30 กันยายน 2559

ทำความเข้าใจเรื่องคริสเตียนกับเทศกาลของยิว (แบบสายย่อพอเข้าใจง่ายๆ)

คำถามที่ว่า "คริสเตียนควรถือรักษาวันของเทศกาลต่างๆแบบยิวหรือไม่?"

สำหรับความคิดของผมแล้ว ยิวเป็นรากความเชื่อของเราในฐานะที่เป็นคริสเตียน เพราะพระเยซูกล่าวไว้ว่า "เพราะ​ความ​รอด​นั้น​มา​จาก​พวก​ยิว"(ยอห์น 4:22)
ในความจริงแล้วเทศกาลต่างๆเป็นเวลานัดหมาย(Divine Appointment)ของพระยาห์เวห์ ไม่ใช่เพียงชาวยิวเท่านั้นแต่หมายถึงทุกคนที่เชื่อด้วย

ในพระธรรมเลวีนิติบทที่ 23 กล่าวไว้ถึงเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาลปัสกา เทศกาลสัปดาห์ เทศกาลเสียงแตร(Rosh Hashanah) เทศกาลอยู่เพิง ให้ถือปฏิบัติตลอดไปและไม่เคยบอกให้ยกเลิกเลย
สำหรับเราคริสเตียน ควรเข้าร่วมเทศกาลด้วยความเข้าใจหลักการเบื้องหลังของเทศกาลต่างๆ ไม่ใช่แค่เลียนแบบวิธีการ ไม่ใช่เป็นการทำตามๆกันเหมือน fashion เพราะเทศกาลของคนยิวนั้นน่าหลงใหล(fascinating) เพราะพวกเขารู้วาระเวลาของพระเยาห์เวห์เพราะเขาเป็นชนชาติของพระองค์ ซึ่งเราสามารถศึกษาได้ตลอดทั้งเล่มในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม(OT) ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่(NT) ไม่ได้ระบุเจาะจงเป็นการบังคบให้คริสเตียนว่าต้องเข้าร่วมทุกเทศกาลหรือทุกพิธี
 (รับแต่ "พิธี"ก็พอไม่ต้อง"พิธีกรรม" เพราะเราไม่ต้องรับกรรม :)

มีเพียงพิธีบัพติศมาในน้ำและพิธีมหาสนิท ที่พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างและทรงกำหนดไว้
พระเยซูไม่เคยลบล้างธรรมบัญญัติแต่ทำให้สมบูรณ์ (มัทธิว 5:17-20)
แต่ไม่ใช่การปรักปรำเพื่อทำโทษ เพราะประมวลกฏประหารให้ตายแต่พระวิญญาณประทานชีวิต(2 โครินธ์ 3:6)

ดังนั้นอย่าถือเทศกาลเคร่งครัดจนกลายเป็นรูปเคารพ เพราะการถือกฏไม่ได้ทำให้เป็นคนชอบธรรมแต่เราชอบธรรมด้วยความเชื่อ(Justify by faith) ได้รับความรอดด้วยพระคุณ(เอเฟซัส 2:8-9)
ดังเช่นจดหมายของอัครทูตเปาโลที่เตือนคริสเตียนชาวกาลาเทีย ที่เมื่อก่อนเป็นทาส แต่ได้รับการเป็นไทในพระคริสต์กลับยังเป็นทาสของกฏเกณฑ์ต่างๆ อีก

กาลาเทีย 4:10-11
10 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ถือ​วัน เดือน ฤดู และ​ปี
11 ข้าพ​เจ้า​เกรง​ว่า​การ​ที่​ข้าพ​เจ้า​ได้​ตราก​ตรำ​เพื่อ​พวก​ท่าน​นั้น​จะ​ไร้​ประ​โยชน์

อัครทูตเปาโล เตือนชาวโคโลสี อย่าถือเทศกาลเพื่อพิพากษากัน
โคโลสี 2:16-17
16 เพราะ​ฉะนั้น​อย่า​ให้​ใคร​พิพาก​ษา​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ใน​เรื่อง​การ​กิน การ​ดื่ม ใน​เรื่อง​เทศ​กาล หรือ​วัน​ต้น​เดือน หรือ​วัน​สะบา​โต
17 สิ่ง​เหล่า​นี้​เป็น​เพียง​เงา​ของ​สิ่ง​ที่​มา​ใน​ภาย​หลัง แต่​ตัว​จริง​คือ​พระ​คริสต์

ให้เราถือเทศกาลเพื่อได้เรียนรู้จักความสมบูรณ์ในพระคริสต์ พระองค์ทรงเป็นผู้เป็นตัวจริง(substance) แต่เทศกาลเป็นเงา(shadow)ที่เล็งเพื่อการระลึกถึงเท่านั้น
อย่าให้ใครมาพิพากษาพี่น้องว่าไม่ถือเทศกาล หรือ พวกที่ถือเทศกาลเป็นพวกยิวหัวโบราณ ยุคนี้เป็นยุคพระคุณแล้ว ไม่มีใครมีจิตวิญญาณสูงกว่ากันในเรื่องการถือสิ่งเหล่านี้
ทุกเทศกาลที่อยู่ในพระคัมภีร์เป็นช่วงเวลาที่เราจะใช้เวลากับพระเจ้า เข้ามาเพื่อแสวงหาพระองค์ และเป็นโอกาสทองในการทำให้คนที่ไม่เชื่อ ได้มารู้จักพระเจ้า
แม้ขนาดเทศกาลคริสต์มาสไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์ เรายังยึดถือเลย เพราะเป็นโอกาสเพื่อเราจะได้พูดถึงเทศกาลต่างๆ เพื่อจะนำพระคุณ ความรักของพระคริสต์ ไปถึงคนที่ยังไม่ได้รับความรอด

โคโลสี 4:5-6
5จง​ปฏิ​บัติ​ต่อ​คน​ภาย​นอก​ด้วย​สติ​ปัญ​ญา โดย​ใช้​โอ​กาส​ให้​เป็น​ประ​โยชน์
6 จง​ให้​ถ้อย​คำ​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ประ​กอบ​ด้วย​เมต​ตา​คุณ​เสมอ ปรุง​ด้วย​เกลือ​ให้​มี​รส เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​รู้​ว่า​ควร​จะ​ตอบ​แต่​ละ​คน​อย่าง​ไร

ขอบคุณพระเยซูคริสต์ที่พระองค์ทรงเป็นองค์อิมมานูเอล ทรงเป็นเพิงแห่งพระสิริที่ประทับในชีวิตของเราในฐานะของผู้เชื่อทุกคน ฮาเลลูยา

ยอห์น 1:14 พระ​วาทะ​ทรง​เกิด​เป็น​มนุษย์​และ​ทรง​อยู่​ท่าม​กลาง​เรา เรา​เห็น​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ คือ พระ​สิริ​ที่​สม​กับ​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระบิดา บริ​บูรณ์​ด้วย​พระ​คุณ​และ​ความ​จริง


ต้อนรับปีใหม่ตามปฏิทินฮีบรู 5777 ปี Ayin Zayin

ในค่ำคืนวันที่ 2 ต.ค. นี้จะเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามปฏิทินฮีบรู (Rosh Hashanah) เป็นเวลาแห่งเสียงแตรเขาสัตว์ที่เป่าเพื่อขึ้นต้อนรับปีใหม่ตามปฏิทินฮีบรู 5777 ปี Ayin Zayin เสียงแตรของพระเจ้าได้เป่าเพื่อให้เราตื่นตระหนักและตั้งตัวใหม่ โดยตระหนักว่า เสียงแตรเป็น...

1 เสียงปลุกให้ตื่นตัวฝ่ายวิญญาณ (Revive)

2.เสียงเรียกเพื่อกลับมาแสวงหาพระเจ้า (Return)


3 เสียงแห่งการรื้อฟืน (Restore)

4.เสียงร้องชื่นชมในการทรงสถิต(Rejoice)

เป็นเวลานัดหมายของพระเจ้า(Divine Appointment) ประสบการณ์สู่พระสิริของพระเจ้า จาก Rosh Hashanah เข้าสู่ 10 วันแห่งความยำเกรง ชำระชีวิตของตนในวันลบมลทินบาป(Yom Kippur -12 ต.ค.) และเข้าสู่เทศกาลอยู่เพิง(17-24 ต.ค.)
1. ฟังเสียงปลุกให้ตื่น ดังเช่นการเข้าสู่เทศกาลเสียงแตรโดยตื่นจากหลับใหลเข้าสู่เวลาของพระองค์

2. เสาะแสวงหาพระเจ้า ในช่วง 10วันแห่งความยำเกรง

3. รับการรื้อฟื้น อธิษฐานสารภาพบาปในวันลบมลทินบาป กลับใจจากสิ่งเลวร้าย เข้ามาพึ่งพาพระคุณพระเจ้า

4. ชื่นชมในการทรงสถิตของพระเจ้า ดังเช่นการเข้าสู่เทศกาลอยู่เพิง ด้วยความหวังใจ พระเยซูเป็นดังที่พำนักในชีวิตของเรา พระองค์ทางอยู่ทามกลางเรา

ยอห์น 1:14 ​พระ​วาทะ​ได้​ทรง​บังเกิด​เป็น​มนุษย์​และ​ทรง​อยู่​ท่ามกลาง​เรา บริบูรณ์​ด้วย​พระ​คุณ​และ​ความ​จริง เรา​ทั้ง​หลาย​ได้​เห็น​พระ​สิริ​ของ​พระ​องค์ คือ​พระ​สิริ​อัน​สม​กับ​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​บิดา​

ขอกล่าวคำว่า Shanah Tova ! สุขสันต์ในการเริ่มต้นปีใหม่นี้

คำที่ไม่ควรพูดแต่ควรพูดคำใหม่

อย่าพูดคำว่า "ยาก" หากไม่พยายาม แต่ให้พูดคำว่า "เยี่ยม" เพราะสิ่งที่ยากจะท้าทายความสามารถให้ทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมออกมา

อย่าพูดคำว่า "ขี้เกียจ" เพราะเรามีความสามารถไม่ใช่ขี้ๆ แต่ให้พูดว่า "มีเกียรติ" เพราะทุกงานมีเกียรติ ทำอย่างดีที่สุด






อย่าพูดคำว่า "ท้อ" เพราะคนที่ท้อจะไม่ใช่คนแท้ ท้อเทียมได้แต่อย่าท้อแท้ พูดคำว่า "ทน" และลงมือทำจะนำพาความสำเร็จ






อย่าพูดว่า"ทำไม่ได้" เพราะไม่มีอะไรยากสำหรับพระเจ้า

ทำความเข้าใจใหม่แล้ว พูดว่า "ทำได้ง่าย" เราจะทำได้โดยพระองค์ที่เสริมกำลังเรา  
ฟีลิปปี 4:13 ข้าพเจ้า​ผจญ​ทุก​สิ่ง​ได้ โดย​พระ​องค์​ผู้​ทรง​เสริม​กำลัง​ข้าพเจ้า

อย่าพูดคำว่า "เหนื่อย" ถ้าเหนื่อยเมื่อยก็พักผ่อน นอนให้พอ พอตื่นมา พูดคำว่า"หนุก" เพราะมาจากคำว่า "สนุก" เมื่อเราสนุกเราก็จะไม่เหนื่อย สนุกกับทุกสิ่งที่ได้ทำ

21 กันยายน 2559

ยุทธศาสตร์ของการทำสงครามฝ่ายวิญญาณที่คุณอาจจะไม่เคยได้รับการสอนมาก่อน

"ยุทธศาสตร์ของการทำสงครามฝ่ายวิญญาณที่คุณอาจจะไม่เคยได้รับการสอนมาก่อน"
(The Spiritual Warfare Strategy You Probably Were Never Taught)
 โดย ไคล์  วิคเลอร์  (KYLE WINKLER)
ซาตานไม่เพียงแต่เป็นจ้าวแห่งศิลปในการโจมตีเท่านั้น แต่มันยังเป็นจ้าวแห่งศิลปของการรู้ว่าจะโจมตีเมื่อไรอีกด้วย ใช่แล้ว มันรู้ว่าความสำเร็จในการโจมตีของมันขึ้นอยู่กับการลงมือในเวลาที่เหมาะสม
เมื่อไรที่ซาตานชอบโจมตี (When Satan Is Likely to Attack)
สิ่งที่เราสังเกตเห็นจากพระคัมภีร์ ทั้งจากประวัติศาสตร์และชีวิตของเราเองคือว่า ซาตานไม่ค่อยชอบโจมตีเมื่อเราเข้มแข็งและเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับมัน เพราะนั่นจะเป็นการเสียเวลาและพลังงานของมัน แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ศัตรูมักล่าเหยื่อคนทั้งหลายเมื่อไม่มีการป้องกันตัว
ไม่น่าเชื่อที่มันก็ใช้วิธีนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จะจัดการกับพระเยซู สังเกตว่าเมื่อพระเยซูถูกมารผจญไม่ได้เกิดขึ้นในสองสามวันแรกของพระองค์ในถิ่นทุรกันดาร หากแต่เกิดขึ้นในช่วงท้าย หลังจากการอดอาหาร 40 วัน 40 คืน มัทธิวบันทึกว่าพระเยซูทรงอยากพระกระยาหาร (มธ.4:1-2) ไม่น่าประหลาดใจเลยว่าเป็นช่วงเวลานี้เอง - เมื่อพระเยซูอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุดของพระองค์ - ซาตานมาพร้อมกับการทดลองทั้งหลายของมัน
ซาตานก็พยายามทำอย่างเดียวกันกับเราด้วย และบ่อยครั้งที่เราต้องโทษวิถีชีวิตของเราที่ทำให้มันทำงานได้สำเร็จ ขอให้ดิฉันอธิบาย
ความอ่อนล้านำสู่การโจมตีได้อย่างไร(How Exhaustion Leads to Attack)
พวกเราหลายคนมีวิถีชีวิตแบบ "เทียนที่ถูกจุดทั้งสองด้าน" นั่นคือ เราทำให้ตัวเองอ่อนล้าโดยการนอนดึกๆ และตื่นแต่เช้าเพื่อจะทำสิ่งต่างๆได้มากขึ้น อาจจะหวังว่าเราจะร่ำรวยมากขึ้น มีอิทธิพล เป็นที่ชื่นชม หรือมีชื่อเสียง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว การดำเนินชีวิตแบบนี้มีแต่จะทำให้เราเปิดต่อการถูกศัตรูโจมตีมากขึ้น เพราะวิถีชีวิตแบบนี้ขัดกับการออกแบบของพระเจ้า
ร่างกายของเราถูกออกแบบอย่างน่าอัศจรรย์ แต่มันไม่ได้เป็นเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ 100% ที่สามารถจะทำงานโดยไม่มีการหยุดได้ ร่างกายของเราถูกออกแบบมาให้ต้องมีการพักผ่อน มากจนถึงขนาดมีการพูดว่า มนุษย์สามารถมีชีวิตยาวขึ้น 3 เท่าได้แม้ไม่มีอาหารแต่ต้องนอน สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเรานอนนั้นมีความโดดเด่นมาก ร่างกายของเราจัดระบบระเบียบความคิด สร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมเนื้อเยื่อ และแม้กระทั่งควบคุมฮอร์โมนต่างๆ เมื่อเรานอนไม่พอ สิ่งที่ตามมาคือ เราพบกับผลกระทบต่างๆที่ตรงกันข้าม และนี่คือสิ่งที่ศัตรูเฝ้ารอ เพราะมันรู้ว่าความคิดที่เกิดขึ้นจากการนอนพักไม่เพียงพอไม่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์หรือผลที่ตามมาต่างๆได้อย่างถูกต้องเหมาะสม และร่างกายที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอไม่มีกำลังที่จะต่อต้านบางสิ่งที่มันนำเสนอ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เรามักเจอการโจมตีที่เลวร้ายบ่อยครั้งเมื่อเราอิดโรยในฝ่ายร่างกายหรือสมองอ่อนล้า
ยุทธศาสตร์สงครามฝ่ายวิญญาณแบบง่ายๆ(A Simple Spiritual Warfare Strategy)
ดังนั้น เคล็ดลับที่จะยืนหยัดต่อการโจมตีของซาตานจึงไม่ใช่อะไรที่โลดโผนหรือฝ่ายวิญญาณจ๋าเลย หากแต่เป็นสิ่งที่เรียบง่าย เช่น การ-พัก-ผ่อน ซึ่งที่จริงคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ในภาษาอังกฤษ คำว่า "rest/พักผ่อน" ใช้ตัวอักษรสองในสามของคำว่า "resist/ต่อต้าน" ใช่แล้ว การต่อต้านศัตรูในสถานการณ์ของคุณอาจแค่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ อย่างเช่น พักผ่อนเสียบ้างและนอนให้เต็มอิ่ม จุดจบของความคิดวนเวียน ความอึดอัดไม่พอใจ ความโกรธ ความกลัว หรือความรู้สึกหวั่นไหว อาจเป็นเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น การพูดว่า "เงียบนะเจ้ามาร ชั้นจะไปนอนแล้ว!"
รูป: การพักสงบสามารถเป็นอาวุธที่ร้ายแรงใช้ต่อสู้ศัตรูในสงครามฝ่ายวิญญาณได้ (Flickr )
ข้อมูลจาก  Charisma News วันที่ 17 .. 2016
http://www.charismanews.com/opinion/59948-the-spiritual-warfare-strategy-you-probably-were-never-taught
ผู้แปล อ.ศิริพร สุกัญจนศิริ(อ.ใหญ่)

The Spiritual Warfare Strategy You Probably Were Never Taught
by KYLE WINKLER
Satan hasn't only mastered the art of how to attack, but he's also mastered the art of knowing when to attack. Yes, he knows that the success of his attacks ultimately depend upon orchestrating them at just the right time.
When Satan Is Likely to Attack
What we can observe from the Bible, history and our own lives is that Satan isn't likely to take his best shots when we're strong and ready for him. That would be a waste of his time and energy. Rather, the enemy preys on people when their defenses are down.
Incredibly, this was part of his plan to take down Jesus. Notice that Jesus' famous temptation by the devil didn't happen in the first few days in the wilderness, but at the end. After fasting 40 days and 40 nights, Matthew records that Jesus was famished (Matt. 4:1-2). Unsurprisingly, it was at this moment—when Jesus was at His weakest—that Satan came with his temptations.
Satan tries the same on us. And all too often, our lifestyles are to blame for his success. Let me explain.
How Exhaustion Leads to Attack
Many of us live a lifestyle of "burning the candle at both ends." That is, we exhaust ourselves by staying up late and getting up early in order to accomplish more, maybe in hopes that we'll gain more wealth, influence, favor, power or prestige. Whatever the reason, in actuality, living this way only makes us more susceptible to Satan's attacks because it goes against God's design.
The body is designed amazingly, but it's not a 100 percent efficient machine that can work without stopping. No, the body is designed to require rest. So much so that it's said humans can live three times longer without food than without sleep. What happens when we sleep is remarkable. Our bodies organize our thoughts, grow muscle, repair tissue and even regulate hormones. When we don't get enough sleep, we eventually experience opposite effects. And this is what the devil waits for. He knows sleep-deprived minds can't properly process situations or consequences. And sleep-deprived bodies don't have the energy to withstand certain offers. So it's not surprising that we frequently experience the worst attacks when we're physically or mentally exhausted.
A Simple Spiritual Warfare Strategy
The secret, then, to withstand many of Satan's attacks isn't anything sensational or super spiritual. But it's as simple as r-e-s-t. In fact, it's probably no coincidence that "rest" makes up two-thirds of the word "resist." Yes, resisting the devil in your situation might be as simple as getting some rest and a good night's sleep. Did you hear that? The end to your mind games, frustrations, anger, fears or insecurities might be just as easy as saying, "Shut up, devil, I'm goin' to bed!" 

17 กันยายน 2559

พระเจ้ามีของขวัญเป็นพิเศษสำหรับคุณ(God Has Gifts Especially For You)

คำเผยพระวจนะจากเฮเลน มาเดลีน (Helen Madeline) 

"God Has Gifts Especially For You"

"พระเจ้ามีของประทาน/ของขวัญ (พหูพจน์) เป็นพิเศษสำหรับคุณ"


2-3 วันที่ผ่านมา ในขณะที่พระเจ้ากำลังสำแดงแก่ดิฉันว่าพระองค์ทรงรักเราซึ่งเป็นลูกๆ ของพระองค์มากแค่ไหน พระองค์พูดตลอดว่า "เรารักเจ้า และเราต้องการเจ้า" ดิฉันสามารถสัมผัสได้ทันทีว่า พระเจ้ากำลังสำแดงแก่เราว่าพระองค์ทรงรักเรามากแค่ไหน ผ่านการให้ของประทาน/ของขวัญต่างๆ แก่ลูกๆ ของพระองค์
ยากอบ 1:17-18  "ของประทาน​ที่​ดี​และ​เลิศ​ทุกอย่าง​นั้น​มา​จาก​เบื้องบน คือ​มา​จาก​พระ​ผู้​สร้าง​แห่ง​บรรดา​ดวง​สว่าง ใน​พระองค์​ไม่มี​การ​แปรปรวน​หรือ​เงา​ของ​การ​เปลี่ยนแปลง เมื่อ​ตั้ง​พระทัย​แล้ว พระองค์​ทรง​ให้​เรา​บังเกิด​ด้วย​พระวจนะ​แห่ง​ความ​จริง เพื่อ​ให้​เรา​เป็น​ผลิตผล​แรก​ของ​สิ่ง​ต่างๆ ที่​พระองค์​ทรง​สร้าง" 

ของประทาน/ของขวัญ (พหูพจน์) สำหรับคุณ(GIFTS ESPECIALLY FOR YOU)
จากนั้นพระเจ้าทรงสำแดงให้ดิฉันเห็นของกล่องของประทาน/ของขวัญมากมายที่ถูกห่ออย่างสวยงามวางเรียงรายเป็นแถวยาว ซึ่งเริ่มจากกล่องเล็กที่สุดและเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กล่องเหล่านี้ทั้งหมดมีป้ายของขวัญที่เขียนว่า "พิเศษสำหรับเจ้า" 
พระเจ้าตรัสว่า "ของประทาน/ของขวัญเหล่านี้ทั้งหมดพิเศษสำหรับเจ้า เพราะเรารักเจ้าและเราต้องการเจ้า! ของประทาน/ของขวัญเหล่านี้ถูกเติมเต็มจนล้นด้วยทุกสิ่งที่เจ้าต้องการเพื่อเจ้าจะกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุด (ผลแรก) ที่เราสร้างให้เจ้าเป็น!"
("These gifts are especially for you, because I LOVE YOU and I also NEED YOU! These gifts are filled to overflowing with all that you need to become the very best (first fruits) that I created you to be!")
ดิฉันถามพระเจ้าว่า "ดิฉันควรเปิดกล่องไหนก่อน?" พระองค์ตรัสว่า "เราต้องการให้เจ้าเริ่มต้นจากกล่องที่เล็กที่สุดก่อนและค่อยๆ ไล่ไปตามแถวของของขวัญ/ของประทานเหล่านี้ ในขณะที่กล่องเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น "อย่ากระโดดข้าม" เพราะแต่ละกล่องมีบางสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับเจ้า"
ดิฉันเปิดกล่องที่เล็กที่สุดก่อนและจากนั้นก็เปิดกล่องถัดไปเรื่อยๆ แต่ละกล่องที่ดิฉันเปิด ดิฉันรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความดีงาม น้ำใจที่กว้างขวงและความรักของพระองค์ที่ทรงมีต่อดิฉัน 

ของขวัญ/ของประทานเหล่านี้สะท้อนถึงโอกาส นัดหมายจากสวรรค์ พันธกิจการรับใช้ พระพรและอื่นๆ อีกมากมาย แต่ละกล่องที่ดิฉันแกะกระดาษห่อออก ดิฉันมั่งคั่งมากขึ้นเรื่อยๆ ในความรู้และความเข้าใจว่าดิฉันเป็นใคร และสิ่งที่พระเจ้ามีแผนการสำหรับชีวิตของดิฉัน
(The gifts represented opportunities, divine appointments, ministries, blessing and more. With each gift I unwrapped, I became richer in understanding who I was and what God has planned for my life.)

บางกล่องก็น่าท้าทายที่จะรับเอาและแกะกล่องออกมา แต่พระเจ้าทรงอยู่กับดิฉัน รวมทั้งทรงช่วยและสนทนากับดิฉันให้เข้าใจแต่ละชิ้นแต่ละอัน จนกระทั่งมันเปิดเผยถึงสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นอย่างเต็มขนาด ในขณะที่ดิฉันเปิดแต่ละกล่อง ซึ่งไม่เพียงแต่ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ความเร็วที่ดิฉันสามารถจะเปิดกล่องเหล่านั้นก็เร็วขึ้นเรื่อยๆ ด้วย

ชิ้นใหญ่(THE BIG ONE)
จากนั้น ดิฉันสังเกตเห็นของขวัญกล่องใหญ่ที่ดูเรียบๆ วางอยู่โดดๆ ไกลออกไป แล้วดิฉันถามพระเจ้าว่ากล่องใหญ่นั้นคืออะไร 

พระองค์ตรัสว่า "นั่นเป็นความคิดของมนุษย์ที่มีว่าของขวัญ/ของประทานของเราควรจะดูเป็นอย่างไรสำหรับพวกเขา บางคนต้องการแค่ชิ้นใหญ่ พวกเขาต้องการแค่พระพรใหญ่ๆ โอกาสใหญ่ๆ พันธกิจใหญ่ๆ บ่อยครั้งที่ลูกๆของเรามักจะเดินข้ามหรือแม้กระทั่งปฏิเสธของขวัญ/ของประทานเล็กๆที่เราเสนอให้แก่พวกเขาตามทาง เราต้องการให้พวกเขาเข้าใจและเรียนรู้ที่จะยอมรับของขวัญ/ของประทานเล็กๆ ก่อนที่ของขวัญ/ของประทานชิ้นใหญ่ของเราจะเป็นของพวกเขา! 

("That is man's idea of what My gift should look like for them. Some people only want THE BIG ONE. They only want the big blessings, big opportunities, the big ministries. My children will often walk past or even reject the small gifts I offer them along the way. I need them to understand and learn to accept the small gifts before My big gifts can be theirs!)

ของขวัญ/ของประทานชิ้นเล็กเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะเตรียมพวกเขาสำหรับความเต็มขนาดของสิ่งที่ใหญ่ขึ้นที่เราเตรียมไว้ข้างหน้า!
(These small gifts are key to preparing them for the fullness of the bigger ones I have ahead!)
ลูกา 16:10 "คน​ที่​ซื่อสัตย์​ใน​ของ​เล็กน้อย​จะ​ซื่อสัตย์​ใน​ของ​มาก​ด้วย และ​คน​ที่​ไม่​ซื่อสัตย์​ใน​ของ​เล็กน้อย จะ​ไม่​ซื่อสัตย์​ใน​ของ​มาก​เช่นกัน" 

จากนั้น ดิฉันเห็นคนหนึ่งวิ่งไปที่ของขวัญกล่องใหญ่ที่วางอยู่โดดๆนี้ และก็กระชากกระดาษห่อออกอย่างตื่นเต้น ทันใดนั้น ใบหน้าที่ตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นตกใจและผิดหวังอย่างรวดเร็ว เพราะกล่องใหญ่นี้ไม่ได้เต็มไปด้วยสิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้ ที่จริงแล้วกล่องใบนั้นเกือบจะเป็นกล่องเปล่า คนนี้เอื้อมเข้าไปในกล่องใบใหญ่และดึงเอาของขวัญกล่องเล็กจิ๋วที่ถูกห่อไว้อย่างสวยงามพร้อมกับป้ายที่เขียนว่า "พิเศษสำหรับเจ้า" ออกมา

ในขณะที่เขาถือของขวัญ/ของประทานชั้นนี้ ดิฉันสามารถสัมผัสได้ว่าเขารู้สึกสับสน เสียอารมณ์ และผิดหวัง เขารู้สึกอยากจะยอมแพ้ รู้สึกเหมือนพระเจ้าไม่ได้มีอะไรพิเศษให้แก่เขา จากนั้น มีผู้ชายคนหนึ่งเดินไปหาเขา คือพระเยซูนั่นเอง ดิฉันสามารถเห็นพระองค์พูดคุยกับคนนี้ พระองค์โอบกอดเขาในขณะที่เขาร้องไห้ จากนั้น พระองค์ประคองให้เขาเงยศรีษะขึ้นและเชื้อเชิญให้เขาเปิดของขวัญ/ของประทานกล่องเล็กจิ๋วนี้ที่อยู่ในมือเขา

มันเล็กมากจนคนนี้ไม่คิดว่าของขวัญ/ของประทานที่เล็กจิ๋วขนาดนั้นจะมีอะไรพิเศษได้ แต่ในขณะที่เขาเปิด ใบหน้าของเขาสว่างและเปล่งประกายด้วยความดีใจในสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้น จากนั้น พระเยซูทรงประคองศรีษะของเขาให้หันไปดูแถวของขวัญ/ของประทานที่เรียงรายจากเล็กไปถึงใหญ่ที่มีป้ายติดไว้ว่า "พิเศษสำหรับเจ้า" ที่คนเหล่านี้ไม่เคยเห็นในขณะที่พวกเขาพยายามแต่จะไปเอากล่องใหญ่ 

พระเยซูทรงยืนอยู่กับพวกเขา และทรงเทความรักของพระองค์ลมาเหนือคนเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขามองไปข้างหน้าและเปิดกล่องของขวัญที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆด้วยกัน
(Jesus stood with them and poured out His love upon them as they looked forward and opened the increasing gifts together.)

ฟีลิปปี 3:12-16 "มิใช่​ว่า​ข้าพเจ้า​ได้​แล้ว หรือ​สำเร็จ​แล้ว แต่​ข้าพเจ้า​กำลัง​บาก​บั่น​มุ่ง​ไป เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​ฉวย​เอาไว้​เป็น​ของ​ตน อย่าง​ที่​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ทรง​ฉวย​ข้าพเจ้า​ไว้​เป็น​ของ​พระ​องค์​แล้ว​ ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ข้าพเจ้า​ไม่​ถือ​ว่า​ข้าพเจ้า​ได้​ฉวย​ไว้​ได้​แล้ว แต่​ข้าพเจ้า​ทำ​อย่าง​หนึ่ง คือ​ลืม​สิ่ง​ที่​ผ่าน​พ้น​มา​แล้ว​เสีย และ​โน้ม​ตัว​ออกไป​หา​สิ่ง​ที่​อยู่​ข้างหน้า​ ข้าพเจ้า​กำลัง​บาก​บั่น​มุ่ง​ไปสู่​หลัก​ชัย เพื่อ​จะ​ได้รับ​รางวัล ซึ่ง​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เรียก​จาก​เบื้อง​บน ให้​เรา​ไป​รับ​ เรา​ซึ่ง​เป็น​ผู้ใหญ่​แล้ว​จึง​คิด​อย่าง​นั้น และ​ถ้า​ท่าน​คิด​อย่าง​อื่น ​พระ​เจ้า​ก็​จะ​ทรง​โปรด​ให้​เรื่อง​นั้น​ประจักษ์​แก่​ท่าน​ด้วย​ แต่​เรา​ได้​แค่​ไหน​แล้ว ​ก็​ให้​เรา​ดำเนิน​ตรง​ตามนั้น​ต่อไป" 
Helen Madeline


Helen Madeline
His Light Tower

Email: hislighttower@hotmail.com

ขอขอบคุณผู้แปล อ.ศิริพร สุกัญจนศิริ(ใหญ่)

11 กันยายน 2559

ย้อนกลับนับพระพรก่อนเข้าสู่ปี 5777

ก่อนที่เราจะเข้าสู่เทศกาล Rosh Hashanah ปี 5777 ปี Ayin Zayin  ปีแห่งดาบของการปกครอง (Year of the ruling sword) ในค่ำวันที่ 3 ต.ค.นี้ 

สดุดี 45:3 ข้า​แต่​กษัตริย์​ผู้​ทรง​อำ​นาจ ขอ​ทรง​คาด​ดาบ​ไว้​ที่​บั้น​พระ​องค์ โดย​พระ​สิริ​และ​ความ​สง่า​งาม​ของ​พระ​องค์

ผมขอนำเพื่อนผู้อ่านทุกท่านย้อนกลับไปนับพระพรถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำตั้งแต่ปี 5771-5776 ที่ผ่านมา 

ตอนนี้เรากำลังเริ่มต้นปีใหม่!  พวกเรากำลังเข้าสู่ปีฮีบรู 5777   
5700 = “ขอให้เป็นปีแห่ง...”   70 = อักษรฮีบรู  เรายังอยู่ในช่วงทศวรรษ 70 ทศวรรษแห่งการมองเห็น  อักษร Ayin  “อัยยิน”  เป็นภาพของดวงตา”  ในฤดูกาลอัยยิน พระเจ้าต้องการเพิ่มความสามารถของเราในการเห็น!   พระองค์กำลังบอกว่า  ดูใหม่อีกครั้ง!   เราคิดว่าเราเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้ว แต่ให้มองใหม่อีกครั้งและเราจะเห็นชัดเจนขึ้นอีก!  เราลองมองกลับไปนับพระพรในแต่ละปีกันอีกครั้งดังนี้

 (สามารถ click เข้าไป อ่านบทความแต่ละปีตาม link ได้นะครับ)

ปี 5771 ปี Ayin Aleph  ปีแห่งฤดูกาลแห่งสิทธิอำนาจใหม่ ด้วยฤทธานุภาพ การยอมจำนนต่อจอมกษัตรา (A season of new authority,power,and submission to the King)


ปี 5772 ปี Ayin Beth ปีแห่งพันธสัญญา พระเจ้าทรงมองมาที่บ้านของพระองค์

 ปี 5773 ปี Ayin Gimel ปีแห่งมวลอฐ ปีแห่งพระพรความมั่งคั่ง ปีการรื้อฟื้นสู่การไถ่กลับมาทั้งหมด ปีที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างช่องว่างของอดีตไปสู่อนาคต (From recovery to wholeness : A year to bridge the gap between past and future)




ปี 5774 ปี Ayin Dalet ปีแห่งประตู "เชิญเข้ามาเถิด เพื่อจะเห็นการเปิดประตูสู่สายธารน้ำพุใหม่" (Enter In! Seeing the Open Door to New Springs!)



ปี 5775 เป็นปีแห่งอักษร  เฮ้  ถ้าเรามองดูสิ่งที่ขัดเป็นตารางบนหน้าต่าง มันทำจากตัวอักษรเฮ้ตัว
เล็กๆ จำนวนมาก!  ภาพของหน้าต่าง  

ความหมายของ เฮ้” คือ  เสียงลมที่พัดผ่านช่องตารางบนหน้าต่าง นอกจากนี้ยังหมายถึง ลม 
เสียง
คำว่า เฮ้ หมายถึง  ลมหายใจ พระวิญญาณ และการสำแดง  การสรรเสริญเสียงดังอย่างรุนแรง! “ฮาเลล!” (ฮาเลลูยา)
       
ดังนั้น ปีแห่งอักษรเฮ้ เป็นปีแห่งลม เสียง ถ้อยคำ ลมหายใจ พระวิญญาณ และการสำแดง
        
สดุดี 91  กล่าวถึง  “การดำเนินชีวิตในตาแห่งพายุ        ท่านจะไม่กลัวความสยดสยองในกลาง
คืนหรือกลัวลูกธนูที่ปลิวไปในกลางวัน   หรือโรคภัยที่ไล่มาในความมืด หรือโรคซึ่งทำลายใน
เที่ยงวัน …เพราะท่านได้กระทำให้พระเจ้าผู้เป็นที่ลี้ภัยของข้าพเจ้า คือองค์ผู้สูงสุด เป็นที่อยู่
ของท่านไม่มีการร้ายใดๆ จะตกมาบนท่าน ไม่มีภัยมาใกล้เต็นท์ของท่าน 

ในปีฮีบรูที่ 5775 เสียงแห่งสวรรค์จะซึมซาบในที่ใหม่ของคุณ     ปีข้างหน้าดูเหมือนกับลม
หมุน เป็นลมพายุที่จะปลดปล่อยเมล็ดต่างๆ เพื่อจะหว่านสำหรับ  อนาคตของคุณ ประตูต่างๆ 
ของยุ้งฉางที่กักเมล็ดพันธุ์ทั้งหลายสำหรับอนาคตของเรา จะถูกพัดให้เปิดออก    จงโอบรับเอา
เสียงแห่งลมพายุ จากสวรรค์ และปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์ต่างๆ สำหรับอนาคตของเรา!"

ในปี 5776 Ayin Vav ปีของการสถาปนาอนาคตของเราโดยพระยาห์เวห์ ตัวอักษรวาร์ฟ(Vav)ให้ภาพหมุดเต็นท์ ที่เราต้องตอกย้ำเชื่อมโยงอนาคตของเรากับแผนการของพระเจ้า และเราต้องปกป้องประตูแห่งอนาคตของเรา ไม่ให้ศัตรูมาทำลาย ปีที่สวรรค์นำการแทรงแซงเข้ามาในโลก 
นอกจากนี้ยังเป็นปีแห่งเสียงแตรเขาสัตว์ (Jubilee) ปีแห่งการอิสรภาพและปลดปล่อย  พระเจ้าทรงนำความโปรดปรานมาสู่ชีวิตของเรา (เลวีนิติ 25:8-12)

ในปี 5777 นี้เราจะมีการนมัสการเฉลิมฉลองและอธิษฐานป่าวประกาศการเริ่มต้นปี Rosh Hashanah  ด้วยเสียงแตรเขาสัตว์ (Shofar)เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับประเทศอิสราเอล ในวันอาทิตย์ที่ 2 ต.ค.เวลา 18.30 - 22.30 น. ที่ห้องประชุมชั้น 4 ตึก Glory บางนา
ลนต. 23:24 “จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด(Tishrei) เจ้าทั้งหลายจงถือเป็นวันหยุดพักสงบวันหนึ่ง เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ประกาศเป็นที่ระลึกด้วยเสียงแตร(Shofar)

สำหรับความหมายปี 5777 ปี Ayin Zayin เราจะได้รับฟังจากอ.นิมิต และร่วมฉลอง Rosh Hashanah 5777 ด้วยกัน  โปรดติดตามอ่านได้เร็วๆนี้ครับ 

06 กันยายน 2559

เผ่ากาด(Gad) นักรบผู้เก่งฉกาจ

Chodesh Tov! สุขสันต์ในการเริ่มต้นใหม่ในเดือนเอลูล(Elul) เดือนแห่งความหฤหรรษ์(Entertain) เพราะผ่านช่วงเวลาแห่งความหฤโหด(Endurance)มาได้ในเดือนที่ผ่านมา 

เพราะเดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนอับ (Av) เดือนแห่ง “รูเข็ม ” (the eye of the needle)  เป็นช่วงเวลาของความทุกข์ยากลำบากที่จะต้องเดินก้าวผ่านสถานที่แคบๆไปหนทางที่กว้างเพื่อไปสู่เป้าหมาย

ผมเชื่อว่าแม้ว่าจะเป็นเดือนอับ ชีวิตของเราก็จะไม่อับเฉาหรืออับแสง  แต่พระยาห์เวห์จะทรงยกระดับ(Up class)ในชีวิตของเราให้สูงขึ้น และทรงนำเราไปสู่เป้าหมายของพระองค์ตามพระสัญญา

อิสยาห์ 62:10 จง​เข้าไป จง​เข้าไป​ทาง​ประ​ตู​ทั้งหลาย จง​จัด​เตรียม​ทาง​ไว้​ให้​ชน​ชาติ​นี้ จง​ยก​ขึ้น จง​ยก​ระดับ​ทาง​หลวง​ขึ้น จง​เก็บ​กวาด​หิน​เสีย​ให้​หมด จง​ชู​ธง​สัญ​ญาณ​ไว้​เหนือ​ชน​ชาติ​ทั้ง​หลาย

ตามประวัติศาสตร์ในวันที่ 9 เดือนอับ(Av) หรือ Tisha B'Av เป็นวันที่มีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับประเทศอิสราเอล นั่นคือ พระวิหารหลังแรกถูกทำลายในปี 587 ก่อนคริสตศักราช และพระวิหารหลังที่ 2 ถูกทำลายในปี ค.ศ.70

จากเหตุการณ์พระวิหารหลังที่ 2 ในปี ค.ศ. 70 ทำให้คนยิวกระจัดกระจายไปทั่วโลก และพวกเขาถูกลบหายไปจากแผนที่โลก และภาษาฮีบรูกลายเป็นภาษาที่ตายไปแล้ว จนกลับมารวมประเทศในปี ค.ศ. 1948 ตามพระสัญญาของพระยาห์เวห์

ในเดือนนี้คือเดือนเอลูล  เป็นเดือนที่ 6 ตามปฏิทินศาสนา และเป็นเดือนที่ 12 ตามแบบปฏิทินราชการของประเทศอิสราเอล ปี 5776 จะอยู่ในช่วงวันที่ 4 ..- 2 ..2016 ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการเตรียมชีวิตเพื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ (Rosh Hashanah) ปี 5777 ที่จะมาถึงในเดือนข้างหน้า  

นอกจากนั้นเดือนเอลูล เป็นเดือนที่เนหะมียห์รื้อฟื้นและสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มสำเร็จ  

เนหะมีย์ 6:15 กำแพงจึงสำเร็จในวันที่ยี่สิบห้าเดือนเอลูล ในห้าสิบสองวัน​  

ดังนั้นจึงเป็นเดือนที่พระยาห์เวห์จะทรงซ่อมแซมและรื้อฟื้นจิตวิญญาณของเราขึ้นมาใหม่  

สำหรับเผ่าของอิสราเอลประจำเดือนนี้ คือ เผ่ากาด (Gad) สัญลักษณ์ของเผ่าจะเป็นภาพของเต้นท์(Tent)หรือภาพของทหาร(troop)


บทความครั้งนี้ เราจะมาเรียนรู้จากลักษณะชีวิตของเผ่ากาดด้วยกัน

(หมายเหตุ เรียนรู้จักลักษณะของเผ่าต่างๆประจำเดือนของอิสราเอล สามารถอ่านได้ตาม Link นี้ครับ   สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ (Lion of Judah),อิสสาคาร์ - ลาที่มีกำลังกล้าหาญ,เศบูลุน-เรือสำเภามุ่งสู่จุดหมาย,เผ่ารูเบน - บุตรชายสายน้ำเชี่ยว)


คำว่า "กาด" หมายถึง "ตลาด" แฮ่! ล้อเล่น  กาดอันนั้นมันเป็นภาษาถิ่นของภาคเหนือของไทย 

คำว่า "กาด" גָּד ในภาษาฮีบรู หมายถึง โชคดี  (fortune) หรือ מזל טוב (Mazel Tov)

ทั้งนี้เนื่องจาก "กาด" เกิดจากนางศิลปาห์(Zilpah) สาวใช้ของนางเลอาห์(Leah) ที่ยกให้เป็นภรรยาของยาโคบ(Jacob) เนื่องจากนางเลอาห์ ไม่สามารถมีบุตรให้กับยาโคบแล้ว 

เมื่อตอนที่กาดได้ถือกำเนิด นางเลอาห์กล่าวว่า “โชคดีจริงๆ" จึง​ตั้ง​ชื่อ​บุตร​นั้น​ว่า กาด (ปฐมกาล 30:11)  

ซึ่งมีนัยบ่งบอกถึง การเพิ่มทวี”  นางเลอาห์ดีใจ เพราะพระยาห์เวห์ทรงให้มีเด็กที่เกิดขึ้นในครรภ์สาวใช้ของเธอ  ทำให้เธอมีลูกให้กับยาโคบเพิ่มมากขึ้นกว่านางราเชล(Rachel)   

"กาด" หรือชื่อภาษาไทยที่ผมตั้งให้คือ "เด็กชายสบโชค" เป็นบุตรชายคนที่ 7 ของยาโคบ 

1.รูเบน(Reuben) ลูกชายคนโต ชื่อหมายความว่า "บุตรชาย" หรือ "สมชาย" จะบอกว่ายาโคบว่าเธอมีลูกชายให้แล้วนะ รู้ยัง เพราะการมีลูกชายจะทำให้ยาโคบรักเธอ แต่ยาโคบรักนางราเชล 

2.สิเมโอน(Simeon) ชื่อหมายความว่า "รับฟัง" หรือ เด็กชาย"สดับฟัง" เพื่อสำนึกถึงการที่พระยาห์เวห์ทรงสดับรับฟังเสียงคำอธิษฐานของเธอ ทำให้เธอได้มีบุตรคนที่สองกับยาโคบ

3.เลวี(Levi)  ชื่อหมายความว่า "สนิทสนม" หรือ เด็กชาย"สนิทใจ" เหตุที่เธอตั้งชื่อบุตรเช่นนี้เพราะต้องการให้สามีสนิทสนมกับเธอบ้าง

4.ยูดาห์(Judah) ชื่อหมายความว่า "การยกมือขึ้น สรรเสริญ" หรือ เด็กชาย "สรรเสริญ" เป็นการแสดงถึงการขอบพระคุณพระยาห์เวห์ที่ทรงประทานบุตรให้กับเธออีก

5.อิสสาคาร์(Issachar) ชื่อหมายความว่า "สินจ้าง"(hire) หรือ เด็กชาย "สินชัย" นางเลอาห์ จึงตั้งชื่อลูกว่า อิสสาคาร์  หมายถึง  "สินจ้าง"(hire) ค้าจ้างที่ได้ให้ผลดูดาอิมกับนางราเชลเพื่อได้หลับนอนกับยาโคบ 

6.เศบูลุน(Zebulun) ชื่อหมายความว่า "การให้เกียรติ" หรือ เด็กชาย "สมเกียรติ"


ถึงแม้นางเลอาห์จะมีลูกชายถึง 6 คนให้กับยาโคบแต่สิ่งที่นางไม่ได้รับคือ ความสนใจและความรักที่สามีควรจะมีต่อภรรยา ไม่ว่าจะมี เด็กชาย สมชาย,สดับฟัง,สนิทใจ,สรรเสริญ,สินชัยและสมเกียรติ แต่ยาโคบก็ยังมีความรักต่อนางราเชลไม่เปลี่ยนแปลง


แม้ว่าเธอไม่สามารถมีบุตรให้กับยาโคบได้อีกแล้ว เธอก็ยังยกนางศิลปาห์ สาวใช้ของนางเธอให้เป็นภรรยาของยาโคบเพื่อจะมีลูก และเธอก็ได้ลูกสมใจเธอจึงตั้งชื่อว่า "กาด" หมายถึง "โชคดี" ถือเป็นการประสบพบโชคดี  

สำหรับเราในฐานะคริสตชนแล้ว คำว่าโชคดี ไม่อยู่ในพจนานุกรมคริสเตียน ฉบับถวายเกียรติพระเจ้า เพราะเราไม่ได้เชื่อในเรื่องของดวงชะตา วาสนา แต่เรารู้ว่าสิ่งดีที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามาจากการอวยพรของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้มีเป้าประสงค์ลิขิต(destiny)ในชีวิตของเราแต่ละคน

เผ่ากาดก็เช่นกัน  คำว่า "กาด" ยังให้ ความหมายถึง "นักรบ หรือทหาร (troop)"
คำอธิษฐานอวยพรของผู้เป็นบิดา คือ ยาโคบ ได้กำหนดอัตลักษณ์ของเขาว่าเป็น "กาด(Gad) นักรบผู้เก่งฉกาจ"


ปฐมกาล 49:19  ฝ่าย​กาด​นั้น​จะ​ถูก​พวก​ปล้น(troop) ไล่​ปล้น​เขา แต่​เขา​จะ​กลับ​ไล่​ปล้น​ติด​ส้น​พวก​นั้น”

หมายถึงว่าแม้มีศัตรูมาปล้นเขาแต่พวกเขาจะชัยชนะและได้รับสิ่งที่เคยถูกศัตรูปล้นเอาไปกลับคืนเป็น 2 เท่า 

เนื่องจากก่อนตายยาโคบได้สั่งเสียไว้กับโยเซฟ บุตรชายที่อยู่ในประเทศอียิปต์  ขอให้นำกระดูกของท่านออกจากอียิปต์มาฝังในดินแดนคานาอัน ดินแดนแห่งพันธสัญญา(ปฐมกาล 47:27-31)
และเมื่อยาโคบตาย โยเซฟก็ได้นำศพของยาโคบไปฝังไว้ที่เดียวกับอับราฮัม บรรพบุรุษของท่าน


ปฐมกาล 50:13 คือ​บรรดา​บุตร​นำ​ศพ​ไป​ยัง​ดิน​แดน​คา​นา​อัน แล้ว​ฝัง​ไว้​ใน​ถ้ำ​ที่​อยู่​ใน​นา​ชื่อ มัค​เป-ลาห์ เป็น​นา​ซึ่ง​อับ​รา​ฮัม​ซื้อ​ไว้​จาก​เอ​โฟรน​คน​ฮิต​ไทต์​เป็น​สุสาน อยู่​หน้า​มัมเร

และยาโคบยังมีความปรารถนาให้ลูกหลานของเขา อยู่ในดินแดนนี้และตายที่นี่ แต่ต่อมาภายหลังดินแดนนี้ถูกศัตรูยึดไปจากอิสราเอล


แต่ในที่สุดคำเผยพระวจนะของยาโคบเป็นจริงในสมัยของโมเสส เพราะเผ่ากาดเป็นทหารผู้กล้าหาญที่นำคนอิสราเอลได้รับชัยชนะในการพิชิตดินแดนที่พระยาห์เวห์สัญญาไว้แล้วกลับไปของคนอิสราเอลอีกครั้ง(กันดารวิถี 32:16-21)  

และเมื่อสมัยของโยชูวาแบ่งดินแดนพวกเขาได้มรดกเป็นดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน (โยชูวา 22:1-34) กระดูกของโยเซฟก็ได้มาฝังในดินแดนนี้ 

โยชูวา 24:32 กระ​ดูก​ของ​โย​เซฟ​ซึ่ง​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล​นำ​ขึ้น​มา​จาก​อียิปต์​นั้น เขา​ฝัง​ไว้​ที่​เมือง​เช​เคม ใน​ส่วน​ที่​ดิน​ซึ่ง​ยา​โคบ​ซื้อ​ไว้​จาก​บุตร​หลาน​ของ​ฮา​โมร์​บิดา​ของ​เช​เคม​เป็น​เงิน​หนึ่ง​ร้อย​แผ่น ที่​นี้​ตก​เป็น​มรดก​ของ​พงศ์​พันธุ์​โย​เซฟ

คำเผยพระวจนะของโมเสส เกี่ยวกับเผ่ากาด
เฉลยธรรมบัญญัติ 33:20-21  

20 ท่าน​กล่าวถึง​กาด​ว่า “สาธุการ​แด่​พระ​องค์​ผู้​ทรง​ขยาย​กาด กาด​หมอบ​อยู่​เหมือนกับ​สิงห์ เขา​ทึ้ง​แขน​และ​กระหม่อม​บน​ศีรษะ


21 เขา​เลือก​แผ่นดิน​ส่วน​ดี​ที่สุด​เป็น​ของ​ตน เพราะ​ส่วน​ของ​ผู้บังคับบัญชา​ได้​มี​เ​ก็​บ​ไว้​ที่​นั่น​แล้ว​ และ​เขา​มาถึง​หัวหน้า​ของ​ชน​ชาติ​นี้ เขา​ได้​กระทำ​ตาม​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​เจ้า และ​ตาม​กฎหมาย​ซึ่ง​มี​ต่อ​อิสราเอล”
  
เผ่ากาดเป็นนักรบที่เก่งฉกาจ เป็นสิงห์ทะเลทราย เมื่อเราศึกษาจากพระคัมภีร์เราจะเห็นเผ่ากาดเป็นเผ่าที่ต่อสู้ร่วมกับโมเสสและโยชูวามาโดยตลอด

เมื่อโมเสสได้สำรวจประชากรอิสราเอล จะเห็นว่าเผ่ากาดมีจำนวนเกือบจะน้อยที่สุดคือ 40,500 คน 
กันดารวิถี 26:18 เหล่า​นี้​เป็น​คน​ตระกูล​ของ​บุตร​ของ​กาด​ตาม​จำนวน​ของ​เขา​มี​สี่​หมื่น​ห้า​ร้อย​คน

พวกเขามีจำนวนน้อยแต่พวกเขาเป็นนักรบที่เก่งฉกาจ  ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพอใจในดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน เช่นเดียวกับเผ่ารูเบนและเผ่ามัสเสห์ครึ่งเผ่า 

แต่เท่านั้นยังไม่พอ เผ่ากาดได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนร่วมกับเผ่าอื่น ๆ เพื่อไปยึดครองดินแดนทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน คือดินแดนแห่งพันธสัญญาทั้งหมดที่พระยาห์เวห์ทรงสัญญาไว้  

กันดารวิถี 32:20-22 
20 โมเสส​จึง​กล่าว​แก่​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “ถ้า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​หยิบ​อาวุธ​ขึ้น​เข้า​สู่​สงคราม​ต่อ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​
 21 และ​คน​ของ​ท่าน​ทุก​คน​ที่​ถือ​อา​วุธ​จะ​ข้าม​แม่​น้ำ​จอร์​แดน​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยาห์​เวห์ จน​กว่า​พระ​องค์​จะ​ทรง​ขับ​ไล่​ศัตรู​จาก​พระ​พักตร์​ของ​พระ​องค์ 
22 และ​แผ่น​ดิน​นั้น​พ่าย​แพ้​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์ ภาย​หลัง​ท่าน​จึง​จะ​กลับ​บ้าน​และ​พ้น​จาก​พันธะ​ที่​มี​ต่อ​พระ​ยาห์​เวห์​และ​อิส​รา​เอล แผ่น​ดิน​นี้​ก็​จะ​ตก​เป็น​กรรม​สิทธิ์​ของ​พวก​ท่าน​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​ยาห์​เวห์

พวกเขาได้ร่วมต่อสู้จนชนะกษัตริย์สิโหนและโอกและได้รับรางวัลในดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนเป็นกรรมสิทธิ์  (โยชูวา 12:1-6)

เผ่ากาดแสดงเห็นถึงหัวใจนักรบที่เสียสละ  พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตนป็นหลัก แต่มีใจเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมและเชื่อฟังพระเจ้าด้วยสุดใจ 

ข้อคิดจากเผ่ากาด คือ เราต้องมีหัวใจแห่งนักรบ ต้องต่อสู้เพื่อชัยชนะ  ฟันฝ่าอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จให้ได้ ไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนแต่ขึ้นอยู่กับใจที่ยอมจำนนต่อพระเจ้า และเราจะได้รับชัยชนะและให้เรามีใจที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าส่วนตัว 

ขอพระเจ้าอวยพระพรเดือนนี้ให้เป็นเดือนแห่งชัยชนะ ที่เราผ่านแรงกดดันและการทดสอบเข้ามาในช่วงเดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าเราได้รับการอวยพรทวีคูณจากสิ่งที่เคยถูกศัตรูปล้นเอาไปแต่จะได้กลับคืนเป็น 2 เท่า เช่นเดียวกับเผ่ากาด(ปฐมกาล 49:19 ) 

เดือนนี้เป็นเดือนที่พระยาห์เวห์  จอมกษัตราอยู่ในสมรภูมิชีวิตของเรา   (The King is in the field)  

เดือนเอลูลเป็นช่วงเวลาที่กษัตริย์จะเสด็จออกท้องทุ่งและทำการรบร่วมกับเราในทุกสมรภูมิชีวิต 
ปัญญาจารย์  5:9 อย่าง‍ไร​ก็​ตาม ผล‍ประ‌โยชน์​ของ​ประ‌เทศ​คือ​มี​กษัตริย์​ดู‍แล​ไร่‍น า
พงศาวดาร 19:4เย‌โฮ‌ชา‌ฟัท​ประ‌ทับ​ที่​กรุง‍เย‌รู‌ซา‌เล็ม​และ​พระ‍องค์​เสด็จ​ออก​ไป​ท่าม‍กลาง​ประชาชน​อีก 
เดือนนี้เชื่อว่าเราจะได้เก็บเกี่ยว "รางวัล" คือ สิ่งที่เราหว่าน และลงแรงอย่างต่อเนื่อง  เราต้องขอบคุณพระเจ้าสำหรับความอุดมสมบูรณ์ที่พระองค์ทรงกระทำในชีวิต   ในพระธรรมสดุดี 27 เป็นพระธรรมที่ใช้อ่านประจำเดือนนี้
  
สดุดี  27:13 ​ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า ข้าพเจ้าจะเห็นความดีของพระยาห์เวห์ในแผ่นดินของคนเป็น

คำว่า “เชื่อแน่ว่า”  มาจากคำว่า “เอลูล” คือ เชื่อและทำอย่างพากเพียรจนได้เก็บเกี่ยว ดังเช่นเผ่ากาดพวกเขาร่วมต่อสู้ร่วมกับคนอิสราเอล จนได้ดินแดนแห่งพันธสัญญามาเป็นรางวัล

ขอปิดท้ายบทความนี้ ด้วยการกล่าวถึง คนชื่อ "กาด" ที่ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ แม้ว่าคนนี้จะไม่ได้อยู่ในเผ่ากาด แต่เขามีความสำคัญ เพราะเขาคือ "กาด ผู้ทำนาย(the seer) " 

ผู้ทำนาย คือผู้เผยพระวจนะในสมัยก่อนของอิสราเอล เป็นผู้นำเสียงของพระเจ้ามาถึงประชาชน

1 ซามูเอล 9:9  ในอิสราเอลสมัยเดิม เมื่อคนใดจะไปทูลถามพระเจ้า เขากล่าวว่า "มาเถิด ให้เราไปหาผู้ทำนายกัน" เพราะผู้ที่ในสมัยนี้เราเรียกว่าผู้เผยพระวจนะนั้น ในสมัยเดิมเขาเรียกว่า ผู้ทำนาย

ซามูเอล  22:5 แล้วผู้พยากรณ์กาดกล่าวแก่ดาวิดว่า "ท่านอย่าอยู่ในที่กำบังเข้มแข็งนี้เลย จงไปเข้าในแผ่นดินยูดาห์เถิด" ดาวิดก็ไปและมาอยู่ในป่าเฮเรท

กาดเป็นบุคคลสำคัญ เป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ดาวิดและเป็นผู้บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของอิสราเอล
1พงศาวดาร 29:29-30  
29 ส่วนพระราชกิจของกษัตริย์ดาวิด ตั้งแต่ต้นจนที่สุด ดูเถิด ได้บันทึกไว้ในหนังสือของซามูเอลผู้ทำนาย และในหนังสือของนาธันผู้พยากรณ์ และในหนังสือของกาดผู้ทำนาย
30 มีเรื่องราวการครอบครองของพระองค์ทั้งสิ้น และยุทธพลังของพระองค์ และเรื่องราวที่บังเกิดกับพระองค์และกับอิสราเอล และบรรดาราชอาณาจักรทั้งสิ้นของประเทศต่างๆ

ผมเชื่อว่าในยุคปัจจุบัน เป็นยุคของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ช่วงเวลาของธรรมิกชน พระเจ้าทรงปรารถนาจะเปิดเผยสำแดง เมื่อคนของพระองค์เข้ามาอธิษฐานและฟังเสียงของพระองค์
แม้ในปัจจุบัน เราอาจจะยังไม่เป็น The Seer เป็นแต่ เดอะ ซีเอ๋อ มองแล้วยังเอ๋อๆ งงอยู่ ยังเห็นไม่ค่อยชัเจน ขอหนุนใจว่า "เห็นมัวๆ ดีกว่ามั่วเห็นๆ" ฝึกฝนต่อไปและพัฒนาของประทานที่เป็นเมล็ดพันธ์ในชีวิตวันหนึ่งมันจะงอกงามเป็นต้นกล้าที่เติบโต พระเจ้าจะประทานสายตาในฝ่ายวิญญาณให้เราได้เห็นและรู้จักพระองค์มากขึ้น 

1โครินธ์ 13:11-12
11 เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าพูดอย่างเด็ก คิดอย่างเด็ก ใคร่ครวญหาเหตุผลอย่างเด็ก แต่เมื่อข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ข้าพเจ้าก็เลิกอาการเด็กเสีย
12 เพราะว่าบัดนี้เราเห็นสลัวๆเหมือนดูในกระจก แต่เวลานั้นจะได้เห็นพระพักตร์ชัดเจน เดี๋ยวนี้ความรู้ของข้าพเจ้าไม่สมบูรณ์ เวลานั้นข้าพเจ้าจะรู้แจ้งเหมือนพระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้า

ขอพระเจ้าอวยพร พบกันใหม่เดือนหน้าคือเดือนทิชรี(Tishri) การเริ่มใหม่ของปี 5777  เดือนแห่งเผ่าเอฟราอิม(Ephraim)  นะครับ