เนื่องจากผมจะเดินทางไปอิสราเอลในช่วงวันที่ 1-8 พ.ย. ผู้อ่านทุกท่าน
เตรียมพบกับบทความใหม่จากการเดินทางไปอิสราเอลในครั้งนี้ครับ
You'll never walk alone. I am your friend who always listens to, and walks along with you.
30 ตุลาคม 2558
13 ตุลาคม 2558
เดือนเชสวาน (Cheshvan) เตือนใจให้ระวังเทศกาลและบาปของเยโรโบอัม
เรากำลังที่จะเข้าสู่เดือนที่ 8 ตามปฏิทินศาสนา (Ecclesiastical calendar) ของอิสราเอลซึ่งในปี 2015 จะอยู่ในช่วงวันที่ 14 ต.ค.-12
พ.ย.
ในเดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนทิชรี(Tishri) เป็นช่วงเวลานัดหมาย(Divine Appointment) ที่จะพักสงบเพื่อพบพระพักตร์ของพระยาห์เวห์เนื่องจากเป็นเดือนแห่งเทศกาลของพระยาห์เวห์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่กล่าวไว้ในพระธรรมเลวีนิติ บทที่ 23 เดือนนี้มีเทศกาล ถึง 3 เทศกาล นั่นคือ
ในเดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนทิชรี(Tishri) เป็นช่วงเวลานัดหมาย(Divine Appointment) ที่จะพักสงบเพื่อพบพระพักตร์ของพระยาห์เวห์เนื่องจากเป็นเดือนแห่งเทศกาลของพระยาห์เวห์ ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่กล่าวไว้ในพระธรรมเลวีนิติ บทที่ 23 เดือนนี้มีเทศกาล ถึง 3 เทศกาล นั่นคือ
ลนต. 23:24 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด(Tishri) เจ้าทั้งหลายจงถือเป็นวันหยุดพักสงบวันหนึ่ง เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ประกาศเป็นที่ระลึกด้วยเสียงแตร...
2.เทศกาลลบมลทินบาป( Yom Kippur เริ่มต้นในช่วงเย็นวันที่ 23
ก.ย.)
ลนต. 23:27 “ในวันที่สิบของเดือนที่เจ็ด(Tishri) นี้เป็นวันทำการลบมลทิน จะเป็นวันประชุมบริสุทธิ์แก่เจ้า และเจ้าจงบังคับใจตนเอง และนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
ลนต. 23:27 “ในวันที่สิบของเดือนที่เจ็ด(Tishri) นี้เป็นวันทำการลบมลทิน จะเป็นวันประชุมบริสุทธิ์แก่เจ้า และเจ้าจงบังคับใจตนเอง และนำเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระเจ้า
ลนต. 23:34-35 34 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่สิบห้าเดือนที่เจ็ด(Tishri) นี้ เป็นวันเทศกาลอยู่เพิงถวายแด่พระเจ้าสิ้นเจ็ดวัน 35 จะมีการประชุมบริสุทธิ์ในวันแรก เจ้าอย่าทำงานหนัก...
เมื่อเราดำเนินตามวาระเวลาของพระยาห์เวห์ เราจะอยู่ในวงจรเวลาแห่งพระพรที่เราจะมีประสบการณ์ที่สวรรค์บุกรุก(Vav)เข้ามาในชีวิตของเรา
แต่ในเดือนที่ 8 นี้ คือเดือนเชสวาน (Cheshvan) ในช่วงวันที่ 14 ต.ค.-12 พ.ย. นี้ เป็นเดือนที่สำคัญที่ผมเขียนในบทความนี้คือ เดือนเชสวาน (Cheshvan) เตือนใจให้ระวังเทศกาลและบาปของเยโรโบอัม
(เกร็ดความรู้เกี่ยวกับเดือนนี้ คือ “เชสวาน” (Cheshvan) ในภาษาอังกฤษจะเขียนว่า Heshvan เพราะเป็นแปลมาจากภาษากรีกจะใส่ ตัว H แทน Ch เพราะภาษาฮีบรูจะออกเป็นเสียง ฆ เพราะสะกดด้วยตัว Chet ח (เฆท) จะออกเป็น "เฆทวาน"
คำว่า “เชสวาน” חֶשְׁוָן,(Cheshvan) ในภาษาฮี บรู จะมีคำนำหน้าเป็นคำว่า “มาร์ เชสวาน” Marcheshvan מַרְחֶשְׁוָ ן, แปลว่า ขม (bitter) ทั้งนี้เพราะเป็น"เดื อนแห่งความขมขื่นใจ" เพราะที่ไม่มีเทศกาลอะไรเลยเป็นช่วงเวลาแห่ งการอดอาหารอธิษฐาน เป็นการระลึกถึงเหตุการณ์น้ำท่ วมโลก(ปฐก.7)และระลึกถึงเหตุการณ์ฆ่าล้ างเผ่าพันธฺ์ยิว (Holocaust) ปีค.ศ. 1938 ในวันที่ 15 เดือนเชสวาน ในพระคัมภีร์ชื่อเดิมคือเดือนบู ล (Bul)
1พกษ. 6:38 และในปีที่สิบเอ็ด ในเดือนบูล (Bul) ซึ่งเป็นเดือนที่แปด พระนิเวศนั้นก็สำเร็จหมด ทุกส่วนตามที่กำหนดไว้ทุ กอย่าง พระองค์ทรงสร้างพระนิเวศ นั้นเจ็ดปี )
ในวันที่ 15 เดือนเชสวาน ค.ศ.1938 เกิดเหตุการณ์ฆ่าล้ างเผ่าพันธฺ์ยิว (Holocaust) เริ่มต้นขึ้นและท้ายที่สุดคนยิวถูกฆ่าตายมากกว่า 6 ล้านคน จะกระทั่งพระสัญญาของพระเจ้าเป็นจริง ทำให้พวกเขาได้รับแผ่นดินตามพระสัญญาในปี 1948 และในปี 1967 ช่วง "ปีแห่งอิสรภาพ(Jubilee)" พวกเขาได้ยึดกรุงเยรูซาเล็มกลับคืนมาได้ตามพระสัญญาของพระยาห์เวห์
แต่ผมขอเน้นไปในวันที่ 15 เดือนเชสวาน มันมีความหมายที่เตือนใจในฝ่ายวิญญาณให้ระวังเทศกาลและบาปของเยโรโบอัม
เทศกาลของพระยาห์เวห์ VS เทศกาลของเยโรโบอัม
วันที่ 15 เดือนเชสวาน ในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล ซึ่งพระคัมภีร์ได้บันทึกไว้ในหนังสือ
1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 12 :32-33
กษัตริย์ซาโลมอน(พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด) พระเจ้าได้ทรงใช้อาหิยาห์ผู้เผยพระวจนะให้สําแดงแก่เยโรโบอัมว่า เขาเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลปกครอง 10 เผ่า โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเยโรโบอัมเชื่อฟังทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชา ดําเนินในทางของพระองค์ด้วยความเที่ยงธรรมและตามกฎบัญญัติ พระองค์จะทรงอยู่ด้วยและจะสร้างให้เขาเป็นราชวงศ์ที่มั่นคง แต่ถ้าเขาเป็น"คนโยเย"ไม่ทําตาม เขาจะประสบกับความทุกข์ใจเป็นนิตย์ ดังที่ราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดประสบ เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทราบข่าวเช่นนั้นก็หาทางฆ่าเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมหลบหลีกไปอยู่อียิปต์ จนกระทั่งซาโลมอนสิ้นพระชนม์ (1 พกษ.11:26-40)
เราทราบกันดีถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้ถึงพันธสัญญาแห่งรักนิรันดร์ที่มีต่อราชวงค์กษัตริย์ดาวิดแต่เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทำบาปและไม่ดำเนินตามสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดพระราชบิดาทรงกระทำ พระยาห์เวห์ทรงต้องลงโทษ นั่นคือ ฉีกอาณาจักรอิสราเอล เป็น 2 อาณาจักรคือ ยูดาห์และสะมาเรีย
พระเจ้าตรัสกับกษัตริย์ซาโลมอนว์า
11 ... “เพราะเจ้าทำเช่นนี้ และเจ้าไม่ได้รักษาพันธสัญญาและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้บัญชาเจ้า เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าอย่างแน่นอน และมอบให้ข้าราชการของเจ้า
12 อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิดบิดาของเจ้า เราจะไม่ทำในสมัยของเจ้า แต่เราจะฉีกมันออกจากมือบุตรชายของเจ้า
13 อย่างไรก็ดี เราจะไม่ฉีกอาณาจักรเสียทั้งหมด แต่เราจะให้เผ่าหนึ่งแก่บุตรชายของเจ้า เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกไว้” (1 พกษ.11:11-13)
หลังจากที่กษัตริย์ซาโลมอนทรงสิ้นพระชนม์ กษัตริย์เรโหโบอัมราชโอรสทรงขึ้นครองราชย์(อาณาจักรฝ่ายใต้ คือ ยูดาห์) กษัตริย์เรโหโบอัมปกครองด้วยความโหดร้ายข่มเหงประชาชน (1 พกษ. 12:11)
เมื่อเยโรโบอัมขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ทรงได้ทําสิ่งที่ชั่ว
ร้ายต่อพระยาห์เวห์ โดยหันเหความเชื่อศรัทธาของชาวอิสราเอลที่มีต่อพระยาห์เวห์ไปหารูปเคารพ
ตามธรรมเนียมของคนอิสราเอลจะถวายเครื่องสัตวบูชาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม กษัตริย์เยโรโบอัมเกรงว่าจิตใจของชาวอิสราเอลจะฝักใฝ่และกลับไปสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์เรโหโบอัม
ดังนั้นพระองค์จึงทรงได้สร้างรูปเคารพ คือ สร้างวัวทองคํา 2 ตัว ที่เมืองเบธเอล 1 ตัว และที่เมืองดาน 1 ตัว (1 พกษ. 12: 28)
เพื่อให้คนมากราบไหว้โคทองคำแทนที่จะต้องเดินทางไกลไปถึงเยรูซาเล็ม
นอกจากนี้พระองค์ทรงทำผิดต่อพระบัญญัติ นั่นคือทําหน้าที่เป็นปุโรหิตถวายเครื่องบูชาเอง (1 พกษ.12: 32)และทรงแต่งตั้งปุโรหิตจากคนที่ไม่ใช่จากตระกูลเลวี (1 พกษ.12: 31, 13:33)
สิ่งที่กษัตริย์เยโรโบอัมยังทำบาปอีกประการคือ พระองค์ทรงกําหนดเทศกาลตามใจชอบ (1 พกษ.12: 32) และเยโรโบอัมทรงกำหนดเทศกาลเลี้ยงในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด(Cheshvan)เหมือนกับการเลี้ยงที่อยู่ในยูดาห์
นี่คือการตั้งตนเองเป็นพระเจ้าแทนพระยาห์เวห์ โดยต้องการปรับเปลี่ยนวาระเวลาแห่งพระพรมาเป็นของตนเอง แต่นั่นเป็นวงจรที่นำไปสู่การแช่งสาป
ความบาปกษัตริย์เยโรโบอัมที่ได้กระทำ จึงเป็นความบาปที่เรียกว่า "บาปของเยโรโบอัม"และอิทธิพลความบาปนี้นำคำแช่งสาปตกทอดไปสู่ลูกหลานของอิสราเอล
ลูกหลานกษัตริย์ในอาณาจักรอิสราเอลจึงไม่มีสักคนหนึ่งที่กระทําสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ทุกคนทําตาม
เยโรโบอัมต้นแบบของกษัตริย์ที่ชั่วร้าย นี่เองจึงเป็นเหตุนําความหายนะ และการทําลายมาถึงราชวงศ์นี้
จนหมดสิ้นแผ่นดิน
แต่พระยาห์เวห์มีพระเมตตาต่อราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงให้มีการรื้อฟื้นความเชื่อในพระยาห์เวห์ และทำลายปูชนีย์สถานที่สร้างเพื่อรูปเคารพ ผ่านทางกษัตริย์โยสิยาห์ในเวลาต่อมา
(เรื่องราวของกษัติย์โยสิยาห์อ่านได้ในบทความเรื่อง "คนรุ่นใหม่หัวใจโยสิยาห์" )
พระยาห์เวห์ทรงให้คำเผยพระวจนะล่วงหน้าโดยผู้เผยพระวจนะจากยูดาห์ไปที่เบธเอลเพื่อกล่าวต่อ กษัตริย์เยโรโบอัม
(1พกษ.13:1-3) 2...และชายคนนั้นได้ร้องกล่าวโทษแท่นนั้นโดยพระวจนะของพระเจ้าว่า “โอ แท่นบูชา แท่นบูชาพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘ดูเถิด โอรสองค์หนึ่งจะประสูติมาในราชวงศ์ของดาวิด ชื่อโยสิยาห์และบนเจ้า แท่นนี้จะฆ่าปุโรหิตแห่งปูชนียสถานสูงผู้ซึ่งเผาเครื่องหอมบนเจ้า และเขาจะเผากระดูกคนบนเจ้า’...
1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 12 :32-33
32 และเยโรโบอัมทรงกำหนดเทศกาลเลี้ยงในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด(Cheshvan)เหมือนกับการเลี้ยงที่อยู่ในยูดาห์ และพระองค์ทรงถวายเครื่องสัตวบูชาบนแท่นบูชา พระองค์ทรงกระทำในเบธเอลดังนี้แหละ คือถวายเครื่องสัตวบูชาแก่รูปลูกวัวที่พระองค์ได้ทรงสร้างไว้นั้น และพระองค์ทรงสถาปนาปุโรหิตในเบธเอลประจำที่ปูชนียสถานสูง ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้
33 พระองค์ทรงขึ้นไปยังแท่นบูชา ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ที่เบธเอลในวันที่สิบห้าเดือนที่แปด ในเดือนซึ่งพระองค์ทรงดำริเอง และพระองค์ทรงกำหนดเทศกาลเลี้ยงสำหรับคนอิสราเอล และทรงขึ้นไปยังแท่นบูชาเพื่อถวายเครื่องหอม
เยโรโบอัมเป็นบุตรเนบัทและนางเศรุวาห์ คนเอฟราอิมชาวเมืองเศเรดาห์ เป็นทแกล้วทหารของ33 พระองค์ทรงขึ้นไปยังแท่นบูชา ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้ที่เบธเอลในวันที่สิบห้าเดือนที่แปด ในเดือนซึ่งพระองค์ทรงดำริเอง และพระองค์ทรงกำหนดเทศกาลเลี้ยงสำหรับคนอิสราเอล และทรงขึ้นไปยังแท่นบูชาเพื่อถวายเครื่องหอม
นี่คือการจงใจที่จะทำของเทียมเพื่อเลียนแบบของแท้ ของนายโยเย หรือกษัตริย์เยโรโบอัม ของอิสราเอล(สะมาเรีย)ที่กบฎต่อพระยาห์เวห์
นายโยเย หรือ เยโรโบอัมเป็นใครกันนะ?
กษัตริย์ซาโลมอน(พระโอรสของกษัตริย์ดาวิด) พระเจ้าได้ทรงใช้อาหิยาห์ผู้เผยพระวจนะให้สําแดงแก่เยโรโบอัมว่า เขาเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นกษัตริย์ของอิสราเอลปกครอง 10 เผ่า โดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเยโรโบอัมเชื่อฟังทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชา ดําเนินในทางของพระองค์ด้วยความเที่ยงธรรมและตามกฎบัญญัติ พระองค์จะทรงอยู่ด้วยและจะสร้างให้เขาเป็นราชวงศ์ที่มั่นคง แต่ถ้าเขาเป็น"คนโยเย"ไม่ทําตาม เขาจะประสบกับความทุกข์ใจเป็นนิตย์ ดังที่ราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดประสบ เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทราบข่าวเช่นนั้นก็หาทางฆ่าเยโรโบอัม แต่เยโรโบอัมหลบหลีกไปอยู่อียิปต์ จนกระทั่งซาโลมอนสิ้นพระชนม์ (1 พกษ.11:26-40)
เราทราบกันดีถึงสิ่งที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาไว้ถึงพันธสัญญาแห่งรักนิรันดร์ที่มีต่อราชวงค์กษัตริย์ดาวิดแต่เมื่อกษัตริย์ซาโลมอนทำบาปและไม่ดำเนินตามสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดพระราชบิดาทรงกระทำ พระยาห์เวห์ทรงต้องลงโทษ นั่นคือ ฉีกอาณาจักรอิสราเอล เป็น 2 อาณาจักรคือ ยูดาห์และสะมาเรีย
พระเจ้าตรัสกับกษัตริย์ซาโลมอนว์า
11 ... “เพราะเจ้าทำเช่นนี้ และเจ้าไม่ได้รักษาพันธสัญญาและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้บัญชาเจ้า เราจะฉีกอาณาจักรเสียจากเจ้าอย่างแน่นอน และมอบให้ข้าราชการของเจ้า
12 อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่ดาวิดบิดาของเจ้า เราจะไม่ทำในสมัยของเจ้า แต่เราจะฉีกมันออกจากมือบุตรชายของเจ้า
13 อย่างไรก็ดี เราจะไม่ฉีกอาณาจักรเสียทั้งหมด แต่เราจะให้เผ่าหนึ่งแก่บุตรชายของเจ้า เพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกไว้” (1 พกษ.11:11-13)
หลังจากที่กษัตริย์ซาโลมอนทรงสิ้นพระชนม์ กษัตริย์เรโหโบอัมราชโอรสทรงขึ้นครองราชย์(อาณาจักรฝ่ายใต้ คือ ยูดาห์) กษัตริย์เรโหโบอัมปกครองด้วยความโหดร้ายข่มเหงประชาชน (1 พกษ. 12:11)
อาณาจักรอิสราเอลถูกแยกออกเป็น 2 อาณาจักรหลังจากที่กษัตริย์ซาโลมอนสิ้นพระชนม์
พระเจ้าทรงยกอาณาจักรฝ่ายเหนือ (อาณาจักรสะมาเรีย) ให้แก่เยโรโบอัม (1 พกษ. 12:19-20)
พระเจ้าทรงยกอาณาจักรฝ่ายเหนือ (อาณาจักรสะมาเรีย) ให้แก่เยโรโบอัม (1 พกษ. 12:19-20)
ร้ายต่อพระยาห์เวห์ โดยหันเหความเชื่อศรัทธาของชาวอิสราเอลที่มีต่อพระยาห์เวห์ไปหารูปเคารพ
ตามธรรมเนียมของคนอิสราเอลจะถวายเครื่องสัตวบูชาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม กษัตริย์เยโรโบอัมเกรงว่าจิตใจของชาวอิสราเอลจะฝักใฝ่และกลับไปสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์เรโหโบอัม
ดังนั้นพระองค์จึงทรงได้สร้างรูปเคารพ คือ สร้างวัวทองคํา 2 ตัว ที่เมืองเบธเอล 1 ตัว และที่เมืองดาน 1 ตัว (1 พกษ. 12: 28)
เพื่อให้คนมากราบไหว้โคทองคำแทนที่จะต้องเดินทางไกลไปถึงเยรูซาเล็ม
นอกจากนี้พระองค์ทรงทำผิดต่อพระบัญญัติ นั่นคือทําหน้าที่เป็นปุโรหิตถวายเครื่องบูชาเอง (1 พกษ.12: 32)และทรงแต่งตั้งปุโรหิตจากคนที่ไม่ใช่จากตระกูลเลวี (1 พกษ.12: 31, 13:33)
สิ่งที่กษัตริย์เยโรโบอัมยังทำบาปอีกประการคือ พระองค์ทรงกําหนดเทศกาลตามใจชอบ (1 พกษ.12: 32) และเยโรโบอัมทรงกำหนดเทศกาลเลี้ยงในวันที่สิบห้าของเดือนที่แปด(Cheshvan)เหมือนกับการเลี้ยงที่อยู่ในยูดาห์
นี่คือการตั้งตนเองเป็นพระเจ้าแทนพระยาห์เวห์ โดยต้องการปรับเปลี่ยนวาระเวลาแห่งพระพรมาเป็นของตนเอง แต่นั่นเป็นวงจรที่นำไปสู่การแช่งสาป
ความบาปกษัตริย์เยโรโบอัมที่ได้กระทำ จึงเป็นความบาปที่เรียกว่า "บาปของเยโรโบอัม"และอิทธิพลความบาปนี้นำคำแช่งสาปตกทอดไปสู่ลูกหลานของอิสราเอล
ลูกหลานกษัตริย์ในอาณาจักรอิสราเอลจึงไม่มีสักคนหนึ่งที่กระทําสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย ทุกคนทําตาม
เยโรโบอัมต้นแบบของกษัตริย์ที่ชั่วร้าย นี่เองจึงเป็นเหตุนําความหายนะ และการทําลายมาถึงราชวงศ์นี้
จนหมดสิ้นแผ่นดิน
แต่พระยาห์เวห์มีพระเมตตาต่อราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงให้มีการรื้อฟื้นความเชื่อในพระยาห์เวห์ และทำลายปูชนีย์สถานที่สร้างเพื่อรูปเคารพ ผ่านทางกษัตริย์โยสิยาห์ในเวลาต่อมา
(เรื่องราวของกษัติย์โยสิยาห์อ่านได้ในบทความเรื่อง "คนรุ่นใหม่หัวใจโยสิยาห์" )
พระยาห์เวห์ทรงให้คำเผยพระวจนะล่วงหน้าโดยผู้เผยพระวจนะจากยูดาห์ไปที่เบธเอลเพื่อกล่าวต่อ กษัตริย์เยโรโบอัม
(1พกษ.13:1-3) 2...และชายคนนั้นได้ร้องกล่าวโทษแท่นนั้นโดยพระวจนะของพระเจ้าว่า “โอ แท่นบูชา แท่นบูชาพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘ดูเถิด โอรสองค์หนึ่งจะประสูติมาในราชวงศ์ของดาวิด ชื่อโยสิยาห์และบนเจ้า แท่นนี้จะฆ่าปุโรหิตแห่งปูชนียสถานสูงผู้ซึ่งเผาเครื่องหอมบนเจ้า และเขาจะเผากระดูกคนบนเจ้า’...
นี่คือข้อคิดให้กับเรา เพื่อเตือนใจเราให้เราเชื่อมต่อกับวงจรเวลาของพระเจ้า เพื่อเราจะไม่ถูกหันเหใจไปในความบาปที่ล่อลวงเราออกจากทางของพระเจ้า
มารซาตานพยายามดึงใจเราให้ไปสนใจกับเทศกาลต่างๆของโลกนี้ เช่น เทศกาลฮาโลวีน หรือเทศกาลเกี่ยวกับดวงจันทร์และบูชาเทพเจ้าต่างๆ
เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่คริสตชนจำนวนมากไม่สนใจที่จะฉลองเทศกาลที่อยู่ในพระคัมภีร์เช่นเทศกาลปัสกา(Passover) เทศกาล
เพ็นเทคอสต์(Pentecost) หรือ เทศกาลอยู่เพิง(Sukkot) แต่กลับไปจัดงานฉลองเทศกาลอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์แทน
โดยเฉพาะในเดือนเชสวาน (Cheshvan) ที่กำลังจะมาถึงเพื่อเตือนใจให้ระวังเทศกาลและบาปของเยโรโบอัม
กษัตริย์เยโรโบอัม เป็นเงา(Type) เล็งถึง "ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist)ที่จะมาในภายหลัง ?
ในทางศาสนศาสตร์ นักวิชการพระคัมภีร์หลายท่านให้มุมมองโดยเทียบกับ กษัตริย์เยโรโบอัม ว่าเป็นเงา(Type) เล็งถึง "ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist) โดยเทียบจากหนังสือพระคัมภีร์ที่กล่าวคำพยากรณ์ไว้ถึง "ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist)
มีข้อสังเกตดังนี้
(1) กษัตริย์เยโรโบอัมปกครอง 10 ชนเผ่าตอนเหนือของอิสราเอล ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ได้ครอบครองราชอาณาจักร 10 อาณาจักร
วว. 13:1 และข้าพเจ้าได้เห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งขึ้นมาจากทะเล มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา ที่เขาทั้งสิบนั้นมีมงกุฎสิบอัน และมีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้าจารึกไว้ที่หัวของมัน
ดนล. 7:24 ส่วนเรื่องเขาสิบเขานั้น จากราชอาณาจักรนี้จะมีกษัตริย์สิบพระองค์เกิดขึ้นและมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งเกิดขึ้นภายหลัง ผิดแปลกกว่ากษัตริย์ที่มีมาก่อนและจะโค่นกษัตริย์เสียสามองค์
(2) กษัตริย์เยโรโบอัมปกครอง 10 ชนเผ่าตอนเหนือของอิสราเอล ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ถูกเรียกว่า "กษัตริย์แห่งถิ่นเหนือ"
ดนล. 11:28 แล้วกษัตริย์แห่งถิ่นเหนือก็จะกลับเข้าบ้านเข้าเมืองพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย แต่จิตใจก็มุ่งร้ายต่อพันธสัญญาบริสุทธิ์ และเขาจะปฏิบัติงานและกลับเข้าบ้านเข้าเมือง
(3) กษัตริย์เยโรโบถูกเรียกว่า "ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาป" (2 กษัตริย์ 23:15.)ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ถูกเรียกว่า "คนนอกกฎหมาย" (man of lawlessness หรือ Man of Sin) ( 2 ธส 2: 3).
2พกษ. 23:15 ยิ่งกว่านั้นอีก แท่นบูชาที่เบธเอลกับ ปูชนียสถานสูงซึ่งตั้งขึ้นโดยเยโรโบอัมบุตร เนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย พระองค์ทรงรื้อแท่นบูชากับปูชนียสถานสูงนั้นลงและ ทรงเผาปูชนียสถานสูงนั้น แล้วบดให้เป็นผงและพระองค์ทรงเผาเสาอาเชราห์ด้วย
2ธส. 2:3 อย่าให้ใครล่อลวงท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึงจนกว่าจะมีการกบฏเสียก่อน และคนนอกกฎหมายนั้นจะปรากฏตัว คือลูกแห่งความพินาศ
(4) กษัตริย์เยโรโบอัมพยายามเปลี่ยนปฏิทินของพระเจ้าโดยการเพิ่มงานเทศกาลในเดือนที่8 ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการตั้งเวลาและพระบัญญัติของพระเจ้า
ดนล. 7:25 ท่านจะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด และจะให้วิสุทธิชนขององค์ผู้สูงสุดนั้นอิดหนาระอาใจ และจะคิดเปลี่ยนแปลงบรรดาวาระและธรรมบัญญัติ และเขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในมือของท่าน ตลอดหนึ่งวาระ สองวาระ กับครึ่งวาระ
(5) กษัตริย์เยโรโบอัมก่อตั้งศาสนาและสร้างระบบของตัวเองขึ้นมาปกครองคน และนำให้คนกราบไหว้รูปเคารพ ปฏิปักษ์ของพระคริสต์ก็จะสถาบันศาสนาของตัวเอง รวมถึงระบบต่างๆและพาคนให้เคารพบูชาของรูปเคารพ
วว.13:11-18
วว.13:11-18
...12 มันใช้สิทธิอำนาจทั้งหมดของสัตว์ร้ายตัวแรกต่อหน้าสัตว์ร้ายนั้น มันทำให้โลกและคนที่อยู่ในโลกบูชาสัตว์ร้ายตัวที่มีบาดแผลฉกรรจ์ซึ่งได้รับการรักษาแล้ว
13 มันทำหมายสำคัญที่ยิ่งใหญ่ถึงขั้นทำให้ไฟตกจากฟ้าลงมายังแผ่นดินโลกต่อหน้าคนทั้งหลาย
14 มันล่อลวงคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกด้วยหมายสำคัญต่างๆ ที่ทรงอนุญาตให้มัน ทำต่อหน้าสัตว์ร้ายตัวแรกนั้น และมันสั่งให้คนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลก สร้างรูปจำลองรูปหนึ่งให้กับสัตว์ร้ายตัวที่มีบาดแผลจากดาบแต่ยังมีชีวิตอยู่นั้น
15 และทรงอนุญาตให้มันสามารถให้ลมหายใจแก่รูปของสัตว์ร้าย เพื่อให้รูปสัตว์ร้ายนั้นพูดได้ และทำให้พวกที่ไม่ยอมบูชารูปสัตว์ร้ายนั้นถึงแก่ความตาย
16 และมันยังบังคับทุกคน ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต คนมั่งมีและคนยากจน เสรีชนและทาสให้รับเครื่องหมายไว้ที่มือขวาหรือที่หน้าผากของพวกเขา
17 เพื่อไม่ให้ใครสามารถซื้อหรือขายได้ ถ้าหากไม่มีเครื่องหมายที่เป็นชื่อของสัตว์ร้าย หรือเป็นตัวเลขของชื่อมัน
18 ในเรื่องนี้ต้องใช้สติปัญญาให้ดี ถ้าใครมีความเข้าใจ ก็จงคิดคำนวณเลขของสัตว์ร้ายตัวนั้น เพราะว่าเป็นเลขของคนผู้หนึ่ง เลขของมันคือหกร้อยหกสิบหก(666)
(ยังมีข้อพระคัมภีร์อื่นๆที่สนับสนุนแต่ผมไม่ได้ยกมาอ้างอิง เนื่องจากพื้นที่จำกัด แต่พอสรุปได้ว่า กษัตริย์เยโรโบอัมทำในสิ่งที่่เป็นแนวทางเดี่ยวกับที่"ปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist) จะทำในอนาคต สิ่งเป็นข้อคิดเตือนใจเราให้ระมัดระวังในอนาคตหากถึงเวลาที่ปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist) ได้ปรากฏตัวขึ้น )
ผมไม่ได้สรุปนะครับ ว่าในวันที่ 15 เดือนเชสวาน ( วันที่ 28 ต.ค. 2015) ที่กำลังจะถึงนี้ จะมีพิธีกรรมหรือสิ่งเลวร้ายที่มารพยายามจะทำให้เกิดขึ้น หรืออาจจะเป็นการเริ่มต้นของการเกิด "ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist) แต่ให้เราเฝ้าอธิษฐานเผื่ออิสราเอลและระมัดระวังชีวิตของเราไว้เสมอไม่ให้เราหลงไปกับเทศกาลและบาปของเยโรโบอัมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ในวันที่ 15 ของเดือนเชสวานในประวัติศาสตร์ มีเหตุการณ์ร้ายเกี่ยวกับอิสราเอล เช่น เหตุการณ์ฆ่าล้ างเผ่าพันธฺ์ยิว (Holocaust) ปีค.ศ. 1938 เริ่มต้นในวันที่ 15 เดือนเชสวาน โดยฮิตเลอร์ของพรรคนาซี
มัทธิวหรือมัทธิยาฮู (Mattityahu -แปลว่าของขวัญแด่พระเจ้า) ซึ่งเป็นผู้ประท้วงและต่อต้านการที่ทำให้พระวิหารเป็นมลทิน ท่านได้เสียชีวิตในวันที่ 15 เดือนเชสวาน ปี 3622 หรือ 139 ปีก่อนคริสตศักราช ) และต่อมา ตระกูลมัคคาบีส (The Maccabees) โดยบุตรชาย 5 คนของเขามีชัยชนะเหนือกองทัพของกษัตริย์แอนติโคคัสที่ 4(Antiochus IV) แห่งซีเรียเมื่อประมาณ 165 ปี ก่อนคริสตศักราช จึงมีการ เฉลิมฉลองเทศกาลแห่งแสงสว่าง (Chanukah หรือ Hanukkah) ในแต่ละปี
(สามารถอ่านทำความเข้าใจ เรื่อง เทศกาลแห่งแสงสว่าง หรือ Chanukah หรือ Hanukkah ได้ในบทความเรื่อง เทศกาลแสงสว่างแห่งความหวังใจ)
สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ แม้ว่าเดือนนี้จะมีเหตุการณ์ร้ายในอดีต และสำหรับในเดือนนี้เราจะต้องป่าวประกาศชัยชนะของพระยาห์เวห์ เพราะผู้ที่อยู่ในชีวิตของเรา ยิ่งใหญ่กว่ามารซาตานที่อยู่ในโลกนี้(1ยน.4:4)
หากเราศึกษาพระคัมภีร์จะเห็นได้ว่า สุดท้ายพระยาห์เวห์ทรงลงโทษและทำลายกษัตริย์เยโรโบอัมที่ทำบาปอย่างสิ้นเชิง และวาระสุดท้ายในอนาคต "ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist) ก็จะถูกจัดการเช่นเดียวกัน
ในพระธรรม 1 พกษ.13:1-5 บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ว่า พระยาห์เวห์ส่งให้ผู้เผยพระวจนะจากยูดาห์ไปกล่าวโทษกษัตริย์เยโรโบอัม ว่าโยสิยาห์จะมาทำลายสิ่งที่กษัตริย์เยโรโบอัมได้สร้าง และเมื่อกษัตริย์เยโรโบอัมกางมือออก มือของพระองค์เหี่ยวแห้งไป และสิ่งที่กษัตริย์เยโรโบอัมได้ทำบาปและราชวงศ์ของพระองค์ถูกทำลายเสียสิ้นในเวลาต่อมา
1 พกษ.21:20-22
1 พกษ.21:20-22
20 อาหับตรัสกับเอลียาห์ว่า “โอ ศัตรูของเรา เจ้าพบเราเข้าแล้วหรือ?” ท่านทูลตอบว่า “ข้าพระบาทพบฝ่าพระบาทเข้าแล้ว เพราะว่าฝ่าพระบาทยอมขายพระองค์เข้าทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์
21 นี่แน่ะ เราจะนำเหตุร้ายมาเหนือเจ้า เราจะกวาดเจ้าออกไปเสียให้สิ้น และจะกำจัดผู้ชายทุกคนเสียจากอาหับในอิสราเอล ไม่ว่าทาสหรือไท
22 และเราจะทำให้ราชวงศ์ของเจ้าเหมือนราชวงศ์ของเยโรโบอัมบุตรเนบัท และเหมือนราชวงศ์ของบาอาชาบุตรอาหิยาห์ เพราะเจ้าทำให้เราโกรธ และเพราะเจ้าทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย
"ผู้ที่เป็นปฏิปักษ์ของพระคริสต์"(The Antichrist) ก็จะถูกจัดการเช่นเดียวกัน ตามพระคัมภีร์ได้กล่าวไว้
ดนล. 7:11 ข้าพเจ้าก็จ้องดู เพราะเขาเล็กนั้นพูดคำใหญ่โต และเมื่อข้าพเจ้าจ้องดูสัตว์ตัวนั้นก็ถูกฆ่า และศพก็ถูกทำลายมอบให้เผาเสียด้วยไฟ
2ธส. 2:8 ขณะนั้นคนนอกกฎหมาย(The Antichrist) นั้นก็จะปรากฏตัวขึ้น และพระเยซูเจ้าจะทรงประหารมันด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ และจะทรงผลาญให้สูญไปด้วยการปรากฏและการเสด็จมาของพระองค์
เดือนนี้ให้เราอธิษฐานป่าวประกาศดังนี้
อธิษฐานป่าวประกาศว่า เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความยินดีแทนการขมขื่นใจ ไม่ใช่ เดือนที่ชื่อว่า “มาร์ เชสวาน” Marcheshvan מַרְחֶשְׁוָ ן, แปลว่า ขม (bitter) เพราะเดือนนี้คือเดือนเป็นเชสวาน (Cheshvan) เดือนแห่งเผ่ามนัสเสห์
พระเจ้าทรงทำให้โยเซฟลืมความยากลำบากและความทุกข์ยาก ดังความหมายของชื่อเผ่ามนัสเสห์ (ปฐก 41:51)
อธิษฐานป่าวประกาศว่า เดือนนี้เป็นเดือนแห่งพันธสัญญานิรันดร์ของพระเมสิยาห์(Messiah) อธิษฐานป่าวประกาศ ตามพันธสัญญาของพระเมสิยาห์ พระองค์เป็นผู้เริ่มต้นการดีและทรงนำความสำเร็จ(ฟป.1:6)
อธิษฐานป่าวประกาศว่า เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความกล้าหาญ เดือนนี้เป็นเดือนของกิเดนโอน ชาวเผ่ามนัสเสห์ พระเจ้าทรงเรียก กิเดโอนว่า “บุรุษผู้กล้าหาญ” (วนฉ.6:14-15) เรียกตัวเราว่า ฉันเป็นนักรบของพระเจ้า(ยอล.3:10) ขอพระเยซูทรงเหยียบหัวงู(ซาตาน) และเราสามารถทำและจะต้องทำอย่างเดียวกับพระองค์ (รม 16.20) เราจะขึ้นไปเหยียบแผนของศัตรู สามารถมีชัยชนะเหนืออุบายทั้งสิ้นของผีร้ายได้ด้วยการให้อภัย
อธิษฐานป่าวประกาศว่า เดือนนี้เป็นเดือนแห่งพันธสัญญานิรันดร์ของพระเมสิยาห์(Messiah) อธิษฐานป่าวประกาศ ตามพันธสัญญาของพระเมสิยาห์ พระองค์เป็นผู้เริ่มต้นการดีและทรงนำความสำเร็จ(ฟป.1:6)
อธิษฐานป่าวประกาศว่า เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความกล้าหาญ เดือนนี้เป็นเดือนของกิเดนโอน ชาวเผ่ามนัสเสห์ พระเจ้าทรงเรียก กิเดโอนว่า “บุรุษผู้กล้าหาญ” (วนฉ.6:14-15) เรียกตัวเราว่า ฉันเป็นนักรบของพระเจ้า(ยอล.3:10) ขอพระเยซูทรงเหยียบหัวงู(ซาตาน) และเราสามารถทำและจะต้องทำอย่างเดียวกับพระองค์ (รม 16.20) เราจะขึ้นไปเหยียบแผนของศัตรู สามารถมีชัยชนะเหนืออุบายทั้งสิ้นของผีร้ายได้ด้วยการให้อภัย
ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
07 ตุลาคม 2558
พระเยซู ผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตในเทศกาลอยู่เพิง
สวัสดีผู้อ่านทุกท่าน เชื่อว่าในช่วงเทศกาลอยู่เพิงหรือสุคคท(Sukkot) ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.-4 ต.ค.2015 ที่ผ่านมา เราจะมีประสบการณ์อยู่ภายใต้เพิงแห่งพระสิริ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความยินดีในการสามัคคีธรรมกับพระเจ้าและพี่น้องในพระคริสต์
ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับเทศกาลอยู่เพิงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้อ่านทุกท่านสามารถกลับไปอ่านย้อนหลังได้นะครับ ตาม Link นี้ครับ
สำหรับในปี 5776 นี้ ผมขอเขียนในมุมมองและข้อคิดจากเทศกาลอยู่เพิงที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันที่คนยิวอยู่ในเพิงมาแล้ว 7 วันและวันที่ 8 คือวันที่เรียกว่า "ชิมหัต โทราห์" (Simchat Torah) เป็นวันแห่งการชื่นชมยินดีในพระคำ(Torah)ของพระยาห์เวห์ คนยิวจำนวนมากเต้นรำด้วยถือหนังสือม้วนโทราห์ อ่านตั้งแต่ปฐมกาลข้อแรก และข้อสุดท้ายของเฉลยธรรมบัญญัติ เพื่อแสดงว่าพระวจนะของพระเจ้าไม่มีวันสิ้นสุด มีการนมัสการอย่างชื่นชมยินดีธรรมศาลา(Synagogue)
ในพระธรรมยอห์นบทที่ 7 ได้บันทึกว่า พระเยซูคริสต์ทรงมาร่วมเทศกาลอยู่เพิง
ยน. 7:37-39
37 ในวันสุดท้ายของงานเทศกาล(วันที่ 8 Simchat Torah) ซึ่งเป็นวันยิ่งใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนขึ้นและทรงประกาศว่า “ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา
38 และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’”
39 สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณซึ่งคนที่วางใจพระองค์จะได้รับ เพราะว่าพระวิญญาณยังไม่สถิตด้วย เพราะพระเยซูยังไม่ได้รับพระเกียรติ
ผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับเทศกาลอยู่เพิงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้อ่านทุกท่านสามารถกลับไปอ่านย้อนหลังได้นะครับ ตาม Link นี้ครับ
(เทศกาลอยู่เพิง(Feast of Tabernacles), เทศกาลอยู่เพิง : พระสิริท่ามกลางเรา , เทศกาลอยู่เพิง :นี่เป็นเวลาแห่งความชื่นชมยินดี, เทศกาลอยู่เพิง:พักสงบในร่มเงาแห่งพระสิริ, เทศกาลอยู่เพิง(Sukkot) 5774 : เคลื่อนและขยายหลักเต็นท์, “เทศกาลอยู่เพิง” : ติดตามการทรงสถิต ชีวิตในเพิงพระสิริ)
สำหรับในปี 5776 นี้ ผมขอเขียนในมุมมองและข้อคิดจากเทศกาลอยู่เพิงที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันที่คนยิวอยู่ในเพิงมาแล้ว 7 วันและวันที่ 8 คือวันที่เรียกว่า "ชิมหัต โทราห์" (Simchat Torah) เป็นวันแห่งการชื่นชมยินดีในพระคำ(Torah)ของพระยาห์เวห์ คนยิวจำนวนมากเต้นรำด้วยถือหนังสือม้วนโทราห์ อ่านตั้งแต่ปฐมกาลข้อแรก และข้อสุดท้ายของเฉลยธรรมบัญญัติ เพื่อแสดงว่าพระวจนะของพระเจ้าไม่มีวันสิ้นสุด มีการนมัสการอย่างชื่นชมยินดีธรรมศาลา(Synagogue)
ในพระธรรมยอห์นบทที่ 7 ได้บันทึกว่า พระเยซูคริสต์ทรงมาร่วมเทศกาลอยู่เพิง
ยน. 7:37-39
37 ในวันสุดท้ายของงานเทศกาล(วันที่ 8 Simchat Torah) ซึ่งเป็นวันยิ่งใหญ่นั้น พระเยซูทรงยืนขึ้นและทรงประกาศว่า “ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา
38 และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’”
39 สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณซึ่งคนที่วางใจพระองค์จะได้รับ เพราะว่าพระวิญญาณยังไม่สถิตด้วย เพราะพระเยซูยังไม่ได้รับพระเกียรติ
ในช่วงเทศกาลอยู่เพิงมีพิธีเทน้ำ(
นอกจากนี้ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ ได้กล่าวไว้ใน ยรม. 17:13 ข้าแต่พระเจ้า ความหวังแห่งอิสราเอล บรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องรับความอับอาย บรรดาคนทั้งปวงที่หันไปจากพระองค์จะต้องจารึกไว้ในแผ่นดินโลก เพราะเขาได้ละทิ้งพระเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย
ซึ่งเป็นการเผยพระวจนะล่วงหน้าไว้ประมาณ 550 ปี ก่อนที่พระเยซูคริสต์ทรงมาประสูติบนโลกนี้ คำเผยพระวจนะนี้กล่าวถึง พระเยซูว่าพระองค์ทรงเป็นน้ำพุแห่งชีวิต เป็นทั้งความหวังและเป็นช่วยให้รอด ที่คนยิวได้ละทิ้งไปนั่นเอง พระเยซูจะเข้ามาเติมเต็มให้พวกเขาไม่หิวกระหายอีกต่อไปเมื่อได้พบกลับพระองค์ และพระเยซูคริสต์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งเป็นน้ำที่ธำรงชีวิตให้กับพวกเขา
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเหตุการณ์สำคัญในเทศกาลอยู่เพิงในสมัยพระเยซูคริสต์นั้นคือ พระเยซู ผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิต พระวิญญาณของพระองค์ไม่ได้ประหารคนให้ตายแต่ประทานชีวิตรอด
2 คร. 3:6 ผู้ทรงโปรดประทานให้เราสามารถที่จะเป็นพันธกรแห่งพันธสัญญาใหม่ อันมิใช่ประมวลกฎแต่เป็นมาโดยพระวิญญาณ ด้วยว่าประมวลกฎนั้นประหารให้ตาย แต่ส่วนพระวิญญาณประทานชีวิต
ในพระธรรมยอห์น บทที่ 8 ข้อที่ 3 -6 บันทึกว่า
3 พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีพาผู้หญิงคนหนึ่งมาหา หญิงคนนี้ถูกจับฐานล่วงประเวณี และพวกเขาให้นางยืนอยู่ต่อหน้าประชาชน
4 เขาทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ หญิงคนนี้ถูกจับขณะกำลังล่วงประเวณีอยู่
5 ในธรรมบัญญัตินั้นโมเสสสั่งให้เราเอาหินขว้างคนอย่างนี้ให้ตาย แล้วท่านจะว่าอย่างไร?”
6 เขาพูดอย่างนี้เพื่อทดลองพระองค์โดยหวังจะหาเหตุฟ้องพระองค์
แต่พระเยซูน้อมพระกายลงเอานิ้วเขียนที่ดิน
พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสีจับหญิงที่ล่วงประเวณี มาพร้อมกับใช้เธอเป็นอุปกรณ์เพื่อจะมาทดลองพระเยซู พวกเขาเรียกพระองค์ว่าเป็น "ท่านอาจารย์(รับบี) " ประมาณว่าท่านทราบไหมว่าพระบัญญัติของพระเจ้าผ่่านทางโมเสสบอกว่าอะไร และต้องลงโทษหญิงคนนี้อย่างไร พระเยซูคริสต์ทรงทราบดีถึงพระบัญญัติของพระเจ้า โทษตามกฏคือต้องประหารเธอให้ตาย!
ตามพระบัญญัตินั้นมี "กฎเรื่องความหึงหวงของสามี"(กดว.5:11-31) หากสามีระแวงให้พาภรรยาไปหาปุโรหิตและปุโรหิตจะวินิจฉัย หากเธอผิดประเวณีจริงก็ให้เอาหินขว้างมีการให้ดื่มน้ำสาบาน
กดว. 5:27 เมื่อให้หญิงนั้นดื่มน้ำแล้ว ถ้านางทำตัวเป็นมลทินและประพฤตินอกใจสามี น้ำที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนั้นจะเข้าในตัวนางและทำให้เจ็บปวดมาก ท้องของนางจะป่องและมดลูกจะลีบไป และนางจะเป็นที่แช่งสาปท่ามกลางชนชาติของนาง
ผู้ที่เป็นปุโรหิตจะบันทึกเรื่องราวคดีความไว้ในสมุดแห่งพระวิหาร ผู้ที่จะเอาหินขว้างคนแรกแสดงว่า เป็นสามีหรือชู้ของนาง เพราะสามีเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องเอาเรื่องได้ตามพระบัญญัติ
ผู้ที่เป็นปุโรหิตจะบันทึกเรื่องราวคดีความไว้ในสมุดแห่งพระวิหาร ผู้ที่จะเอาหินขว้างคนแรกแสดงว่า เป็นสามีหรือชู้ของนาง เพราะสามีเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องเอาเรื่องได้ตามพระบัญญัติ
สายตาประชาชนที่มาที่ลานประตูเมือง มาเฝ้าดูคดีนี้อย่างใจจดใจจ่อว่า คดีนี้จะสิ้นสุดอย่างไร และในเทศกาลอยู่เพิง ช่วงวัน"ชิมหัต โทราห์" รับบีเยซูจะทำอย่างไรกับคดีนี้
เพราะถ้าพระเยซูเพิกเฉยต่อพระบัญญัติ ปล่อยหญิงที่ล่วงประเวณี คนจะดูหมิ่นพระองค์และพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ถ้าพระองค์ทำตามพวกเขาคือ ประหารหญิงที่ล่วงประเวณีคนนี้ พระองค์ก็จะทำผิดต่อพระบิดาซึ่งเปี่ยมด้วยพระคุณและความรัก
แต่ในข้อ 8-11 จะเห็นถึงพระสติปัญญาของพระเยซูในการแก้ไขคดีด้วยหัวใจแห่งการอภัยและพระคุณที่ไม่ละเลยพระบัญญัติ พระเยซูไม่ได้ลบล้างพระบัญญัติแต่ทำให้ครบถ้วนด้วยพระคุณ
7 และเมื่อพวกเขายังทูลถามอยู่เรื่อยๆ
พระองค์ก็ยืดพระกายขึ้นตรัสตอบเขาว่า “ใครในพวกท่านไม่มีบาป
ให้เอาหินขว้างนางก่อนเป็นคนแรก”
8 แล้วพระองค์น้อมพระกายลงเอานิ้วเขียนที่ดินอีก9 แต่เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ออกไปทีละคน เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพังกับหญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์
10 พระเยซูยืดพระกายขึ้นตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด? ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ?”
11 นางทูลว่า “ท่านเจ้าข้า ไม่มีใครเลย” แล้วพระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก”
มีนักวิชาการพระคัมภีร์หลายท่านตีความ ว่า พระเยซูคริสต์เขียนอะไรที่พื้นดิน บ้างก็ว่าเขียนพระบัญญัติจากพระธรรมกันดารวิถีบทที่ 5 หรือพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติบทที่ 17 ผมคงไม่ได้สรุปว่าพระองค์เขียนพระบัญญัติตอนนี้ แต่ผมเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ทรงทราบดีถึงพระบัญญัติข้อนี้ดี พระธรรมยอห์นไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าพระองค์เขียนที่ดินว่าอะไร แต่พระองค์ทรงใช้พระบัญญัติของพระเจ้าในการตัดสินคดีนี้
(ผมขอสรุปความจากพระบัญญัติของพระเจ้าจาก กดว.5:11-31 และ ฉธบ. 17:5-7 ดังนี้)
กดว.5:11-31
...12 “จงบอกคนอิสราเอลว่า ถ้าภรรยาของชายคนไหนหลงผิดและประพฤตินอกใจสามี
13 มีชายอื่นมานอนกับนางในที่ลับตาสามีของนาง นางก็มีมลทินแล้วแม้ถูกปิดบังไว้ และแม้ไม่มีพยาน ทั้งจับไม่ได้คาหนังคาเขา
14 จิตหึงหวงก็มาอยู่ในตัวสามี เขาจึงหึงหวงภรรยาผู้มีมลทินนั้น หรือว่ามีจิตหึงหวงอยู่ในสามี เขาจึงหึง15 ให้ชายนั้นพาภรรยาของเขาไปหาปุโรหิต และนำเครื่องบูชาสำหรับภรรยาไปด้วย คือแป้งบาร์เลย์ประมาณหนึ่งกิโลกรัม แต่ไม่ให้เขาเทน้ำมันหรือใส่กำยานในแป้งนั้น เพราะเป็นธัญบูชาเกี่ยวกับความหึงหวง เป็นธัญบูชาแห่งการระลึกคือให้ระลึกถึงความผิด
16 “ปุโรหิตจะนำนางมาใกล้และให้ยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์
17 และปุโรหิตจะเอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ในภาชนะดิน แล้วเอาผงคลีจากพื้นพลับพลาใส่ในน้ำนั้น
18 ปุโรหิตจะให้นางยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และแก้มวยผมของนางออก แล้วส่งธัญบูชาแห่งการระลึกให้นางถือไว้ ซึ่งเป็นธัญบูชาแห่งความหึงหวง ส่วนปุโรหิตจะถือน้ำแห่งความขมขื่นที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนั้นไว้
19 จากนั้นปุโรหิตจะให้นางสาบานและพูดกับนางว่า ‘ถ้าไม่มีชายใดมานอนกับเจ้า หรือถ้าเจ้าไม่ได้หลงผิดไปมีมลทิน เมื่อเจ้ายังอยู่กินกับสามี ก็ให้เจ้าพ้นจากน้ำแห่งความขมขื่นที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนี้
20 แต่ถ้าเจ้าหลงผิดในขณะที่เจ้าอยู่กินกับสามีแล้วมีมลทิน โดยชายอื่นที่ไม่ใช่สามีได้นอนกับเจ้า
21 (และให้ปุโรหิตบอกหญิงนั้นกล่าวคำสาบานของการสาปแช่ง ทั้งบอกกับหญิงนั้นว่า) ขอพระยาห์เวห์ทรงทำให้เจ้าเป็นคำแช่ง และคำสาปท่ามกลางชนชาติของเจ้า โดยการที่พระองค์ทรงทำให้มดลูกของเจ้าลีบ และท้องเจ้าป่อง...
27 เมื่อให้หญิงนั้นดื่มน้ำแล้ว ถ้านางทำตัวเป็นมลทินและประพฤตินอกใจสามี น้ำที่ทำให้เกิดการสาปแช่งนั้นจะเข้าในตัวนางและทำให้เจ็บปวดมาก ท้องของนางจะป่องและมดลูกจะลีบไป และนางจะเป็นที่แช่งสาปท่ามกลางชนชาติของนาง
28 ถ้าหญิงนั้นไม่ได้มีมลทินและนางบริสุทธิ์ นางก็จะพ้นความผิดและตั้งครรภ์
29 “นี่เป็นกฎเรื่องความหึงหวง เมื่อภรรยาได้หลงไปทำตัวให้มีมลทินทั้งที่ยังอยู่กินกับสามี
30 หรือเมื่อมีจิตหึงหวงอยู่ในผู้ชาย และเขาหึงหวงภรรยาของตน เขาต้องให้นางไปยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และปุโรหิตจะปฏิบัติต่อนางตามบัญญัตินี้ทุกประการ
31 ผู้ชายจึงจะพ้นผิด ส่วนผู้หญิงจะต้องรับความผิดของนาง”
ฉธบ. 17:5-7
7 ท่านจงนำชายหรือหญิง ผู้ทำสิ่งชั่วร้ายนั้นออกมาที่ประตูเมือง และท่านจงเอาหินขว้างชายหรือหญิงนั้นเสียให้ตาย
6 ผู้ที่ถูกกล่าวโทษถึงตายนั้น ให้มีพยานสองหรือสามปาก จึงให้ปรับโทษถึงตายได้ ห้ามลงโทษใครถึงตายด้วยพยานปากเดียว
7 ในการประหารชีวิตนั้น ให้พวกพยานลงมือก่อน ต่อไปคนทั้งปวงจึงร่วมมือด้วย แล้วท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน
6 ผู้ที่ถูกกล่าวโทษถึงตายนั้น ให้มีพยานสองหรือสามปาก จึงให้ปรับโทษถึงตายได้ ห้ามลงโทษใครถึงตายด้วยพยานปากเดียว
7 ในการประหารชีวิตนั้น ให้พวกพยานลงมือก่อน ต่อไปคนทั้งปวงจึงร่วมมือด้วย แล้วท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน
คำถามที่สำคัญของพระเยซูคริสต์คือ “ใครในพวกท่านไม่มีบาป ให้เอาหินขว้างนางก่อนเป็นคนแรก”(ยน.8:7) ผลคือ เมื่อพวกเขาได้ยินอย่างนั้น เขาก็ออกไปทีละคน เริ่มจากคนเฒ่าคนแก่ เหลือแต่พระเยซูตามลำพังกับหญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์(ยน.8:9)
ในเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นในบริเวณพระวิหาร พระเยซูเอานิ้วเขียนที่ดินในเขตพระวิหาร สิ่งที่พระเยซูทรงเขียนคือ ชื่อคน คดีความ โจทย์และจำเลย ตามพระบัญญัติการเอาความต้องมีพยาน 2 ปาก ( ฉธบ. 17:6 ผู้ที่ถูกกล่าวโทษถึงตายนั้น ให้มีพยานสองหรือสามปาก จึงให้ปรับโทษถึงตายได้ ห้ามลงโทษใครถึงตายด้วยพยานปากเดียว )
แต่เมื่อเหลือพระเยซูกับหญิงล่วงประเวณีเพียง 2 คน มีแต่จำเลย ไม่มีโจทย์ มีแต่พระเยซูคริสต์ที่เป็นพยานในเวลานั้น พยานปากเดียวเอาโทษไม่ได้
ยน.8:10-11
10 พระเยซูยืดพระกายขึ้นตรัสกับนางว่า “หญิงเอ๋ย พวกเขาไปไหนหมด? ไม่มีใครเอาโทษเธอหรือ?”
11 นางทูลว่า “ท่านเจ้าข้า ไม่มีใครเลย” แล้วพระเยซูตรัสว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก”
เมื่อพระเยซูตรัสกับหญิงคนนั้นว่า “เราก็ไม่เอาโทษเหมือนกัน จงไปเถิดและจากนี้ไปอย่าทำบาปอีก”
พระเยซูคริสต์ทรงให้อภัยเธอ แต่สิ่งที่พระองค์กำชับคือ "อย่าทำบาปอีก”
ดังนั้นพระบัญญัติของพระเจ้าที่ให้กับเราเพื่อให้เราได้ทราบถึงความร้ายแรงของบาป เมื่อเราทั้งหลายได้รับการให้อภัยโดยพระคุณ เราควรที่จะกลับใจใหม่และอย่ากลับไปทำบาปอีก เป็นการดูหมิ่นพระคุณที่เราได้รับจากพระเจ้า
รม. 6:14-15
14 บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ
15 ถ้าเช่นนั้นจะว่าอย่างไร? เราจะทำบาปเพราะไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณอย่างนั้นหรือ? เปล่าเลย
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นความหวังและแหล่งน้ำแห่งชีวิตในเทศกาลอยู่เพิง
ยรม. 17:13 ข้าแต่พระเจ้า ความหวังแห่งอิสราเอล บรรดาคนเหล่านั้นที่ละทิ้งพระองค์จะต้องรับความอับอาย บรรดาคนทั้งปวงที่หันไปจากพระองค์จะต้องจารึกไว้ในแผ่นดินโลก เพราะเขาได้ละทิ้งพระเจ้าผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิตเสีย
ในเทศกาลอยู่เพิงนั้น พระเยซูทรงยืนขึ้นและทรงประกาศว่า “ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาเรา
และให้คนที่วางใจในเราดื่ม ตามที่มีคำเขียนไว้แล้วว่า ‘แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น’” สิ่งที่พระเยซูตรัสนั้นหมายถึงพระวิญญาณซึ่งคนที่วางใจพระองค์จะได้รับ
ในเทศกาลอยู่เพิงที่เราได้ฉลองกันอยู่ในทุกปีนั้น แสดงถึงพระเยซู ผู้เป็นแหล่งน้ำแห่งชีวิต ที่อยู่ในชีวิตของเรา ขอให้เรามีประสบการณ์ในเพิงแห่งพระสิริในชีวิตของเรา เอเมน