16 ธันวาคม 2553

Christmas เทศกาลแห่งการให้: ความสุขของผู้ให้ รอยยิ้มของผู้รับ

สวัสดีครับ เพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ในช่วงเดือนนี้เป็นช่วงเทศกาลแห่งการให้ ไม่ว่าจะเป็นของขวัญและการ์ด ส... ส่งความสุขให้แก่กัน

ในโอกาสวันคริสตมาสที่จะมาถึงนี้ ทุกคนสามารถรับของขวัญอันล้ำค่าที่สุดที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้แก่มนุษย์ในโลกนี้ นั่นคือ “การที่พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ได้เสด็จลงมาประสูติเป็นมนุษย์ และสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนเพื่อไถ่ความผิดบาปของมนุษย์ทั้งหลาย พระองค์ได้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ในวันที่สาม และเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ และทรงประทานพระสัญญาแก่มนุษย์ทุกคนว่า บรรดาผู้ที่เชื่อวางใจในองค์พระเยซูคริสต์จะได้รับชีวิตนิรันดร์”

วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีและตลอดช่วงเดือนธันวาคมที่คริสเตียนโดยทั่วไปได้จัดงานเฉลิมฉลองเพื่อระลึกถึงการมาบังเกิดของพระเยซูคริสต์

แม้ว่าเราจะไม่ทราบอย่างแท้จริงว่าพระเยซูคริสต์ พระองค์ประสูติในวันที่เท่าใด แต่เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าพระองค์ทรงเป็นของขวัญล้ำค่าที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเรา

ในวันนี้ผมได้นำเอาประวัติความเป็นมาและสิ่งสำคัญในวันคริสต์มาสมาเรียบเรียงเขียนให้อ่านกันครับ

Christmas เทศกาลแห่งการให้: ความสุขของผู้ให้ รอยยิ้มของผู้รับ

(ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org)

คำว่า Christmas ในภาษาอังกฤษ เป็นคำประสมซึ่งหมายถึง "มิสซาของพระคริสต์" มาจากคำในภาษาอังกฤษยุคกลางว่า Christemasse และภาษาอังกฤษโบราณ ว่า Cristes mæsse ซึ่งถูกพบครั้งแรกในเอกสารโบราณภาษาอังกฤษในปี ค.ศ. 1038

คำว่า "Cristes" มาจากภาษากรีก คำว่า "Christos" และ "mæsse" มาจากภษาละติน

Missa หมายถึง มิสซาอันศักดิ์สิทธิ์ ในภาษากรีกโบราณ ตัวอักษร X เป็นตัวอักษรแรกในคำว่า "คริสต์" จากการที่มันมีลักษณะเหมือนกับอักษรโมัน X จึงได้ถูกใช้เพื่อย่อคำว่า "คริสต์" นับตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรษที่ 16 ด้วยเหตุนี้ ในบางครั้ง X'mas จึงใช้เพื่อย่อคำว่า "คริสต์มาส"


ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส

ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในรัชกาลของจักรพรรดิออกุสตุสแห่งโรม ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยคีรีนิอัส เจ้าเมืองก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนแห่งโรมัน กำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยเทพ

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริย เทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64 - ค.ศ. 313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย

คำอวยพร

คำอวยพรสำหรับเทศกาลคริสมาสใช้ คำอวยพรว่า Merry Christmas (แมรี่ คริสต์มาส) สุขสันต์วันคริสต์มาส คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ

เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส ต่อมาคือ "เพลง" ที่ใช้เฉลิมฉลองทั้งจังหวะช้าและจังหวะสนุกสนาน ส่วนใหญ่แต่งในยุคพระราชินีวิกตอเรียแห่งอังกฤษ (ค.ศ.1840-1900) ปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลกโดยแปลเป็นภาษาต่างๆ มากมาย

ต้นคริสต์มาส

ต้นคริสต์มาสหรือต้นสนที่นำมาประดับประดาด้วยดวงไฟหลากสีสัน การตกแต่งนี้ย้อนไปในศตวรรษที่ 8 เมื่อเซนต์บอนิเฟส มิชชันนารีชาวอังกฤษที่เดินทางไปประกาศเรื่องพระเจ้าในเยอรมนี ได้ช่วยเด็กที่กำลังจะถูกฆ่าเป็นเครื่องสังเวยบูชาที่ใต้ต้นโอ๊ก โดยเมื่อโค่นต้นโอ๊กทิ้งก็ได้พบต้นสนเล็กๆ ต้นหนึ่งขึ้นอยู่โคนต้นโอ๊ก ท่านจึงขุดให้คนที่ร่วมพิธีกรรมเหล่านั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของชีวิต และตั้งชื่อว่า "ต้นกุมารพระคริสต์" ต่อมา มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้นำคริสตจักรชาวเยอรมัน ตัดต้นสนไปตั้งในบ้านในเดือนธันวาคม ปีค.ศ.1540 หลังจากนั้นในศตวรรษที่ 19 ต้นคริสต์มาสจึงเริ่มแพร่ไปสู่ประเทศอังกฤษและทั่วโลก

การร้องเพลงแครอลิ่ง (Caroling)

ในช่วงศตวรรษแรกของคริสตศาสนา การร้องเพลงแครอลิ่ง (Caroling) คือวัฒนธรรมพื้นบ้านที่เก่าแก่ที่สุด ที่ยังคงมีอยู่ทั่วโลก
คำว่า แครอลิ่ง เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก หมายถึง ร้องเพลงวนหลายๆ รอบ หรือเต้นระบำด้วยความชื่นชมยินดี ในสมัยก่อนที่มีหลายเทศกาลที่ร้องเพลงแครอลิ่ง แต่เทศกาลที่คนรู้จักกันที่สุดก็คงจะเป็น คริสต์มาสแครอลิ่งซึ่งเนื้อหาของเพลงเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการประสูติของพระกุมารเยซู


ซานตาคลอส

นักบุญ(เซนต์)นิโคลัสแห่งเมืองไมรา นักบุญองค์นี้เป็นสังฆราช ของ ไมรา มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่4 ได้รับการยกย่องให้เป็นซานตาคลอสคนแรก เพราะมาวันหนึ่ง เป็นวันคริตส์มาสเซนต์จึงเดินทางแจกของขวัญให้กับเด็กๆอย่างมีความสุข

แม้ว่าซานตาคอสจะทำให้เทศกาลวันคริสต์มาสมีสีสันและความสุขมากขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่คริสตชนให้ความสำคัญคือ พระเจ้าประทานพระบุตรของพระองค์คือพระเยซูคริสต์เป็นของขวัญให้กับเรา เพื่อเราจะได้รับชีวิตนิรันดร์จากพระองค์

ยอห์น 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์

การเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ของผู้ให้ ส่งผลที่ใหญ่ยิ่งถึงผู้รับ

(แหล่งที่มา : หนังสือชื่อ 20th Century Thought that Shaped the Church, หน้า 106)


คอร์รี่ เทน บูม (Corrie Ten Boom) นักศาสนศาสตร์และนักเขียน ชาวเนเธอร์แลนด์ กล่าวไว้อย่างน่าฟัง และทำให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริงในเทศกาลคริสต์มาส ดังนี้

ใครจะสามารถเพิ่มสิ่งใดเข้าไปในเทศกาลคริสต์มาสได้อีกเล่า

แรงจูงใจที่ดีเลิศ คือ พระเจ้าทรงรักโลกยิ่งนัก

ของขวัญที่ดีเลิศ คือ พระเจ้าทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์

เงื่อนไขเดียวที่จำเป็น คือ การเชื่อวางใจในพระองค์


รางวัลแห่งการเชื่อวางใจนั้น คือ เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์


เทศกาลคริสต์จึงเป็นเทศกาลแห่งการให้ ที่เป็นความสุขของผู้ให้ ทำให้เกิดรอยยิ้มของผู้รับ

เพราะพระเยซูคริสต์สอนเราทั้งหลายไว้ว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"

กิจการของอัครทูต 20:35 ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"

เมื่อเรารับของขวัญคือชีวิตนิรันดร์ จากพระเจ้าอย่าลืมมอบต่อให้กับคนที่เรารัก และเมื่อเราได้รับข่าวประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ คือ ข่าวประเสริฐเรื่องความรอดผ่านทางพระเยซูคริสต์ อย่าลืมส่งต่อข้อความนี้ไปถึงทุกคนด้วย ส..ส ส่งความสุข วันคริสต์มาส

Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น