 14:2 เพราะ​เรา​จะ​รวบ​รวม​ประ​ชา​ชาติ​ทั้ง​สิ้น​ให้​ทำ​ศึก​กับ​เย​รู​ซา​เล็ม เมือง​นั้น​จะ​ถูก​ยึด ทรัพย์​ใน​บ้าน​จะ​ถูก​ปล้น​และ​ผู้​หญิง​จะ​ถูก​ข่ม​ขืน พล​เมือง​ครึ่ง​หนึ่ง​จะ​ตก​ไป​เป็น​เชลย แต่​ประ​ชา​ชน​ส่วน​ที่​เหลือ​อยู่​จะ​ไม่​ถูก​ตัด​ออก​เสีย​จาก​เมือง


ลูกา21:20  “เมื่อ​พวก​ท่าน​เห็น​กอง​ทัพ​มา​โอบ​ล้อม​กรุง​เย​รู​ซา​เล็ม จง​รู้​ว่า​วิบัติ​ของ​เมือง​นั้น​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว

และอิสราเอลจะร้องว่า บารุค ฮาบา”  

สดุดี 118:26 ขอ​ท่าน​ผู้​เข้า​มา​ใน​พระ​นาม​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ จง​ได้​รับ​พระ​พร เรา​อวย​พร​พวก​ท่าน​จาก​พระ​นิ​เวศ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์

มัทธิว 23:39 เพราะ​ว่า​เรา​บอก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ว่า ตั้ง​แต่​นี้​ไป​เจ้า​จะ​ไม่​เห็น​เรา​อีก จน​กว่า​พวก​เจ้า​จะ​กล่าว​ว่า ‘ขอ​ให้​ท่าน​ผู้​เสด็จ​มา​ใน​พระ​นาม​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​พระ​เจริญ’ ”

ในโทราห์มีเทศกาลที่เรียกว่า מועד โมเอ็ด หมายความว่า เวลาที่กำหนดไว้”
ในหนังสือผู้เผยพระวจนะ คำสัญญาฝ่ายวิญญาณแต่ละข้อล้วนเชื่อมต่อกับพระสัญญาทางกายภาพของการยึดครองดินแดน
ในมุมมองของคริสเตียน โลกวิญญาณนั้นเป็นสากลและไม่มีขอบเวลา
ในมุมมองของยิวโลกวิญญาณนั้นเกี่ยวเนื่องกับเวลาและสถานที่ ทั้งคู่ต่างเป็นความจริง มุมมองทั้งสองฝั่ง  (two-eyed) จากพระคัมภีร์กำลังรับการฟื้นคืนในวันนี้เพื่อให้เรามีมุมมองครบถ้วนทุกมิติ
เพื่อที่จะพร้อมรับการเสด็จมาของพระคริสต์ ความสนใจของทั้งโลกจะต้องจดจ่ออยู่ที่ทิศทางที่ถูกต้อง ละครจะเล่นไม่ได้ ม่านจะไม่เปิดออก และนักแสดงชูโรงจะปรากฏตัวไม่ได้หากทุกคนยังไม่มองมาที่เวที กรุงเยรูซาเล็ม คือ เวที 
พระเยซูคือนักแสดงชูโรงคนนั้น

คำภาษาฮีบรูที่ใช้เรียก ศิโยน คือ ציון หมายความว่า ป้ายสัญญาณ

เยเรมีห์ 31:21  “จง​ปัก​ป้าย​ชี้​ทาง​ไว้​สำ​หรับ​ตน จง​ทำ​ป้าย​นำ​ทาง​ไว้​สำ​หรับ​ตัว จง​พิจาร​ณา​ให้​ดี​ถึง​ทาง​หลวง คือ​ทาง​ซึ่ง​เจ้า​ดำ​เนิน​ไป​นั้น อิส​รา​เอล​พรหม​จารี​เอ๋ย จง​กลับ​เถิด จง​กลับ​มา​ยัง​เมือง​เหล่า​นี้​ของ​เจ้า

ศิโยนคือจุดสังเกตเป็นป้ายบอกทางชี้ไปยัง เส้นทางที่ถูก ไม่ต้องแปลกใจที่องค์การสหประชาชาติและพวกอิสลามหัวรุนแรงจะเป็นกลุ่ม “ต่อต้าน” การสร้างชาติอิสราเอล (ต่อต้านไซออนนิสต์ Anti Zionistทุกคนจะถูกชี้ทางให้ไปยังศิโยน ไม่ว่าจะเพื่อการดีหรือการร้ายก็ตาม

ผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นมีชื่อว่า “ผู้เกลียดชัง”ศิโยน
สดุดี 129:5 ขอ​ให้​ทุก​คน​ที่​เกลียด​ชัง​ศิโยน อับ​อาย​และ​ต้อง​ถอย​กลับ​ไป

การวางชีวิตสอดคล้องนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน เหมือนกับการจัดกระดูกบำบัดสำหรับ “พระกายพระคริสต์”เมื่อคอและหลังกลับมาเรียงประสานกัน(alignment) พลังการรักษาและอิสระในการเคลื่อนไหวก็ถูกปลดปล่อย สิ่งนี้จะวางระเบียบและแบบแผนแผนงานที่ถูกต้องของแผนงานพระเจ้าขึ้น

1. พระมหาบัญชา (Great Commission)  พระเยซูส่งสาวกออกไปเพื่อประกาศข่าวประเสริฐจากเยรูซาเล็มยังสุดปลายแผ่นดินโลก และบัดนี้จะกลับมาสู่เยรูซาเล็ม

กิจการฯ 1:8  แต่​พวก​ท่าน​จะ​ได้​รับ​พระ​ราช​ทาน​ฤทธา​นุภาพ เมื่อ​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​เสด็จ​มา​เหนือ​ท่าน และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​สักขี​พยาน​ของ​เรา​ใน​กรุง​เยรู​ซา​เล็ม ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย ทั่ว​แคว้น​สะมา​เรีย และ​จน​ถึง​ที่​สุด​ปลาย​แผ่นดิน​โลก”

2. เอกภาพในพระกาย (Unity of the Body) เมื่อคริสเตียนมีศิโยนในหัวใจ พวกเขาจะเป็นหนึ่งเดียวกันในการอธิษฐานและฝ่ายวิญญาณ (สดุดี 133, ยอห์น17)

3. คริสตจักรนานาชาติ (International Church)  (ศาสนศาสตร์คริสตจักร -Ecclesiology) เมื่อคริสเตียนถูกทาบกิ่งเข้ายัง “ต้นมะกอก”พวกเขาจะเชื่อมต่อกับรากเหง้าของความเชื่อตน 
โรม 11:17 แต่​ถ้า​บาง​กิ่ง​ถูก​หัก​ออก​เสีย​แล้ว และ​พระ​เจ้า​ทรง​นำ​ท่าน​ผู้​เป็น​กิ่ง​มะกอก​เทศ​ป่า​มา​ต่อ​กิ่ง​ไว้​แทน​กิ่ง​เหล่า​นั้น เพื่อ​ให้​เข้า​เป็น​ส่วน​ได้​รับ​น้ำ​เลี้ยง​จาก​ราก​ต้น​มะกอก

4. เวลาสิ้นยุค(End Times) (ศาสนศาสตร์ยุคสุดท้าย -Eschatology) ทุกคำพยากรณ์ถึงการเสด็จกลับมาของพระคริสต์ชี้ไปยังเหตุการณ์ในอิสราเอลและตะวันออกกลาง(เอเสเคียล 38-39)

5. เพนเตคอสครั้งที่ 2 (Second Pentecost) ในยุคสุดท้ายพระวิญญาณจะเทลงมาเหนือมนุษย์ทุกคนในการฟื้นฟูครั้งใหญ่ด้วยหมายสำคัญ และการอัศจรรย์ 
กิจการ 2:17-21 
 17 ‘พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า ใน​วาระ​สุด​ท้าย เรา​จะ​เท​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​เรา​บน​มนุษย์​ทั้ง​หมด บุตรา บุตรี​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลายจะ​เผย​พระ​วจนะ บรร​ดา​คน​หนุ่ม​ของ​ท่าน​จะ​เห็น​นิมิต และ​บรร​ดา​คน​แก่​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลายจะ​ฝัน​เห็น
 18 แน่​ที​เดียว​เว​ลา​นั้น เรา​จะ​เท​พระ​วิญ​ญาณ​ของ​เรา บน​ทาส​ทาสี​ของ​เรา และ​เขา​ทั้ง​หลาย​จะ​เผย​พระ​วจนะ
 9 เรา​จะ​สำ​แดง​การ​อัศ​จรรย์​ใน​อา​กาศ​เบื้อง​บน และ หมาย​สำ​คัญที่​แผ่น​ดิน เบื้อง​ล่าง เป็น​เลือด ไฟ และ​ไอ​ควัน
 20 ดวง​อา​ทิตย์​จะ​มืด​ไป และ​ดวง​จันทร์​จะ​กลับ​เป็น​เลือด ก่อน​ถึง​วัน​ยิ่ง​ใหญ่​และ​สง่า​งามของ​พระ​เจ้า
 21 และ​จะ​เป็น​เช่น​นี้​คือ ทุก​คน​ที่​ร้อง​ขอ​ใน​พระ​นาม​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​จะ​ได้​รับ​ความ​รอด’ 

6. อาณาจักรพันปี (Millennial Kingdom) หลังจากการเสด็จกลับมาของพระเยซูจะมีการปกครองโลกทั้งใบด้วยสันติและความเจริญรุ่งเรืองโดยมี กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง 
อิสยาห์ 2:1-4 
 1 ถ้อย​คำ​เกี่ยว​กับ​ยูดาห์​และ​เยรู​ซาเล็ม​ที่​อิส​ยาห์​บุตร​อา​มอส​ได้​เห็น
 2 ใน​วาระ​สุดท้าย​จะ​เป็น​ดัง​นี้ คือ​ภูเขา​แห่ง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ จะ​ถูก​สถา​ปนา​ขึ้น​เป็น​ที่​สูง​สุด​ของ​ภูเขา​ทั้ง​หลาย และ​จะ​ถูก​ยก​ขึ้น​ให้​อยู่​เหนือ​บรร​ดา​เนิน​เขา ประ​ชา​ชาติ​ทั้ง​หมด​จะ​หลั่ง​ไหล​เข้า​มา​หา
3 ​​และ​ชน​ชาติ​จำนวน​มาก​จะ​มา​และ​กล่าว​ว่า “มา​เถิด ให้​เรา​ขึ้น​ไป​ยัง​ภูเขา​ของ​พระ​ยาห์​เวห์ ไป​ยัง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​ของ​ยา​โคบ แล้ว​พระ​องค์​จะ​ทรง​สอน​วิถี​ของ​พระ​องค์​แก่​เรา และ​เพื่อ​เรา​จะ​เดิน​ใน​มรร​คา​ของ​พระ​องค์” เพราะ​ว่า​ธรรม​บัญญัติ​จะ​ออก​มา​จาก​ศิโยน และ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​จะ​ออก​มา​จาก​เย​รู​ซา​เล็ม
4 พระ​องค์​จะ​ทรง​วินิจ​ฉัย​ระหว่าง​ประ​ชา​ชาติ​ทั้งหลาย และ​จะ​ทรง​ตัด​สิน​ความ​ให้​ชน​ชาติ​จำนวน​มาก และ​พวก​เขา​จะ​ตี​ดาบ​ของ​เขา​ให้​เป็น​ผาล​ไถ​นา และ​หอก​ของ​เขา​ทั้งหลาย​ให้​เป็น​ขอ​ลิด​แขนง ประ​ชา​ชาติ​จะ​ไม่​ยก​ดาบ​ขึ้น​ต่อ​สู้​กัน และ​เขา​จะ​ไม่​ศึก​ษา​ยุทธ​ศาสตร์​อีก​ต่อ​ไป

7. การสร้างโลกใหม่ (New Creation)ท้ายที่สุดในพระคัมภีร์เราเห็นสวรรค์คืนกลับมาในโลกที่สมบูรณ์เมื่อเยรูซาเล็มจากสวรรค์ลงมายังแผ่นดินโลก (วิวรณ์ 21-22)
ได้โปรดอธิษฐานกับเราให้การวางชีวิตสอดคล้องกับศิโยนสำเร็จเป็นจริง


ขอบคุณข้อมูลจาก  http://reviveisrael.org

22 กุมภาพันธ์ 2560

เจาะลึกพระคัมภีร์เกี่ยวกับการสอนเรื่องการรักษาโรค

เจาะลึกพระคัมภีร์เกี่ยวกับการสอนเรื่องการรักษาโรค(Approaching the Bible’s Teaching on Healing) 
โดย แดน จัสเตอร์(Dan Juster)
ในปี 1980 อาเชอร์และผมได้ศึกษาในหัวข้อเรื่องการรักษาโรคกันอย่างเข้มข้นโดยศึกษาจากอาจารย์ที่โดดเด่นที่สุดในสิ่งที่พระคัมภีร์สอนเกี่ยวกับการรักษา  เราเองนั้นได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ มีการรักษาที่เด่นชัดแต่ก็ยังมีบางความเจ็บป่วยที่น่าผิดหวังมาก ซึ่งในที่สุดก็จบลงด้วยความตาย
เพื่อนสนิทของเรา ดร. ไมเคิล บราวน์ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่สุดในเรื่องของการรักษาตามอย่างพระคัมภีร์ไบเบิล เขาได้รับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กในการทำวิทยานิพนธ์ของเขาเกี่ยวกับการรักษาโรคในพระคัมภีร์ฮีบรู ซึ่งต่อมานี้ถูกจัดให้เป็นหนังสือที่สำคัญ โดยมีชื่อว่า "การรักษาโรคจากพระเจ้าของชาวอิสราเอล"
นี่คือมุมมองทั่วๆไป 3 ประการในการรักษาโรค:
 1. ในขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันพื้นฐานของเราซึ่งมาจากพระเจ้านั้นได้นำการรักษาและเป็นของขวัญจากพระเจ้า  การหายโรคอย่างอัศจรรย์เหนือธรรมชาติ และปรากฏการณ์สร้างสรรค์อวัยวะใหม่และการฟื้นฟูร่างกายอย่างเหนื่อธรรมชาตินั้นเกิดขึ้นน้อยมาก    เราสามารถและควรจะอธิษฐานขอให้การอัศจรรย์ดังกล่าว เกิดขึ้น  แต่ในหลักการทั่วไปแล้วไม่ว่าจะเป็นชีวิตของผู้เชื่อหรือผู้ไม่เชื่อก็ตามโรคภัยไข้เจ็บก็จะให้ผลลัพท์ออกมาอย่างเดียวกันเพราะนี่เป็นผลมาจากที่มนุษย์ล้มลงในความบาปและนี่คือมุมมองพื้นฐานของผู้เชื่อนอกนิกายคาริสเมติก (non-charismatics) รวมถึงผู้นำเมสสิยานิคยิว หลายคนด้วยกัน
2. เราจะต้องอธิษฐานสำหรับการรักษา และถ้าเรามีการอธิษฐานขอให้มีการรักษาเป็นปกติสม่ำเสมอหรือทุกครั้งที่มีโอกาสจะส่งผลให้เราเห็นการรักษาที่เหนือธรรมชาติมากขึ้น  อย่างไรก็ตามเราต้องวางใจในพระเจ้าและรู้ว่าการรักษาเป็นเรื่องของอำนาจอธิปไตยสูงสุดของพระเจ้า  สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อให้มีความเชื่อเกี่ยวกับการรักษาโรคคือการดำเนินชีวิตติดสนิทกับพระเจ้า หลีกเลี่ยงบาป และมีชีวิตอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไว้วางใจในพระเจ้า  ในขณะเดียวกันนั้นเราก็นำตัวเองเข้าสู่การอธิษฐานรักษาโรคและนี่คือมุมมองกลุ่มวินยาร์ด  (Vineyard) ที่สอนโดยจอห์น วิมเบอร์ (John Wimber)
3. การรักษาเป็นพระประสงค์นิรันดรของพระเจ้า  ถ้าเราต้องการให้ตัวเองเป็นที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้าแล้ว เราจะต้องใคร่ครวญพระคัมภีร์ในเรื่องการรักษาโรคและประกาศถ้อยคำพวกตามพระสัญญาที่เฉพาะเจาะจงในข้อนั้นๆและได้รับการรักษา  ให้หายเสมอ  เพราะการรักษาโรคของพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จริงแท้แน่นอน  ดังนั้นถ้าผู้ใดที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหนือธรรมชาตินั้นก็เป็นความล้มเหลวของบุคคลนั้นที่ไม่ได้สร้างความเชื่อของเขาเพื่อที่จะได้รับมัน  ความเชื่อเรื่องการหายโรคเป็นสิ่งที่ผู้นั้น    จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่จะต้องขวนขวายเองเพื่อจะได้รับ และนี่คือมุมมองของกลุ่มถ้อยคำแห่งความเชื่อซึ่งมีอาจารย์ผู้ขับเคลื่อนได้แก่ เคนเน็ธ เฮกิ้น  เคนเนธ โคปแลนด์  แอนดรูว์ วอร์แมคและอื่น  อีกมากมาย  สำหรับพี่น้องเหล่านี้ถ้าไม่สามารถยึดว่า พระสัญญาเกี่ยวกับการเยียวยานั้นครบถ้วนสมบูรณ์และเป็นไปได้แน่นอนมันก็จะเป็นการบั่นทอนการสร้างความเชื่อเพื่อที่จะ     ได้รับการรักษานั้น
มุมมองของเราไม่สอดคล้องทีเดียวกับความเชื่อใดๆ ของทั้ง 3 ประการดังกล่าวข้างต้น เราสามารถสรุปความคิดเห็นของเรา      ดังต่อไปนี้โดยอ้างอิงตามหนังสือของดอกเตอร์บราวน์ว่าการรักษาเป็นพระประสงค์พื้นฐานของพระเจ้าสำหรับคนที่เชื่อฟังพระองค์  แต่ไม่สามารถทำให้เรื่องนี้เป็นกฎตายตัวและสรุปว่าเป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่จะทำการรักษาทุกคนในทุกกรณี  เราสามารถรู้ว่ามันเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าทั่วไปในการรักษาซึ่งจะตั้งอยู่บนพื้นฐานต่อไปนี้:
1. เป็นพระสัญญาให้แก่อิสราเอลให้สุขภาพร่างกายที่ดี ถ้าพวกเขาจะมีชีวิตที่เชื่อฟังซึ่งรวมถึงการช่วยให้รอดพ้นจาก"โรคภัย    จากอียิปต์" การแท้งบุตรและพระพรของการมีชีวิตที่ยืนยาว
2. การหายจากความป่วยไข้ถูกรวมอยู่ในการลบมลทินบาป -การไถ่ของเยชูวาห์เช่นที่กล่างในอิสยาห์ 53:"เขาแบกรับความเจ็บไข้ของเราโดยบาดแผลเฆี่ยนตีเพื่อเราจะได้หายดี”
3. พันธกิจการรักษาของเยชูวาห์คือการสำแดงพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคนของพระองค์
4. คำพูดสรุปของเปโตรในการลบมลทินบาปว่า "พระองค์ทรงแบกบาปของเราไว้บนต้นไม้โดยรอยแผลเฆี่ยนของพระองค์รักษาเราให้หายแล้ว" ไม่ได้เป็นเพียง แต่รักษาทางจิตวิญญาณ แต่ทางกายภาพด้วย
5. ในช่วงเวลาของการฟื้นฟูและมีความตื่นตัวและความร้อนรนทางฝ่ายจิตวิญญาณนั้น มีการหายโรคกันอย่างแพร่หลาย ตัวอย่างเช่น เพนซาโคลา (Pensacola) ซึ่งมาจากกลุ่มวินยาร์ด (Vineyard) ในยุคต้นๆและคริสตจักรเบธเอลของ บิล จอห์นสัน
6. อย่างไรก็ตามแม้ว่าการรักษาจะเป็นพระประสงค์พื้นฐานของพระเจ้า   เราก็ยังเห็นการตายของเอลีชาและความเจ็บป่วย      ของบางคนในพันธสัญญาใหม่  ดังนั้นการรักษาจึงไม่ได้เป็นสัญญาแน่นอนสำหรับทุกกรณีหรือทุกครั้ง
7. ประเภทของความเชื่อที่จะเคลื่อนย้ายภูเขานั้น เป็นประเภทความเชื่ออย่างพระเจ้า  ซึ่งต้องเป็นพระเจ้าเท่านั้นที่จะสามารถมอบให้ได้   แน่นอนที่พระองค์จะทรงประทานความเชื่อที่เราจำเป็นสำหรับสิ่งที่พระองค์เรียกให้เราทำเและส่วนใหญ่ก็จะรวมถึงความเชื่อในการรักษาโรคด้วย 
 เมื่อมีคนพูดว่า สาเหตุที่คุณไม่ได้รับการรักษาโรค เพราะเป็นความผิดของเขาหรือเธอ ซึ่งรวมถึงประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต    เราเชื่อว่านี่เป็นการสอนที่ผิด สาเหตุที่คนไม่ได้รับการรักษาอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เสริมสร้างชีวิตที่อยู่ด้วยความเชื่อผ่านทาง    พระวจนะของพระเจ้า หรืออาจจะไม่ใช่เพราะเหตุนั้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงขณะใด เราสามารถกลับใจ แสวงหาพระเจ้าและจุ่มไปในพระคำ  และแน่นอน ถ้าคนนั้นมีความเชื่อตามพระคำมาระโก 11:24 เค้าก็จะได้ในสิ่งที่เค้าขอ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถ     จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่าเราจะมีความเชื่อแบบนั้นได้ไหม ความเชื่อแบบนั้นต้องประทานมาจากพระเจ้า ฉะนั้น เราจะมาพูดคุยว่าเราสามารถทำอย่างไรเพื่อให้เพิ่มโอกาสเกิดการหายโรคในขณะที่ก็พักในพระเจ้าถ้าการรักษาโรคนั้นไม่เกิดขึ้น
1. ข้อแรก การให้คำปรึกษาของเราควรนำให้เค้ายอมเอาตัวเองเข้าไปในพระหัตถ์ของพระเจ้า และยอมจำนนและยอมรับว่าพระองค์เป็นพระเจ้า ให้เค้าสารภาพเท่าที่ทราบ บาปทั้งหมด คำสาปแช่ง ความขมขื่น การไม่ให้อภัย และคำสาปแช่งจากบรรพบุรุษที่ยังไม่เคยประกาศตัดขาดมาก่อน  (ถูกบอกเป็นนัยๆโดยยากอบ)
2. อย่างที่สอง ควรทำพิธีมหาสนิท เพราะมีฤทธิ์อำนาจในการรักษา
3. ควรขอให้ผู้อาวุโสในคริสตจักรเจิมด้วยน้ำมันและอธิษฐานเพื่อการหายโรค
4. เค้าควรให้ความคิดจดจ่อไปที่ลิขิตชีวิตในชีวิตนิรันดร์และยุคที่กำลังจะมาถึงและมอบชีวิตแด่ความหวังของลิขิตชีวิตสูงสุด ซึ่งทำให้เอาชนะความกลัวในความตาย
5. ใคร่ครวญถึงความดีงามของพระเจ้าและพระเมสสิยาห์และในข้อพระคัมภีร์ที่เป็นพระสัญญาในเรื่องการรักษาโรค เพื่อเปิดโอกาสให้พระเจ้าประทานความเชื่อในการหายโรค นี่คือสิ่งที่เราสามารถทำได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นหลักประกันถึงการหายโรค   อย่างไรก็ตาม เราสามารถทำสิ่งเหล่านี้เพื่อเพิ่มโอกาสโดยการเสริมสร้างความเชื่อในการรับให้มากขึ้น
6. ทำตัวเองให้ว่างเพื่อเปิดโอกาสเข้าร่วมการประชุมที่นำโดยพระวิญญาณ พันธกิจการรักษาโรคเป็นต้น ซึ่งต้องอธิษฐานของการทรงนำจากพระวิญญาณ โดยปราศจากการเชิญชวนให้เข้าร่วมสัมมนาหริอพันธกิจรักษาโรคแบบบ้าคลั่ง
7. จะดีกว่าที่จะหลีกเลี่ยงการแถลงการณ์ว่าได้รับการรักษาแล้ว เราหลีกเลี่ยงที่จะให้ผู้ที่หวังดีแถลงการณ์เรื่องว่าได้รับการรักษาแล้วเพื่อจะนำที่ประชุมเข้าสู่การยืนหยัดแบบเข้มข้นในทางใดทางหนึ่งเพื่อการรักษาโรค เพราะต่อมาอาจเกิดความผิดพลาดจากผลของการแถลงนั้น
8. เราควรเปิดโอกาสให้ผู้เผยพระวจนะที่เชื่อถือได้พูดถ้อยคำเข้าไปในสถานการณ์หรือในพื้นที่ที่ควรหักล้างทำลายหรือการแถลงการณ์อื่นๆ สถานการณ์ของลูกชายคนสุดท้องของผมเป็นตัวอย่างสำหรับกรณีนี้ ครั้งแรกที่เค้าป่วยนั้น เค้ามีอายุ 1 ขวบ      มีอาการโรคหัวใจขั้นรุนแรง หมอบอกว่าไม่มีหวังและเขาจะตาย ผู้เผยพระวจนะที่เชื่อถือได้หลายท่านป่าวประกาศว่าเค้าจะได้รับการรักษาแบบหายขาดและอาการจะดีขึ้น เราได้เห็นการฟื้นฟูแบบเหนือธรรมชาติ 11 ปีต่อมา ในอีกเหตุการณ์ ขณะที่เค้าอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ เราได้จัดการประชุมอธิษฐานแบบเข้มข้นสำหรับการรักษาโรคให้เค้า ซึ่งการประชุมนี้ได้รับการยืนยันจากผู้เผยพระวจนะที่เข้มแข็ง แต่ไม่มีผู้เผยพระวจนะท่านไหนได้รับถ้อยคำจากพระเจ้าว่าเค้าจะได้รับการรักษา หรือชุบให้ฟื้นจากความตาย ฉะนั้น เรารู้ว่าในขณะที่เรากำลังต่อสู้ เราไม่สามารถพักพิงในคำเผยพระวจนะได้ ถึงแม้เราอ่านข้อพระคัมภีร์ที่เป็นพระสัญญา   ของพระเจ้า พระเจ้าไม่ได้ประทานความเชื่อที่จะให้เราชุบเค้าให้ฟื้นขึ้นมา
ฉะนั้น ให้เราทุกคนอธิษฐานเพื่อการรักษาโรค ให้เราเสริมสร้างความเชื่อในเรื่องนี้  เมื่อมีอาการเจ็บป่วย ให้ไปหาพระเจ้าเป็นอันดับแรก และแสวงหาที่จะได้รับความเชื่อในการหายโรค ให้เราอธิษฐานเพื่อการหายโรคตราบที่คนนั้นยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตาม ให้เราพึงตระหนักว่าพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์สูงสุดดูแลเราในเรื่องนี้อยู่  ให้ศึษาใส่ใจคำสอนในเรื่องการหายโรคจากมุมมองของพระคัมภีร์ทั้งเล่ม
ขอแนะนำหนังสือของไมเคิล บราวน์ (Michael Brown)  เรื่อง Israel’s Divine Healer
 ขอบคุณข้อมูลจาก http://reviveisrael.org/ 

15 กุมภาพันธ์ 2560

อาเชอร์ ต้นไม้ริมธารน้ำ

สุขสวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน  เรากำลังอยู่ในเดือนแห่ง"ความสุข" เพราะเดือนนี้ คือ เดือนเชบัท (Shevat)  ปี 5777  (ช่วงวันที่ 28 มกราคม - 26 กุมภาพันธ์  2017)    
เชบัท (Shevat) เป็นเดือนแห่งเผ่าอาเชอร์ (Asher)  หมายถึง ความสุข”  

เดือนเชบัท (Shevatเป็นเดือนที่ 11 ตามปฏิทินยิวแบบศาสนา(Ecclesiastical calendar)และเป็นเดือนที่ ตามปฏิทินแบบราชการ(Civil calendar  
ในเดือนนี้มีเหตุการณ์สำคัญที่พระคัมภีร์บันทึกไว้คือ   เป็นเดือนที่โมเสส กล่าวพระบัญญัติแก่คนอิสราเอล
 

เฉลยธรรมบัญญัติ 1:3 ในวันที่ 1เดือนที่11(เชบัท)  ปีที่ 40 โมเสสได้กล่าวแก่คนอิสราเอล ตามบรรดาพระดำรัสที่พระเจ้าทรงประทานแก่ท่านเป็นพระบัญญัติให้แก่เขาทั้งหลาย 

เป็นเดือนที่เศคาริยาห์ กล่าวคำเผยพระวจนะแก่คนอิสราเอล

เศคาริยาห์ 1:7 เมื่อวันที่24เดือนที่11 ซึ่งเป็นเดือนเชบัท ในปีที่2 แห่งรัชกาลดาริอัส พระวจนะของพระเจ้ามายังเศคาริยาห์ ผู้เผยพระวจนะบุตรเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรอิดโด และเศคาริยาห์กล่าวว่า


เดือนนี้เทศกาลสำคัญ  นั่นคือ ทิวบา เชบัท”  (Tu B'Shevat)  คือ ในช่วงวันที่ 15 เชบัท ( 11 ก.พ. 2017)  เป็นวัน "ต้นไม้แห่งชาติ" ของชาวยิว ( Jewish Arbor Day) เพื่อระลึกถึงการจัดสรรของพระเจ้าในการเข้าสู่ดินแดนพันธสัญญา  3 ปีแรกห้ามรับประทาน ปีที่ 4 นำมาถวายแด่พระเจ้า และปีที่ 5 สามารถรับประทานได้


เลวีนิติ 19:23-25
23 “เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินและปลูกต้นไม้ทุกชนิดที่มีผลเป็นอาหาร ผลที่ได้นั้นต้องเป็นผลที่ต้องห้าม 3 ปีเจ้าอย่ารับประทานเลย
24 และปีที่ 4 ผลที่ได้ทั้งหมดจะเป็นของบริสุทธิ์เป็นเครื่องบูชายอพระเกียรติแด่พระเจ้า
25 แต่ในปีที่ 5 จ้าจงรับประทานผลไม้นั้นได้เพื่อจะบังเกิดผลทวีขึ้นเพื่อเจ้า เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

ทิวบา เชบัท”   ถือเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ของต้นไม้ต่างๆ  เดือนนี้ต้นอัลมอนด์จะเริ่มผลิดอกบาน  ซึ่งจะเริ่มเปลี่ยนจากฤดูหนาว(Winter)เป็นฤดูใบไม้ผลิ(Spring) ในเดือนนิสาน


ดร.ชัค เพียร์ส(Dr.Chuck Pierce) ได้เผยพระวจนะในช่วงเดือนเชบัท และให้ร้องตะโกนว่า  "พระพรนานัปการของข้าพเจ้ากำลังเดินทางมาถึงแล้ว!"  (my blessings are on the way!)
เดือนนี้เป็นช่วงเวลาของการประกาศิตว่า "การหายโรคโดยพระเจ้า! การรื้อฟื้นจากสวรรค์!" 

เป็นเดือนที่ต้นอัลมอนด์ออกดอกบานสะพรั่งในประเทศอิสราเอล ต้นอัลมอนด์เป็นต้นไม้พันธุ์แรกที่เริ่มออกดอกบาน และเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นของวงจรใหม่ จงร้องเรียกหาองค์เจ้าชีวิต  สำหรับการผลิดอกออกผล"ใหม่"ภายในเรา เมื่อพวกเรากำลังอธิษฐาน เราจะออกผลมากในปีนี้ และเพื่อที่เราจะผลิบาน และส่งกลิ่นหอมที่จะเป็นกลิ่นหอมแห่งชีวิตในพระคริสต์ 
เดือนเชบัท เป็นเดือนแห่งอาเชอร์

ผมได้ตั้งชื่อเผ่าของอิสราเอล พงศ์พันธุ์ของยาโคบเป็นภาษาไทยเพื่อให้จดจำได้ ดังนี้

รูเบน-"สมชาย", สิเมโอน -"สดับฟัง", เลวี-"สนิทใจ", ยูดาห์-"สรรเสริญ", 
อิสสาคาร์-"สินชัย",เศบูลุน-"สมเกียรติ", กาด -"สบโชค", 
โยเซฟ-"เสริมพล", มนัสเสห์ -"สิ้นโศก", เอฟราอิม -"เสริมพงศ์", เบนยามิน-"ศักดิ์ชาย",

อาเชอร์- "สุขใจ",นัฟทาลี- "สมชัย", ดีนาห์- "แสนดี"
(หมายเหตุ  เรียนรู้จักลักษณะของเผ่าต่างๆประจำเดือนของอิสราเอลโดยสามารถอ่านบทความที่เขียนไว้ตาม Link นี้ครับ  สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์อิสสาคาร์ - ลาที่มีกำลังกล้าหาญ,เศบูลุน-เรือสำเภามุ่งสู่จุดหมาย,รูเบน - บุตรชายสายน้ำเชี่ยว,สิเมโอน กระบี่ในใจที่ร้ายกาจ,กาด นักรบผู้เก่งฉกาจ,เอฟราอิม-กระทิงแห่งศักดิ์ศรีนัสเสห์- ช่อมะกอกที่ออกผล,เบนยามิน -สุนัขป่า นักล่า, ดาน สันดานงูพิษ)
  
อาเชอร์ (Asher - אָשֵׁר )  หรือ นาย "สุขใจ" เป็นบุตรชายคนที่ 8 ของยาโคบ(อิสราเอล) เป็นบุตรของนางเลอาห์ซึ่งเกิดจากนางศิลปาห์สาวใช้ของเธอ

ปฐมกาล. 30:13 เลอาห์ก็ว่า ข้าพเจ้ามีความสุข เพราะพวกสตรีจะเรียกข้าพเจ้าว่า เป็นสุขนางจึงตั้งชื่อบุตรนั้นว่า อาเชอร์

อาเชอร์ ได้รับการอธิษฐานอวยพรจากบิดา คือ ยาโคบดังนี้ 

ปฐมกาล. 49:20  อาหารของอาเชอร์จะบริบูรณ์ และเขาจะผลิตเครื่องเสวยสำหรับกษัตริย์ 

นี่เป็นคำเผยพระวจนะที่เผ่าอาเชอร์จะได้ครอบครองดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด  สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นเป็นจริง!

เผ่าอาเชอร์ได้รับมรดก ในดินแดนพันธสัญญา นั้นคือได้ครอบครองตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน(Mediterranean)  ระหว่างเมืองไทระ(Tyre)และภูเขาคาร์เมล(Mt.Carmel) ... เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในคานาอัน 

สังเกตได้จากเป็นดินแดนที่มีข้าวสาลี  ข้าวโพดและไวน์อุดมสมบูรณ์  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการอวยพรที่เต็มขนาดของพระเจ้า
 
ดินแดนนี้มีพืชที่อุดมสมบูรณ์  มีเพียงพอ สร้างความพึงพอใจอย่างมากสำหรับเผ่าอาเชอร์  และยังสามารถส่งออกไปให้กับเผ่าอื่นๆได้ด้วย  กษัตริย์ซาโลมอนทรงได้นำผลผลิตจากที่ดินของเผ่าอาเชอร์นี้  ไว้ในพระคลังของพระองค์เอง (1 พงศ์กษัตริย์ 4:20-28)

หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี สถานที่ที่พระเยซูทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น (ยอห์น 2:1-11) ก็เป็นดินแดนที่เป็นมรดกของเผ่าอาเชอร์  ดินแดนของเผ่าอาเชอร์นี้ เป็นสถานที่ที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์ว่าทรงเป็นอาหารแห่งชีวิต

คำอวยพรของโมเสส กล่าวเผยพระวจนะถึงเผ่าอาเชอร์ว่า 

เฉลยธรรมบัญญัติ 33:24-25 
 “ขอให้อาเชอร์ได้รับพระพรเหนือบรรดาบุตรอื่นๆ ของยาโคบ ขอให้เป็นที่โปรดปรานในบรรดาพี่น้อง  ให้เขาจุ่มเท้าลงในน้ำมันมะกอก  ขอให้ดาลประตูของเขาเป็นเหล็กและทองสัมฤทธิ์ กำลังของเขาคงอยู่ตลอดชีวิตของเขา” 

เมืองของพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองโดยประตูเหล็กและทองสัมฤทธิ์  และความแข็งแกร่งของพวกเขาจะมีอายุตราบเท่าที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่

โมเสสจึงอวยพรแก่เผ่าอาเชอร์ ให้มีลูกดก (เผ่าอาเชอร์กลายเป็นหนึ่งในชนเผ่าที่มีจำนวนมากที่สุด)

เผ่าอาเชอร์อาศัยอยู่อย่างสงบสุขกับชนเผ่าอื่นๆ และมีความเจริญรุ่งเรือง   การล้างเท้าด้วยน้ำมันมะกอกเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และความเจริญรุ่งเรือง 

สัญลักษณ์ประจำเผ่าอาเชอร์ คือ "ต้นไม้"  

เผ่าอาเชอร์เป็นเสมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ที่เกิดผลตามฤดูกาล

สดุดี  1:3 เขา​เป็น​เหมือน​ต้น​ไม้​ที่​ปลูก​ไว้​ริม​ธาร​น้ำ ซึ่ง​เกิด​ผล​ตาม​ฤดู​กาล และ​ใบ​ก็​ไม่​เหี่ยว​แห้ง ทุก​อย่าง​ที่​เขา​ทำ​ก็​จำ​เริญ​ขึ้น

ดูภาพรวมๆแล้วเป็นเผ่าที่มีความสุขมาก ตามชื่อนายสุขใจ แต่ว่าพวกเขาก็เคยได้รับความยากลำบากเมื่อพวกเขากบฏต่อพระเจ้าในอดีตที่ผ่านมา

เผ่าอาเชอร์ได้เข้าร่วมเป็น 10 เผ่าของอิสราเอลทางตอนเหนือที่กบฏต่อสู้กับอาณาจักรยูดาห์ (1 พงศ์กษัตริย์ 12) 
สาเหตุหนึ่งที่พวกเขากบฏไป  อาจจะมาจากการที่กษัตริย์ซาโลมอนทรงสร้างพระวิหาร  พระองค์ได้ทรงให้ยกเมือง 20 เมืองจากอาณาเขตของเผ่าอาเชอร์ ให้กับฮีรามกษัตริย์เมืองไทระ  เพื่อแลกเปลี่ยนสำหรับความช่วยเหลือของฮีราม 
 พงศ์กษัตริย์ 9:11-12 
11 แล้ว​พระ​ราชา​ซา​โล​มอน​ก็​ประ​ทาน​เมือง 20 เมือง​ใน​แผ่น​ดิน​กา​ลิ​ลี​แก่​ฮี​ราม​กษัตริย์​แห่ง​ไท​ระ เพราะ​ฮี​ราม​ได้​ส่ง​ไม้​สน​สี​ดาร์ ไม้​สน​สาม​ใบ​และ​ทอง​คำ​ให้​แก่​ซา​โล​มอน ตาม​ที่​พระ​องค์​มี​พระ​ประ​สงค์
12 แต่​เมื่อ​ฮี​ราม​เสด็จ​จาก​เมือง​ไท​ระ​เพื่อ​ชม​เมือง​ที่​ซา​โล​มอน​ประ​ทาน​แก่​ท่าน เมือง​เหล่า​นั้น​ไม่​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​ท่าน

เมื่อชนเผ่าทางตอนเหนือก่อกบฎต่อต้านกษัตริย์เรโหโบอัม  พระโอรสของกษัตริย์ซาโลมอน เผ่าอาเชอร์ก็ไปกับพวกเขาในการกบฏ

แต่เผ่าอาเชอร์ได้กลับใจใหม่อีกครั้ง! 
เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ได้รื้อฟื้นการจัดงานฉลองเทศกาลปัสกา  พระองค์ทรงส่งสารไปยังเมืองของ 10 ชนเผ่าทางตอนเหนือ เพื่อให้พวกเขาที่จะเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองเทศกาลปัสกาของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม

2 พงศาวดาร 30:9-11
9 เพราะถ้าท่านทั้งหลายหันกลับมายังพระเจ้า พี่น้องของท่านและลูกหลานของท่านจะประสบความเอ็นดูจากผู้ที่จับเขาไปเป็นเชลย และจะได้กลับมายังแผ่นดินนี้อีก เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระเมตตาและกรุณา ถ้าท่านกลับมาหาพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงหันพระพักตร์ไปจากท่าน”...
11 มีแต่คนเผ่าอาเชอร์ มนัสเสห์และเศบูลุนบางคนที่ถ่อมตัวและมายังเยรูซาเล็ม


ฝูงชนมากมายทั้งชายและหญิงจากเผ่าอาเชอร์ เดินทางมาเข้าร่วมกับคนอื่น ๆ จากชนเผ่าทางตอนเหนือและเดินทางไปยังอาณาจักรยูดาห์  พวกเขาได้นมัสการพระเจ้าที่แท้จริง!

2 พงศาวดาร 11:16 และบรรดาผู้ที่ปักใจแสวงพระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล ก็ติดตามเขาทั้งหลายมาจากเผ่าทั้งปวงของอิสราเอลยังเยรูซาเล็ม เพื่อถวายสัตวบูชาต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย

2 พงศาวดาร 15:9 และพระองค์ทรงรวบรวมยูดาห์และเบนยามินทั้งปวง และคนเหล่านั้นจากเอฟราอิม มนัสเสห์ และจากสิเมโอน ผู้อาศัยอยู่กับเขาทั้งหลาย เพราะคนเป็นจำนวนมากได้หลบหนีมาหาพระองค์จากอิสราเอล เมื่อเขาเห็นว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของพระองค์สถิตกับพระองค์

ผลที่ได้คือเผ่าอาเชอร์ก็ไม่ได้ "เป็นชนเผ่าที่สูญหาย" เมื่อราชอาณาจักรภาคเหนือถูกนำตัวไปเป็นเชลย มีคนจากเผ่าอาเชอร์หลงเหลือในแผ่นดิน!


เผ่าอาเชอร์เป็นนักรบ กองหลังที่แข็งแกร่ง 


เวลาเคลื่อนทัพของอิสราเอล เผ่าอาเชอร์จะเดินในกลุ่มสุดท้าย เพื่อป้องกันหลัง  เมื่อศัตรูโจมตีจากด้านหลัง เผ่าอาเชอร์เป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลในการป้องกันศัตรูเมื่อมีการจัดทัพเดินผ่านถิ่นทุรกันดาร
เมื่อมีการจัดค่ายรอบพลับพลา เผ่าอาเชอร์ถูกจัดวางอยู่ทางด้านทิศเหนือของค่ายพร้อมกับเผ่าดานและเผ่านัฟทาลี  เป็นตำแหน่งที่วางไว้เพื่อปกป้องชนชาติอิสราเอล!  ในพระคัมภีร์  การโจมตีจากศัตรูมักจะโจมตีจากทางทิศเหนือ

การจัดตั้งรูปแบบค่ายของคนอิสราเอลและการตั้งพลับพลา (กันดารวิถี 2:1-34,3:21-38)  จะเห็นได้ว่าพลับพลาจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางของค่าย  ซึ่งมีเผ่าต่างๆ 12 เผ่าของอิสราเอลอยู่บริเวณรอบพลับพลา  มี 3 เผ่าตั้งค่ายอยู่ที่จุดของแต่ละเข็มทิศรอบพลับพลา เผ่าเลวีจะเข้าไปทำหน้าที่ในพลับพลา


 เผ่าอาเชอร์ ได้รับการอวยพรในเรื่องความแข็งแรงและการเกิดผล(เฉลยธรรมบัญญัติ 33 :24-25)  แต่เผ่าอาเชอร์ยังลังเลที่จะไปในการต่อสู้!

 เมื่อเผ่าอาเชอร์เข้ามาในดินแดน  พวกเขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าที่จะขับไล่ชาวคานาอันออกไป
เผ่าอาเชอร์ล้มเหลวที่จะขับไล่ชาวเมืองต่างๆออกไป 
ผู้วินิฉัย 1:31  อาเชอร์มิได้ขับไล่ชาวเมืองอัคโค หรือชาวเมืองไซดอน หรือชาวเมืองอัคลาบ หรือชาวเมืองอัคซิบ หรือชาวเมืองเฮลบาห์ หรือชาวเมืองอาฟิกหรือชาวเมืองเรโหบ

ในช่วงเวลาที่ผู้วินิจฉัย เผ่าอาเชอร์ปฏิเสธที่จะต่อสู้เคียงข้างกับเดโบราห์และบาราค ทำให้เดโบราห์ได้ตำหนิ โดยเอ่ยชื่อ เผ่าอาเชอร์ในบทเพลงแห่งชัยชนะของเธอ!

ผู้วินิฉัย  5:17 กิ เลอาดอยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ส่วนดานอาศัยอยู่กับเรือกำปั่น ทำไมเล่า อาเชอร์นั่งเฉยอยู่ที่ฝั่งทะเล ตั้งบ้านเรือนอยู่ตามท่าจอดเรือของเขา

เราเห็นได้จากการศึกษาเดือนที่แล้วคือ เดือนเทเบท  ว่า เผ่าดาน สันดานงูพิษไม่ยอมกลับใจ แต่เผ่าอาเชอร์   พวกเขากลับใจใหม่!

เผ่าอาเชอร์ตอบสนองการตักเตือนของเดโบราห์ เปลี่ยนจากนักหลับ นั่งเฉย ที่เคยมีคติประจำใจว่า "ไม่หลบ ไม่อู้ก็สู้ไม่ไหว" 
พวกเขาสำนึกผิด! จะมัวหลับ หลบ อู้ไม่ได้แล้ว ต้องเป็นนักรบที่ห้าวหาญ

เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์ เราจะพบว่าเผ่าอาเชอร์ ไม่เคยหันหลังหลับเมื่อถูกเรียกให้ออกไปรบ!
ในหนังสือผู้วินิจฉัยบทที่ 6-7 เมื่อกิเดโอน รวบรวมกองทัพไปรบ เผ่าอาเชอร์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว!
พระวิญญาณของพระยาห์เวห์ทรงสวมทับกิเดโอน ... และท่านส่งผู้สื่อสารไปทั่วทั้งเผ่ามนัสเสห์ เพื่อเรียกพวกเขาออกไปรบและส่งผู้สื่อสารไปยังเผ่าอาเชอร์ เศบูลุนและนัฟทาลี  พวกเขาก็ขึ้นไปพบกับผู้สื่อสาร

ผู้วินิฉัย  7:23 คนอิสราเอลถูกเรียกออกมาจากนัฟทาลี และจากอาเชอร์ และจากทั่วมนัสเสห์และพร้อมกันติดตามพวกมีเดียนไป

ใน 1 พงศาวดาร 12 เมื่อกษัตริย์เดวิด ตั้งกองทัพของพระองค์  กองทัพที่ใหญ่เป็นอันดับสองของชนเผ่าทั้งหมดมาจากเผ่าอาเชอร์!
1 พงศาวดาร 12:36  จากคนอาเชอร์ 40,000 คนที่พร้อมออกรบในสงคราม
1พงศาวดาร 12:38  ทหารทั้งสิ้นเหล่านี้ พร้อมที่จะทำศึก มายังเฮโบรน ด้วยเจตนาเต็มเปี่ยมเพื่อตั้งดาวิดให้เป็นพระราชาเหนือ อิสราเอลทั้งสิ้น ในทำนองเดียวกันคนอิสราเอลที่เหลืออยู่ ก็เป็นใจเดียวกันที่จะตั้งดาวิดเป็นพระราชา

1 พงศาวดาร7:40 ทั้งหมดนี้เป็นบุตรของอาเชอร์ เป็นผู้นำตระกูลของพวกเขา เป็นนักรบกล้าหาญที่ถูกคัดเลือกไว้เป็นผู้นำของเหล่าเจ้านาย จำนวนคนที่พร้อมรบในสงครามตามที่บันทึกไว้ใน ทะเบียนลำดับพงศ์คือ 26,000 คน

สิ่งที่เรียนรู้ คือ เผ่าอาเชอร์ได้เลือกทางที่ผิด แต่พวกเขากลับใจและได้รับการรื้อฟื้นในการเป็นผู้นำจนไปสู่ความสำเร็จตามเป้าประสงค์ของเขา พวกเขาคือ นักรบของพระยาห์เวห์

เดือนนี้จึงเป็นเดือนที่เราจะเตือนใจตัวเองว่า โยเอล 3:10 ... ให้​คน​อ่อน​แอ​พูด​ว่า “ข้า​เป็น​นัก​รบ”

เดือนเชบัท จึงเป็นเดือนที่เราจะอธิษฐานป่าวประกาศดังนี้ 

    เดือนแห่งความบริบูรณ์   

อธิษฐานป่าวประกาศตามพระวจนะ  ปฐมกาล 49:20 อาหารของอาเชอร์จะบริบูรณ์ และเขาจะผลิตเครื่องเสวยสำหรับกษัตริย์   

เดือนนี้เป็นเดือนที่เราจะรับพระพรเพื่อเรานำพระพรออกไปสู่ผู้อื่น!

     เดือนแห่งการเยียวยารักษา

อธิษฐานป่าวประกาศ ตามพระวจนะ   เยเรมีย์  33:6 ดูเถิด เราจะนำอนามัย และการรักษามาให้ และเราจะรักษาเขาทั้งหลายให้หายและเผยสวัสดิภาพและความมั่นคงอย่างอุดม

เดือนนี้เป็นแห่งการเยียวยารักษา เหมือนดังพระธรรมวิวรณ์ 22:1-2 กล่าวถึงแม่น้ำแห่งชีวิตที่ไหลไปที่ใดเกิดการเยียวยารักษา จิตใจของเราจะเป็นดั่งรากฐานของต้นไม้ที่จะถูกปลุกขึ้นมาด้วยแม่น้ำแห่งชีวิต

     เดือนแห่งความชอบธรรมที่เป็นรากฐานของชีวิต

อธิษฐานป่าวประกาศตามพระวจนะ  เยเรมีย์  33:16 ​ในกาลครั้งนั้น ยูดาห์จะได้รับการช่วยให้รอด และเยรูซาเล็มจะอาศัยอยู่อย่างมั่นคง พระเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’  

ตัวอักษรภาษาฮีบรูประจำเดือนนี้ คือ ตัวอักษร “ซาเด” (tsade) เป็นสัญลักษณ์ของ "ผู้ชอบธรรม"  ความหมายมาจากพระนามคือ พระยาห์เวห์ธิเคนู” (Yahweh Tsidkenu )  ความชอบธรรมจึงเป็นรากฐานของชีวิต อย่าให้ความอธรรมมาทำให้เราสั่นคลอน คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่โดยความเชื่อ(โรม 1:17)

     เดือนแห่งพระวจนะที่หล่อเลี้ยงชีวิต

อธิษฐานป่าวประกาศตามพระวจนะ    สดุดี 119:103 ​พระดำรัสของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริงๆ หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์

เดือนนี้จะเป็นเดือนที่เราจะได้อิ่มหนำในการอ่านพระวจนะ พระวจนะเป็นกำลังและเป็นอาหารที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ  (สดุดี 1:2-3)แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในพระธรรมของพระเจ้า เขาภาวนาพระธรรมของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน เขาเป็นเช่นต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง

จงเป็นดังเผ่าอาเชอร์  เป็นต้นไม้ริมธารน้ำที่เกิดผลและอยู่ในนิเวศของพระเจ้าเสมอ


สดุดี 52:8 ส่วน​ข้าพ​เจ้า​เป็น​เหมือน​ต้น​มะกอก​เขียว​สด​ใน​พระ​นิ​เวศ​ของ​พระ​เจ้า ข้าพ​เจ้า​วาง​ใจ​ใน​ความ​รัก​มั่น​คง​ของ​พระ​เจ้า​เป็น​นิตย์​นิ​รันดร์

พบกันใหม่เดือนหน้าเดือนอาดาร์ เดือนแห่งเผ่านัฟทาลีนะครับ