สุภาษิตไทยกล่าวไว้ว่า
"น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือเข้าไปขวาง" ทั้งนี้เพราะการกระทำไปขัดจังหวะหรือขัดอารมณ์ของบางคนที่กำลังโกรธอยู่ ก็อาจส่งผลให้คนที่เข้าไปขัดจังหวะเกิดอันตรายได้
อารมณ์โกรธเดือดดาลของคนเป็นเหมือนน้ำที่เชี่ยว
ดังนั้นไม่ควรที่จะอยู่ใกล้ เพราะคนนั้นจะควบคุมการกระทำของตนเองไม่ได้ อาจจะทำความเสียหายให้กับตนเองและผู้อื่น ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังได้เมื่อทำไปแล้ว
สิ่งที่กล่าวมานั้น ผมกำลังเชื่อมโยงไปถึงเผ่ารูเบน(Reuben) ซึ่งเป็นเผ่าประจำเดือนนี้คือเดือนทัมมุส(Tammuz) ช่วงวันที่ 7
ก.ค.- 4 ส.ค. 2016
เอเสเคียล 8:14-15
14 แล้วพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงทางเข้าประตูพระนิเวศของพระเจ้าด้านเหนือ และดูเถิด ที่นั่นมีผู้หญิงหลายคนนั่งร้องไห้อาลัย เจ้าพ่อทัมมุส (Tammuz) แล้วพระองค์ตรัสกับ ข้าพเจ้าว่า
15 "บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นแล้วหรือ เจ้ายังจะเห็นการลามกยิ่งกว่าสิ่งเหล่านี้อีก"
เดือนนี้เราจะมาเรียนรู้จักลักษณะของเผ่ารูเบนด้วยกัน ผมขอตั้งชื่อบทความนี้ว่า "รูเบน(Reuben) - บุตรชายสายน้ำเชี่ยว"
(หมายเหตุ เรียนรู้จักลักษณะของเผ่าต่างๆประจำเดือนของอิสราเอล สามารถอ่านได้ตาม Link นี้ครับ
สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ (Lion of Judah),อิสสาคาร์ - ลาที่มีกำลังกล้าหาญ,เศบูลุน-เรือสำเภามุ่งสู่จุดหมาย)
เดือนทัมมุสเป็นเดือนที่เชื่อมโยงกับเผ่ารูเบน รูเบนเป็นบุตรหัวปีของยาโคบ รูเบนมีศักยภาพความสามารถที่เยี่ยมยอดที่อยู่ในตัวเขา แต่เพราะว่ารูเบนไม่ได้จัดการกับปัญหาสำคัญที่สุดของเขาที่ควรจัดการ นั่นคือการควบคุมตนเอง เขาไปทำผิดบาปเรื่องเพศ คือ การร่วมประเวณีกับนางบิลฮาห์ ภรรยาน้อยของยาโคบ พ่อของเขา (ปฐมกาล 35:22)
ผลคือ ยาโคบโกรธมาก เพราะเขาเป็นลูกคนแรก เป็นความหวังของครอบครัว ยาโคบจึงมอบสิทธิบุตรหัวปีของเขาให้กับยูดาห์แทน อนาคตของเขาที่สุดยอดแต่การกระทำสุดแย่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเราดูจากคำเผยพระวจนะของยาโคบที่มาสู่ชีวิตของเขา นั่นคือ เขาเป็นบุตรชายแห่งสายน้ำเชี่ยว ที่เดือดดาลและเอาดีไม่ได้
ปฐมกาล 49:3-4
"รูเบนเอ๋ย เจ้าเป็นบุตรหัวปีของเรา เป็นกำลังและเป็นผลแรกแห่งเรี่ยวแรงของเรา เป็นยอดแห่งความเย่อหยิ่งและยอดของความรุนแรง เจ้าเดือดดาลอย่างน้ำเชี่ยวจึงเป็นยอดไม่ได้ ด้วยเจ้าล่วงเข้าไปถึงที่นอนบิดาของเจ้า เจ้าทำให้ที่นอนนั้นเป็นมลทิน เจ้าล่วงเข้าไปถึงที่นอนของเรา”
ภาษาฮีบรูของคำว่า “เดือดดาล” คือ פַּ֫חַז “pachaz” ซึ่งมีความหมายว่า เป็นฟอง เป็นเหมือนสายน้ำเชี่ยว(Unstable As Water)ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ให้ความหมายอีกอย่างคือ การไม่สามารถควบคุมหรืออยู่ในวินัยได้
เมื่อเราศึกษาจากประวัติศาสตร์อิสราเอล เดือนแรกคือ เดือนนิสาน นับจากเทศกาลปัสกา(อพยพ 12) ที่พวกเขาออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ เดือนทัมมุสจะเป็นเดือนในลำดับที่ 4 ตามปฏิทินแบบฮีบรู
ทัมมุสเป็นเดือนที่มาพร้อมกับกับดัก การไม่ระมัดระวังที่จะเฝ้านมัสการและเสาะแสวงหาพระเจ้าในเดือนนี้ ทำให้คนอิสราเอลติดกับดักคือ "วัวทองคำ"
ในเดือนแรก คือเดือนนิสาน พระเจ้าทรงปลดปล่อยคนอิสราเอลให้เป็นไทจากการกดขี่ที่อียิปต์ พระเจ้าทรงปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ พวกเขาได้รับการไถ่โดยโลหิตของแกะ ออกจากเงื้อมมือของศัตรู
ในเดือนที่ 2 คือเดือนอิยาร์ พระเจ้าทรงนำคนอิสราเอลเดินผ่านถิ่นทุรกันดารตลอดเส้นทาง พระเจ้าทรงทดสอบ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อของพวกเขาและทรงเลี้ยงดูพวกเขา จนมาถึงภูเขาซีนาย
ในเดือนที่ 3 คือเดือนสิวาน พระเจ้าเสด็จลงมายังยอดเขานั้น เพื่อเยี่ยมเยียนพวกเขา พระองค์ตรัสด้วยพระสุรเสียงที่พวกเขาสามารถได้ยินได้ และได้ประทานบัญญัติ 10 ประการแก่พวกเขาในเทศกาลสัปดาห์(Shavuot) พระเจ้าทรงเรียกโมเสส ขึ้นไปยังยอดเขาเป็นเวลาถึง 40 วัน พระเจ้าได้ประทานโทราห์(Torah) คำสอนของพระองค์แก่โมเสส แต่ในขณะที่โมเสส กำลังมี “ประสบการณ์สุดยอดบนภูเขา” นั้น คนอิสราเอลถูกทิ้งไว้ตามลำพังอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
พวกเขาไม่ชอบถิ่นทุรกันดาร พวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาไม่ชอบที่ที่พวกเขาอยู่นั้น พวกเขาต้องการพึ่งพาโมเสส ที่จะนำพวกเขาออกไป แต่ทว่า โมเสสหายไปแล้ว แต่พวกเขาต้องการฟื้นความมั่นใจกลับมา พวกเขาไม่ชอบที่จะไว้วางใจในพระเจ้าที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา พวกเขาต้องการบางสิ่งที่จับต้องได้ เพื่อปกป้องพวกเขา
ดังนั้นในเดือนที่ 4 คือเดือนทัมมุส อาโรนจึงได้สร้างวัวทองคำขึ้นมา และนมัสการสิ่งนั้น(อพยพ 32)
ทัมมุสเป็นเดือนที่คนอิสราเอลได้สร้าง “ลูกวัวทองคำ” ขึ้นมา พวกเขาได้ลืมพระพรในอดีตที่ผ่านมา ที่พระเจ้าได้ทรงปลดปล่อยคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ในการแหวกทะเลแดงและการจัดสรรมานาในถิ่นทุรกันดาร เพียงเพราะเขาไม่มั่นคงในความเชื่อจึงสร้างรูปเคารพขึ้นมาที่เขาสร้างด้วยมือตนเองและสามารถมองเห็นได้ พวกเขาจำกัดความพระเจ้าของเขาคือรูปปั้นวัวทองคำ
ข้อคิด คือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ไม่จำกัดแต่มนุษย์มักจะจำกัดพระเจ้าด้วยความจำกัดในตัวเอง เพียงแค่ความรู้สึกที่มั่นคง มองเห็นและสัมผัสได้
รูเบนก็เช่นกันเขาคิดแต่เพียงความสุขชั่วคราวแต่ไม่คำนึงถึงพระพรแห่งสิทธิบุตรหัวปีของเขา เขามองเห็นแค่ความสวย ความสาวของบิลฮาห์ จึงไปหลับนอนกับนางโดยไม่คำนึงความถูกผิด และพระพรแห่งสิทธิบุตรหัวปีที่เขาจะได้รับ เขาคงจะบอกกับตนเองว่า รูเบนก็เป็น "เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ" จึงยอม "กินน้ำใต้ศอก" ล่วงเกินเมียของพ่อ แต่สุดท้าย "น้ำตารินตกใน" ต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
สิ่งนี้หากเราสังเกตเราจะพบว่ามันคือผลของบาปที่ตกทอดมา เช่นเดียวกับลุงของเขาคือ "เอซาว" แฝดผู้พี่ของพ่อเขาคือยาโคบ ที่ยอมสูญเสียสิทธิบุตรเพียงเพราะเห็นแก่ความสุขชั่วคราว คือ ของแดง(เอโดม) เพราะความหิวของเอซาวจึงยอมแลกสิทธิบุตรหัวปีกับของแดงถ้วยเดียว(อพยพ 25:27-34)
นี่คงเป็นอีกสาเหตุที่ยาโคบโกรธรูเบน บุตรคนหัวปีมาก เพราะเขาคาดหวังกับรูเบนมาก แต่สุดท้ายก็พลาดเช่นเดียวกับพี่ชายของเขาคือเอซาว
เราจะเห็นว่าตระกูลเผ่าของรูเบนก็ไม่ไปถึงเป้าประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเขา นั่นคือคานาอัน แต่เขาเห็นแก่ที่ดินที่ดูดีมีความสมบูรณ์ และไม่ยอมข้ามแม่น้ำจอร์แดน มาที่เมืองเยริโคแต่กลับตั้งรกรากในดินแดนนั้น เช่นเดียวกับเผ่ากาดและมนัสเสห์อีกคึ่งเผ่า
กันดารวิถี 34:13-15
13 โมเสสบัญชาคนอิสราเอลกล่าวว่า “นี่เป็นแผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายจะจับฉลากรับเป็นมรดก ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้มอบแก่เก้าเผ่ากับอีกครึ่งเผ่า
14 เพราะว่าคนเผ่ารูเบนตามสกุล คนเผ่ากาดตามสกุล และคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้รับมรดกของพวกเขาแล้ว
15 ทั้งสองเผ่าและครึ่งเผ่านั้นได้รับมรดกของเขาทั้งหลายที่ฟากแม่น้ำจอร์แดนด้านตรงข้ามเมืองเยรีโค คือด้านตะวันออกทางดวงอาทิตย์ขึ้น”
เดือนทัมมุสเป็นเดือนที่เชื่อมโยงกับเผ่ารูเบน รูเบนเป็นบุตรหัวปีของยาโคบ รูเบนมีศักยภาพความสามารถที่เยี่ยมยอดที่อยู่ในตัวเขา แต่เพราะว่ารูเบนไม่ได้จัดการกับปัญหาสำคัญที่สุดของเขาที่ควรจัดการ นั่นคือการควบคุมตนเอง เขาไปทำผิดบาปเรื่องเพศ คือ การร่วมประเวณีกับนางบิลฮาห์ ภรรยาน้อยของยาโคบ พ่อของเขา (ปฐมกาล 35:22)
ผลคือ ยาโคบโกรธมาก เพราะเขาเป็นลูกคนแรก เป็นความหวังของครอบครัว ยาโคบจึงมอบสิทธิบุตรหัวปีของเขาให้กับยูดาห์แทน อนาคตของเขาที่สุดยอดแต่การกระทำสุดแย่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อเราดูจากคำเผยพระวจนะของยาโคบที่มาสู่ชีวิตของเขา นั่นคือ เขาเป็นบุตรชายแห่งสายน้ำเชี่ยว ที่เดือดดาลและเอาดีไม่ได้
ปฐมกาล 49:3-4
"รูเบนเอ๋ย เจ้าเป็นบุตรหัวปีของเรา เป็นกำลังและเป็นผลแรกแห่งเรี่ยวแรงของเรา เป็นยอดแห่งความเย่อหยิ่งและยอดของความรุนแรง เจ้าเดือดดาลอย่างน้ำเชี่ยวจึงเป็นยอดไม่ได้ ด้วยเจ้าล่วงเข้าไปถึงที่นอนบิดาของเจ้า เจ้าทำให้ที่นอนนั้นเป็นมลทิน เจ้าล่วงเข้าไปถึงที่นอนของเรา”
ภาษาฮีบรูของคำว่า “เดือดดาล” คือ פַּ֫חַז “pachaz” ซึ่งมีความหมายว่า เป็นฟอง เป็นเหมือนสายน้ำเชี่ยว(Unstable As Water)ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ให้ความหมายอีกอย่างคือ การไม่สามารถควบคุมหรืออยู่ในวินัยได้
เมื่อเราศึกษาจากประวัติศาสตร์อิสราเอล เดือนแรกคือ เดือนนิสาน นับจากเทศกาลปัสกา(อพยพ 12) ที่พวกเขาออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ เดือนทัมมุสจะเป็นเดือนในลำดับที่ 4 ตามปฏิทินแบบฮีบรู
ทัมมุสเป็นเดือนที่มาพร้อมกับกับดัก การไม่ระมัดระวังที่จะเฝ้านมัสการและเสาะแสวงหาพระเจ้าในเดือนนี้ ทำให้คนอิสราเอลติดกับดักคือ "วัวทองคำ"
ในเดือนแรก คือเดือนนิสาน พระเจ้าทรงปลดปล่อยคนอิสราเอลให้เป็นไทจากการกดขี่ที่อียิปต์ พระเจ้าทรงปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ พวกเขาได้รับการไถ่โดยโลหิตของแกะ ออกจากเงื้อมมือของศัตรู
ในเดือนที่ 2 คือเดือนอิยาร์ พระเจ้าทรงนำคนอิสราเอลเดินผ่านถิ่นทุรกันดารตลอดเส้นทาง พระเจ้าทรงทดสอบ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อของพวกเขาและทรงเลี้ยงดูพวกเขา จนมาถึงภูเขาซีนาย
ในเดือนที่ 3 คือเดือนสิวาน พระเจ้าเสด็จลงมายังยอดเขานั้น เพื่อเยี่ยมเยียนพวกเขา พระองค์ตรัสด้วยพระสุรเสียงที่พวกเขาสามารถได้ยินได้ และได้ประทานบัญญัติ 10 ประการแก่พวกเขาในเทศกาลสัปดาห์(Shavuot) พระเจ้าทรงเรียกโมเสส ขึ้นไปยังยอดเขาเป็นเวลาถึง 40 วัน พระเจ้าได้ประทานโทราห์(Torah) คำสอนของพระองค์แก่โมเสส แต่ในขณะที่โมเสส กำลังมี “ประสบการณ์สุดยอดบนภูเขา” นั้น คนอิสราเอลถูกทิ้งไว้ตามลำพังอยู่ในถิ่นทุรกันดาร
พวกเขาไม่ชอบถิ่นทุรกันดาร พวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาไม่ชอบที่ที่พวกเขาอยู่นั้น พวกเขาต้องการพึ่งพาโมเสส ที่จะนำพวกเขาออกไป แต่ทว่า โมเสสหายไปแล้ว แต่พวกเขาต้องการฟื้นความมั่นใจกลับมา พวกเขาไม่ชอบที่จะไว้วางใจในพระเจ้าที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา พวกเขาต้องการบางสิ่งที่จับต้องได้ เพื่อปกป้องพวกเขา
ดังนั้นในเดือนที่ 4 คือเดือนทัมมุส อาโรนจึงได้สร้างวัวทองคำขึ้นมา และนมัสการสิ่งนั้น(อพยพ 32)
ทัมมุสเป็นเดือนที่คนอิสราเอลได้สร้าง “ลูกวัวทองคำ” ขึ้นมา พวกเขาได้ลืมพระพรในอดีตที่ผ่านมา ที่พระเจ้าได้ทรงปลดปล่อยคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ในการแหวกทะเลแดงและการจัดสรรมานาในถิ่นทุรกันดาร เพียงเพราะเขาไม่มั่นคงในความเชื่อจึงสร้างรูปเคารพขึ้นมาที่เขาสร้างด้วยมือตนเองและสามารถมองเห็นได้ พวกเขาจำกัดความพระเจ้าของเขาคือรูปปั้นวัวทองคำ
ข้อคิด คือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ไม่จำกัดแต่มนุษย์มักจะจำกัดพระเจ้าด้วยความจำกัดในตัวเอง เพียงแค่ความรู้สึกที่มั่นคง มองเห็นและสัมผัสได้
รูเบนก็เช่นกันเขาคิดแต่เพียงความสุขชั่วคราวแต่ไม่คำนึงถึงพระพรแห่งสิทธิบุตรหัวปีของเขา เขามองเห็นแค่ความสวย ความสาวของบิลฮาห์ จึงไปหลับนอนกับนางโดยไม่คำนึงความถูกผิด และพระพรแห่งสิทธิบุตรหัวปีที่เขาจะได้รับ เขาคงจะบอกกับตนเองว่า รูเบนก็เป็น "เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ" จึงยอม "กินน้ำใต้ศอก" ล่วงเกินเมียของพ่อ แต่สุดท้าย "น้ำตารินตกใน" ต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป
สิ่งนี้หากเราสังเกตเราจะพบว่ามันคือผลของบาปที่ตกทอดมา เช่นเดียวกับลุงของเขาคือ "เอซาว" แฝดผู้พี่ของพ่อเขาคือยาโคบ ที่ยอมสูญเสียสิทธิบุตรเพียงเพราะเห็นแก่ความสุขชั่วคราว คือ ของแดง(เอโดม) เพราะความหิวของเอซาวจึงยอมแลกสิทธิบุตรหัวปีกับของแดงถ้วยเดียว(อพยพ 25:27-34)
นี่คงเป็นอีกสาเหตุที่ยาโคบโกรธรูเบน บุตรคนหัวปีมาก เพราะเขาคาดหวังกับรูเบนมาก แต่สุดท้ายก็พลาดเช่นเดียวกับพี่ชายของเขาคือเอซาว
เราจะเห็นว่าตระกูลเผ่าของรูเบนก็ไม่ไปถึงเป้าประสงค์ของพระเจ้าในชีวิตของเขา นั่นคือคานาอัน แต่เขาเห็นแก่ที่ดินที่ดูดีมีความสมบูรณ์ และไม่ยอมข้ามแม่น้ำจอร์แดน มาที่เมืองเยริโคแต่กลับตั้งรกรากในดินแดนนั้น เช่นเดียวกับเผ่ากาดและมนัสเสห์อีกคึ่งเผ่า
กันดารวิถี 34:13-15
13 โมเสสบัญชาคนอิสราเอลกล่าวว่า “นี่เป็นแผ่นดินที่เจ้าทั้งหลายจะจับฉลากรับเป็นมรดก ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้มอบแก่เก้าเผ่ากับอีกครึ่งเผ่า
14 เพราะว่าคนเผ่ารูเบนตามสกุล คนเผ่ากาดตามสกุล และคนเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้รับมรดกของพวกเขาแล้ว
15 ทั้งสองเผ่าและครึ่งเผ่านั้นได้รับมรดกของเขาทั้งหลายที่ฟากแม่น้ำจอร์แดนด้านตรงข้ามเมืองเยรีโค คือด้านตะวันออกทางดวงอาทิตย์ขึ้น”
ในวาระสุดท้ายของท่านโมเสส ก่อนจะสิ้นชีวิต ท่านอวยพรแต่ละเผ่าตามที่บันทึกในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 32 ในข้อที่ 6 เป็นคำอวยพรสำหรับเผ่ารูเบน ท่านอวยพรว่า "ขอให้เผ่ารูเบนดำรงอยู่ อย่าสิ้นสูญ แม้ผู้คนของเขาจะมีจำนวนน้อย" แปลความหมายคือ โมเสสพูดถึงเผ่ารูเบนว่า "เผ่ารูเบนจะหมดความสำคัญลงในไม่ช้า" แต่ขอให้เผ่านี่ยังคงอยู่ต่อไป
ข้อคิดจากการศึกษาเผ่ารูเบน เราจะเห็นได้ว่า แม้รูเบนเป็นบุตรหัวปี ผู้ที่จะได้รับพระพรแต่พวกเขาไม่ควบคุมตนเอง จนทำบาปเพียงเพราะเห็นแก่สิ่งที่เป็นการล่อลวง กับดักทำให้พลาดติดกับไปไม่ถึงเป้าหมายที่ควรจะเป็น
รูเบน บุตรชายสายน้ำเชี่ยว แทนที่จะเป็นผู้ใหญ่มั่งคงไม่โลเล แต่กลับพลาดพลั้ง
พระวจนะของพระเจ้าได้เตือนใจเราให้เราเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายวิญญาณและมั่งคง ไม่ถูกล่อลวงดังนี้
เอเฟซัส 4:14 เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและพัดไปพัดมาด้วยลมคำสั่งสอนทุกอย่าง ด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ ตามอุบายที่ฉลาดในการล่อลวง
เดือนทัมมุสจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการเฝ้าระวังและอธิษฐานกลับใจใหม่จากความผิดบาปที่ทำ
ในช่วงวันที่ 17 เดือนทัมมุส(Tammuz) หรือในภาษาฮีบรู คือ שבעה עשר בתמוז (Shiva Asar B'Tammuz) (ปี 2016 ตรงกับวันที่ 23 ก.ค.) จนถึงวันที่ 9 เดือนอับ(Av) หรือในภาษาฮีบรูคือ תשעה באב Tisha B'Av ) (ปี 2016 ตรงกับวันที่ 13 ส.ค.) เป็นช่วงเวลา 21 วัน ( 7X3 วัน หรือ 3 สัปดาห์) หรือ בין המצרים "Bein ha-Metzarim
สำหรับการไว้ทุกข์ของคนยิว พวกเขาจะมีการอดอาหารอธิฐานเพื่อกลับใจใหม่ กลับมาแสวงหาพระยาห์เวห์ เป็นระลึกถึงช่วงที่บรรพบุรษของพวกเขาหันไปกราบไหว้รูปเคารพ
ในวันที่ 17 เดือนทัมมุส(Tammuz) ในสมัยโมเสส หลังจากที่โมเสสขึ้นไปบนภูเขาซีนาย พวกคนยิวไปกราบไหว้รูปวัวทองคำ เมื่อโมเสสกลับมาจึงได้ขว้างแผ่นพระบัญญัติ 10 ประการ(לוחות -Luchot) แตกด้วยความโกรธเนื่องจากคนอิสราเอลไปกราบไหว้รูปเคารพ
อพยพ 32:19 พอโมเสสเข้ามาใกล้ค่าย ได้เห็นรูปโคหนุ่ม และคนเต้นรำ โทสะของโมเสสก็เดือดพลุ่งขึ้น ท่านโยนแผ่นศิลาทิ้งตกแตกเสียที่เชิงภูเขานั่นเอง
ในวันที่ 17 เดือนทัมมุส ยังมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับอิสราเอลนั่นคือ มีการถวายเครื่องบูชาที่เป็นมลทินในพระวิหาร พวกบาบิโลนมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม กำแพงกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย ก่อนที่พระวิหารหลังแรกจะถูกทำลายในวันที่ 9 เดือนอับ (ยรม.32:2)
แม่ทัพของโรมัน ชื่อว่า อโพสโตมัส (Apostomus) ได้เผาทำลายหนังสือพระบัญญัติ (Torah scroll)
สำหรับในวันที่ 9 เดือนอับ(Av) หรือ Tisha B'Av เป็นวันที่มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับอิสราเอล
นั่นคือ พระวิหารหลังแรกถูกทำลายในปี 587 ก่อนคริสตศักราช และพระวิหารหลังที่ 2 ถูกทำลาย
ในปี ค.ศ.70
จากเหตุการณ์พระวิหารหลังที่ 2 ในปี ค.ศ. 70 ทำให้คนยิวกระจัดกระจายไปทั่วโลก
และพวกเขาถูกลบหายไปจากแผนที่โลก และภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาที่ตายไปแล้ว
แต่เมื่อพวกเขากลับใจใหม่หันมาแสวงหาพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงพระเมตตาและนำพวกเขา
กลับมารวมเป็นประเทศอีกครั้งใน ปีค.ศ. 1948 และสำเร็จตามถ้อยคำเผยพระวจนะ
เอเสเคียล 36:24 “เพราะว่าเราจะเอาเจ้าออกมาจากท่ามกลาง ประชาชาติและรวบรวมเจ้ามาจากทุกประเทศ และนำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินของเจ้าเอง”
ในเดือนทัมมุสนี้ จงเรียนรู้จากชีวิตของรูเบน พระเจ้ามีลิขิตชีวิต (destiny)ให้กับรูเบน แต่กระนั้น รูเบนได้ทำให้อนาคตของตนสูญสลายไปผ่านวัวทองคำ
ในวันที่ 17 เดือนทัมมุส(Tammuz) ในสมัยโมเสส หลังจากที่โมเสสขึ้นไปบนภูเขาซีนาย พวกคนยิวไปกราบไหว้รูปวัวทองคำ เมื่อโมเสสกลับมาจึงได้ขว้างแผ่นพระบัญญัติ 10 ประการ(לוחות -Luchot) แตกด้วยความโกรธเนื่องจากคนอิสราเอลไปกราบไหว้รูปเคารพ
อพยพ 32:19 พอโมเสสเข้ามาใกล้ค่าย ได้เห็นรูปโคหนุ่ม และคนเต้นรำ โทสะของโมเสสก็เดือดพลุ่งขึ้น ท่านโยนแผ่นศิลาทิ้งตกแตกเสียที่เชิงภูเขานั่นเอง
ในวันที่ 17 เดือนทัมมุส ยังมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับอิสราเอลนั่นคือ มีการถวายเครื่องบูชาที่เป็นมลทินในพระวิหาร พวกบาบิโลนมาล้อมกรุงเยรูซาเล็ม กำแพงกรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย ก่อนที่พระวิหารหลังแรกจะถูกทำลายในวันที่ 9 เดือนอับ (ยรม.32:2)
แม่ทัพของโรมัน ชื่อว่า อโพสโตมัส (Apostomus) ได้เผาทำลายหนังสือพระบัญญัติ (Torah scroll)
สำหรับในวันที่ 9 เดือนอับ(Av) หรือ Tisha B'Av เป็นวันที่มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับอิสราเอล
นั่นคือ พระวิหารหลังแรกถูกทำลายในปี 587 ก่อนคริสตศักราช และพระวิหารหลังที่ 2 ถูกทำลาย
ในปี ค.ศ.70
จากเหตุการณ์พระวิหารหลังที่ 2 ในปี ค.ศ. 70 ทำให้คนยิวกระจัดกระจายไปทั่วโลก
และพวกเขาถูกลบหายไปจากแผนที่โลก และภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาที่ตายไปแล้ว
แต่เมื่อพวกเขากลับใจใหม่หันมาแสวงหาพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงพระเมตตาและนำพวกเขา
กลับมารวมเป็นประเทศอีกครั้งใน ปีค.ศ. 1948 และสำเร็จตามถ้อยคำเผยพระวจนะ
เอเสเคียล 36:24 “เพราะว่าเราจะเอาเจ้าออกมาจากท่ามกลาง ประชาชาติและรวบรวมเจ้ามาจากทุกประเทศ และนำเจ้าเข้ามาในแผ่นดินของเจ้าเอง”
ในเดือนทัมมุสนี้ จงเรียนรู้จากชีวิตของรูเบน พระเจ้ามีลิขิตชีวิต (destiny)ให้กับรูเบน แต่กระนั้น รูเบนได้ทำให้อนาคตของตนสูญสลายไปผ่านวัวทองคำ
พระเจ้ามีลิขิตชีวิตที่เยี่ยมยอดให้กับเรา เช่นเดียวกัน
ในเดือนทัมมุสนี้ อย่าให้เราถูกยั่วยวนใจ
ด้วยสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดี ณ ตอนนี้ เพียงแค่นั้น อย่ายอมรับเอาวัวทองคำเข้ามา แต่จงจดจ่อสายตาอยู่ที่รางวัลที่จะได้รับจากพระเจ้า
อัครทูตเปาโลได้เขียนจดหมายเตือนใจผู้เชื่อให้รู้จักควบคุมตนเอง(self control) และฝึกระเบียบวินัย (discipline body) เหมือนนักกีฬาเพื่อจะได้รับชัยชนะไปสู่เส้นชัย
1
โครินธ์ 9 :24-25
24“ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว”
25“ฝ่ายนักกีฬาทุกคนก็เคร่งครัดในระเบียบ ทุกอย่าง แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ เพราะเกรงว่าตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้”
เดือนนี้ จงร้องขอต่อพระเจ้า
ที่เราจะโน้มตัว บากบั่นต่อไปเพื่อจะชิงรางวัลให้ได้ จงเสาะแสวงหาพระเจ้า
และหลีกเสียจากหลุมพราง กับดักวัวทองคำ จงจดจ่อสายตาอยู่ที่รางวัลและมีชัยชนะ
อย่าเป็นอย่างรูเบน บุตรชายสายน้ำเชี่ยว ที่สุดท้ายคว้าน้ำเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ พบกับใหม่เดือนหน้าเดือนอับ(Av) เดือนแห่งเผ่าสิเมโอน